“บุคคลแนวหน้า” ใน “หนังสือพิมพ์แนวหน้า สื่ออุดมการณ์มั่นคง ตรงไปตรงมาwww. naewna.com” ฉบับนี้ “ไม้หน้าสาม” ขอเริ่มด้วยปรัชญาชาวจีนโบราณบทหนึ่ง เขียนไว้ว่า “เถียงแพ้นักปราชญ์ยังได้ความรู้กลับมา เถียงกับคนโง่มีแต่เสียเวลา” ฉันใดก็ฉันนั้นอย่าได้เสียเวลาไป “ถกประเด็นกับคนอาชีพนักการเมือง–กลุ่มชังชาติชังสถาบัน” ที่กระเหี้ยนกระหือรือ ปลุกระดมปลุกเร้าให้ “ยุวชนเยาวชนและประชาชน” ออกมาชุมนุมในสัปดาห์หน้า“14 ตุลาคม 2563” โดยยกเอาข้ออ้างเรื่องประชาธิปไตยและการแก้ไขรัฐธรรมนูญและเรื่องปากท้องมาเป็น “ตรรกะ” เพื่อฉกฉวยใช้เวทีดังกล่าว สาดสีให้ร้ายจาบจ้วงพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยไม่สนใจต่อสภาพสภาวการณ์ทั้งเศรษฐกิจการเมืองและสังคม โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของ “โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา โควิด-ไนน์ทีน” ที่กำลังทวีความรุนแรงกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดต่อกับประเทศไทย ยังมีบางกลุ่มที่พยายามยกหางตัวเองขึ้นเปรียบเทียบกับการชุมนุมใหญ่ของนักเรียนนิสิตนักศึกษาประชาชนเรือนแสนเรือนล้านคนที่เรียกร้องประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญจนเนืองแน่นถนนราชดำเนินนำไปสู่เหตุการณ์ “วันมหาวิปโยค 14 ตุลาคม 2516”...
nn หลายคนตาสว่างเหมือนปราชญ์มาโปรด ล่าสุด “อานนท์ แสนน่าน” อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงอีสาน ประกาศปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ร่วมชุมนุมครั้งนี้ด้วย ถ้าให้ดียิ่งขึ้น “13 ตุลาคม : วันคล้ายวันสวรรคตพ่อหลวง รัชกาลที่ 9 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร”เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณตลอดการ “ครองราชย์ด้วยทศพิธราชธรรม” เชิญชวนคนไทยสวมใส่เสื้อเหลืองโดยพร้อมเพรียงให้ประชาคมโลกและกลุ่มชังชาติชังแผ่นดินชังสถาบัน จักได้ตระหนักในพลังศรัทธาของประชาชนคนไทยที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์...
nn โบราณสอนไว้ “สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น” เจอมากับตาตนเอง มียุวชนเยาวชนจิตอาสา ช่วยเหลือผู้ปกครองสร้างเสริมรายได้แบ่งเบาภาระบุพการี อยู่ในกรอบสิทธิเสรีภาพที่พึงมีพฤติกรรมต่างจากกลุ่ม “นักเรียนเลว” ที่สวดมนต์ แต่เจ้ายังนินทา ทำทาน แต่เจ้ายังเอาเปรียบมีความรู้ แต่เจ้าดูถูกคน ซ้ำยังเปิดพรีออเดอร์ขายชุดนักเรียนเลวสีดำ ชุดละ 2,999 บาท ย้อนแย้งกับสิ่งที่กลุ่มออกมาเคลื่อนไหวหันหลังให้กับชุดนักเรียน สร้างเวรกรรมให้บุพการีผู้ปกครองอีกกระทอก...
nn จิตอาสาที่ว่าเหตุเกิดที่“ร้านดอยคำ สาขาพระนครศรีอยุธยา” นักเรียนจาก “โรงเรียนอยุธยานุสรณ์”เห็นพนักงานกำลังยกสินค้าเข้าร้าน ด้วยจิตอาสาเห็นพี่ๆ ขนของมากมายจึงอาสาช่วย ภาพของนักเรียนหญิง มะงุมมะงาหราคนละไม้ละมือ จึงดูงดงามเมื่อเทียบกับ “กลุ่มนักเรียนเลว” ที่ร่านล่าไล่ “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ–ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ, ไล่ทหารแก่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” บางกลุ่มสกปรกตกมันจาบจ้วงพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ทรงคุโณปการสร้างชาติบ้านเมืองให้คนรุ่นนี้มีที่ซุกหัวนอน มีศักดิ์ศรีเสรีภาพความเป็นไทต้องบอก “นายกระบือที่ตามหานกเอี้ยง” หยุดใช้เด็กเป็นเครื่องทำมาหากินสร้างผลประโยชน์ทางการเมืองเพื่อตนเองและพวกพ้อง หยุดก่อนที่จะไม่มีแผ่นดินกลบหน้าเหมือน “นักการเมืองทรราช” บางคน...
nn แม้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่กำหนดไทม์ไลน์วันเลือกตั้งการเมืองท้องถิ่น แต่นักการเมือง “สามตะกร้า” อย่าง “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ - หัวหน้าคณะก้าวหน้า” ก็ส่งทีมงานลงพื้นที่เป้าหมายเดินสายไล่ล่าหวังกอบโกยคะแนนจากประชาชนคนรู้ไม่ทันยึดหัวหาดการเมืองท้องถิ่นแต่ไก่โห่ สุดท้าย ประโยคที่ “เคยพร่ำสำรอกก็แค่ถ่มน้ำลายรดฟ้า” ไม่ต่างอะไรไปจาก “คนอาชีพนักการเมืองน้ำเน่า”เมื่อ “วสุ ผันเงิน” นายก อบต.บ้านใหม่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คถึง “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” แกนนำคณะก้าวหน้าว่า ในฐานะที่ท่านสามตะกร้า - ธนาธรอยู่เบื้องหลัง คณะก้าวหน้านนทบุรี ซึ่งจะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี และสมาชิกสภา อบจ. 36 เขต ทั่วทั้งจังหวัด คำถามก็คือ ทำไม ผู้สมัคร สจ. ทุกคนในนามทีมคณะก้าวหน้านนทบุรี ต้องจ่ายเงินคนละ 32,000 บาท อ้างว่า นั่นโน่นนี่ เหตุที่มีข้อความเยี่ยงนี้โผล่ประจานสังคมคนนนทบุรีและสังคมไทยทั่วประเทศ เพราะ “เด็กๆ ว่าที่นักการเมืองหน้าใหม่ของนนทบุรี เขาเดินหาเสียง ทำกิจกรรมในนามแก๊งสามตะกร้ามาเป็นปีๆ นำเสนอนโยบายท่านให้ชาวเมืองนนท์ได้รับรู้ แบบเต็มกำลัง โดยไม่เคยร้องขอเงินพรรค หรือเงินจากหัวหน้าคณะก้าวหน้านนทบุรีสักบาท ถ้าไพร่แสนล้านออกอาการตระหนี่ อยากได้แต่ไม่ลงทุน แบบนี้ลูกทีม สจ. ขอย้ายโบกี้รถไฟ จะสบายใจกว่า ขึ้นชื่อว่าทุเรียน จะลูกใหญ่หรือลูกเล็ก หนามมันย่อมคมเสมอ ท่านสามตะกร้ากับทีมเป็นแค่ส้มเขียวหวาน จะลูกใหญ่หรือลูกเล็ก เมื่อโดนหนามทุเรียนกระแทกเข้าไปเปลือกส้มบางๆ ย่อมแตกกระจายอย่างง่ายดาย ขอเตือนว่า “อาตี๋เอ๊ย ถ้าเอ็งประสบการณ์น้อย อย่ามาทะลึ่งสอยทุเรียน”...
nn ปิดท้ายขอฝากความถึง “ขุนคลังคนล่าสุด – อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” ในฐานะมัจฉาที่เคยร่วมข้อง “ชมพู-ม่วง” เดียวกันมาการเข้ามานั่งเก้าอี้นี้ไม่มีเวลาให้ออกแบบท่าเต้นกับเศรษฐกิจ ยุคนี้ มีแต่ศึกษา...ศึกษา และศึกษาความเป็นจริงและเป็นได้เท่านั้น ในฐานะสื่ออยากชี้ว่า ในเรื่องการส่งออก “อัตราแลกเปลี่ยน” ก็เหมือน “ปืนใหญ่” ในกองทัพ ในด้านการค้าขาย “เงิน”เป็นเสมือนหนึ่ง “กองทัพ” ของประเทศ เมื่อจะออกรบด้วยหวังชัยชนะ ตั้งเป้าหมายให้ GDP โต 5-6% กองทัพต้องเข้มแข็ง หมายความว่าต้องมีการเงินที่เข้มแข็ง...
nn อัตราแลกเปลี่ยน ณ ปัจจุบันนี้มันยังไม่สามารถสานฝันการรบให้ชนะได้ “ขุนคลัง” ต้องยอมฉีก “ทฤษฎีการค้าเสรี”สักครั้งยอมเปลืองตัวเข้าไปดำเนินการด้วยวิธีหนึ่งวิธีใดหรือหลายวิธีเพื่อให้ค่าบาทในปัจจุบันอ่อนลง 10% เราจักสามารถเพิ่มศักยภาพของกองทัพ “เงิน” ให้สามารถต่อกรสู้รบปรบมือกับต่างชาติคู่แข่งได้ และจะสามารถทำให้ GDPโตขึ้นได้ 5% การโตขึ้น 5% ของ GDP จักสามารถทำให้โรงงานต่างๆ ในประเทศสามารถเพิ่มกำลังการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพรวมทั้งมีกำไรมากขึ้น เมื่อธุรกิจโรงงานมีผลกำไรก็เกิดการขยายตัวก็จำเป็นต้องเพิ่ม Investments การจ้างงานก็จักเกิดขึ้นตามไปด้วย อัตราการว่างงานก็จะลดน้อยลง จักเป็นว่าการลดค่าบาทมีผลสัมพัทธ์อย่างมีนัยต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ เยี่ยงนี้จักลบข้อครหาที่ว่า รัฐบาลทหารแก่ไม่มีความรู้ความสามารถในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ นอกจาก “กู้เงินเพิ่มหนี้สาธารณะเอามาแจก...แจก...แจก” ตะบี้ตะบันเยี่ยงที่ผ่านมา...
ไม้หน้าสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี