พูดกันให้ชัดว่าประชาชนจำนวนไม่น้อย รู้สึกว่า รัฐบาล “เพิกเฉยเกินไป” ในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ถูกกดดันด่าทออย่างหยาบคาย ไร้ความเคารพเทิดทูนครั้งแล้วครั้งเล่า
จุดสุดท้ายของความทนได้ของปวงชนชาวไทย คือข้อความว่าที่ต่ำทรามอย่างที่สุด ที่พ่นหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ “พระพันปีหลวง” ที่หน้าวัดปทุมวนาราม
สถานการณ์ที่ปล่อยให้ปวงชนชาวไทย “เหลือทน” นั้น มีความสุ่มเสี่ยง ที่ประชาชนจะปะทะกับประชาชนด้วยกันเอง แล้วเกิด “จลาจล” ขึ้นมา ตามแผนการยั่วยุของฝ่ายชุมนุม ที่บัดนี้ชัดเจนแล้วว่า ต้องการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยต้องการยั่วยุ นำไปสู่ความวุ่นวายร้ายแรง จนกองทัพอาจต้องเข้ามาควบคุมสถานการณ์เพราะ “รัฐล้มเหลว” ซึ่งจะเข้าทางผู้ชุมนุมที่จะใช้ “โลกล้อมประเทศไทย” ตามเครือข่ายที่ประสานกันไว้
จึงรู้สึก “ดีใจ” ที่เห็น นายถาวร เสนเนียม สส.ประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นมามีปฏิกิริยา
โดยเมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 24 พฤศจิกายน 2563 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม และ สส.สงขลา แถลงข่าวเปิดโปงเบื้องหลังการชุมนุมม็อบ และขบวนการล้มล้างสถาบัน ที่มีผู้บงการอยู่เบื้องหลัง ย้ำคนไทยต้องร่วมกันปกป้องพิทักษ์รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์มิให้ถูกคุกคามล้มล้าง ทั้งนี้ นายถาวรได้นำคลิปวีดีโอมาเปิดต่อสื่อมวลชนด้วย
โดย นายถาวรกล่าวว่า ที่มาของการออกมาแสดงจุดยืนในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์จากการถูกคุกคามในครั้งนี้ ว่า ตนในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่งที่มีความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีต่อชาติไทยมาอย่างยาวนานกว่า 800 ปี นำพาชาติพ้นภัยทั้งการรุกรานจากชาติตะวันตกด้วยลัทธิล่าอาณานิคม ตลอดจนภัยจากลัทธิคอมมิวนิสต์ ทำให้ชาติไทยคงเอกราชมาถึงปัจจุบันด้วยพระบารมี และในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทย สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่มีอุดมการณ์ของการก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์กว่า 74 ปี โดย 1 ใน 10 คำประกาศอุดมการณ์ของพรรคนั้น ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า
“พรรคจะดำเนินการเมือง โดยอาศัยหลักกฎหมายและเหตุผล เพื่อความศักดิ์สิทธิ์แห่งรัฐธรรมนูญ และเพื่อเป็นเยี่ยงอย่างแก่อนุชนรุ่นหลังให้มีความนับถือและนิยมในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”
รวมถึงหน้าที่ของปวงชนชาวไทย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 50 บุคคลมีหน้าที่พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งทั้ง 3 สถานะทำให้ตนมีความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงต้องแสดงออกถึงความจงรักภักดีด้วยการออกมาปกป้องผู้ที่คิดไม่หวังดีต่อชาติบ้านเมือง
นายถาวร ยังกล่าวถึงประเด็นการชุมนุมครั้งนี้ว่ามีคนบงการอยู่เบื้องหลังโดยใช้เด็กเป็นเครื่องมือ เป็นสะพานเชื่อมนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง มีเป้าหมาย“ล้มสถาบันฯ” แต่เลี่ยงไปใช้คำว่า “ปฏิรูป” เพราะปรากฏความสอดคล้องระหว่างหลักคิดของคนบงการซึ่งถูกนำไปปฏิบัติในการชุมนุม ซึ่งเป็นหลักคิดชุดเดียวกัน คือ ต้องการเปลี่ยนแปลงสถาบัน เพราะคิดว่าสถาบัน เป็นอุปสรรคการก้าวขึ้นสู่อำนาจทางการเมืองของกลุ่มตน
เริ่มตั้งแต่เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2559 นายปิยบุตร แสงกนกกุล ไปพูดที่มหาวิทยาลัยลอนดอน เรื่อง Thailand in a Deeper State of Crisis? กล่าวหาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ว่ามีอำนาจอิทธิพลเหนือผู้พิพากษา อันเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งปรากฏตามคลิปวีดีโอและปรากฏตามเอกสารซึ่งเข้าลักษณะทฤษฎีสมคบคิด ทำไม? ถึงบอกว่า ปิยบุตร บิดเบือน เพราะพระราชดำรัสที่ตรัสต่อศาลในวันที่ 24 เม.ย.2549 นั้น ในหลวงไม่ได้สั่งศาล และทรงย้ำว่าไม่เคยใช้อำนาจของพระองค์ตามที่ปิยบุตรบิดเบือน
สำหรับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ได้ร่วมกันสมคบคิดก็ปรากฏตามหนังสือ Portrait ธนาธร (2561) หน้า 277 ว่า “...วิธีการของเราคือต้องมีอำนาจและต่อรอง (กับ) xxxx นี่ต่างหากคือเป้าหมาย ถ้าจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ เอาทหารออกจากการเมืองไม่ได้หรอก จัดการเรื่องนี้ไม่ได้ จัดการเรื่องศาลไม่ได้หรอก จัดการเหี้ยห่าอะไรไม่ได้...”
นายธนาธร กับนายปิยบุตร มาตั้งพรรคอนาคตใหม่ พุ่งเป้าสถาบันฯ แต่ลดโทนลงเพื่อลดแรงกดดันจากสังคม จนกระทั่งในที่สุดพรรคถูกยุบเพราะผู้บริหารพรรคทำผิดกฎหมาย
นายถาวร กล่าวว่า อีกเหตุการณ์ที่เหยียบย้ำความรู้สึกของคนไทย คือ เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2562 เกิด Flash Mob ในช่วงบ่าย นายธนาธร ไปพูดที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บอกว่า
มี 2 ทางเลือก ในการแก้รัฐธรรมนูญ คือ ยินยอมพร้อมใจกันทุกฝ่าย หรือ แก้ด้วยเลือด และในวันนั้นมีผู้ร่วมชุมนุมชูป้าย อันมิบังควรซึ่งข้างหลังเป็นภาพพระบรมฉายาลักษณ์ เป็นครั้งแรกที่แสดงการจาบจ้วงเชิงสัญลักษณ์ในที่สาธารณะอย่างเปิดเผยและมีอีกหลายครั้ง เช่น นายปิยบุตร ได้แสดงความคิดเห็นหรือโพสต์ข้อความ เมื่อ 27 ก.ค.2563 3 วันอันยิ่งใหญ่ของประชาชนในการลุกขึ้นสู้โค่นล้ม Charles X เปลี่ยนเป็นระบอบกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ (ปฏิวัติฝรั่งเศส ปี ค.ศ.1789) อยากทราบว่านายปิยบุตร มีวัตถุประสงค์อะไร
เพียงระยะเวลา 8 เดือน เท่านั้น สามารถยกระดับการชุมนุมต่อต้านสถาบันจากเชิงสัญลักษณ์และปกปิดมาเป็นการเสนอข้อเรียกร้องอย่างเปิดเผย ซึ่งนายธนาธรบอกว่า ประตูบานแรกเปิดขึ้นแล้ว คือการยื่นข้อเสนอเพื่อปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์
รวมทั้ง นายธนาธรพูดเองว่า จำเป็นต้องพูดเรื่องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ หลังจากก่อนหน้านี้พูดอ้อมๆ มาตลอด และที่สามารถดำเนินการได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว เพราะมีการดำเนินการจัดตั้งเครือข่าย หล่อหลอมความคิดผ่านกระบวนการ Hate Speech ต่อต้านสถาบันฯ ในกลุ่มเด็ก เยาวชน นักเรียน นักศึกษา ผ่านเทคโนโลยีโซเชียลมีเดีย และการสนับสนุนของต่างชาติ และบางประเทศมหาอำนาจ อย่างมีประสิทธิภาพ และรัฐบาลตามไม่ทัน โดยอ้างว่าปฏิรูปไม่ใช่การล้มล้าง แต่ในความเป็นจริงเป็นพฤติกรรมตรงกันข้าม คือ สร้างความเกลียดชัง มุ่งอาฆาตมาดร้ายสถาบันฯ โดยปรากฏเป็นเหตุการณ์การบุกเข้าขัดขวางขบวนเสด็จฯของพระราชินีและพระองค์ที ในวันที่ 14 ต.ค.2563
จนถึง 17 พ.ย.2563 ม็อบไม่ได้มีการชุมนุม...แต่มุ่งยกระดับโจมตีเจ้าหน้าที่ตำรวจหน้ารัฐสภา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ใช้กำลัง ซึ่งเป็นไปตามยุทธวิธีสงครามประชาชน และได้ทำมาเป็นลำดับจากการโฆษณาชวนเชื่อ การโจมตีฝ่ายตรงข้าม การบังคับให้เลือกข้างมาจนถึงยกระดับจากการชุมนุมประท้วงเป็นการก่อจลาจล โดยมุ่งหวังให้เกิดการก่อวินาศกรรมและสงครามกลางเมืองในที่สุด เกิดการเผชิญหน้า ระหว่างผู้ชุมนุมทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อนำไปสู่ความรุนแรง การนองเลือด ภาวะรัฐล้มเหลว ซึ่งสอดคล้องกับยุทธวิธีสงครามประชาชนที่กล่าวไปแล้วข้างต้นเห็นได้จากการไล่เลียงเหตุการณ์ มาเป็นลำดับ ดังนี้
เมื่อวันที่ 18 พ.ย.2563 ผู้ชุมนุมที่แยกราชประสงค์ได้โจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างรุนแรงและหยาบคายโดยเฉพาะการโจมตีและสร้างข่าวเท็จใส่ร้ายสมเด็จพระพันปีหลวง... จนนำไปสู่ความโกรธแค้นของประชาชนที่จงรักภักดีจำนวนมากทำให้รัฐบาลต้องออกแถลงการณ์ประกาศบังคับใช้กฎหมายทุกหมวด ทุกมาตรากับกลุ่มผู้ชุมนุมโดยเฉพาะกฎหมายมาตรา 112
เมื่อวันที่ 20 - 21 พ.ย.2563 ผู้ชุมนุมตอบโต้การบังคับใช้กฎหมาย มาตรา 112 โดยประกาศแผนการเข้าบุกล้อม เพื่อยึดสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ในวันที่ 25 พ.ย.2563
เมื่อวันที่ 21 พ.ย.2563 ผู้ก่อการเตรียมการยกระดับสถานการณ์ไปสู่ความรุนแรง โดยเปลี่ยนการ์ดม็อบ จากการ์ดอาชีวะมาเป็นการ์ดรบพิเศษ พร้อมประกาศรับสมัครการ์ดอาสาใหม่เพื่อรับสถานการณ์ไปสู่ความรุนแรงให้ได้ตามยุทธการสงครามประชาชนข้างต้น
เมื่อวันที่ 22 พ.ย.2563 การชุมนุมบริเวณถนนอักษะตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดจึงไปชุมนุมที่นั้น?
“ในวันที่ 25 พ.ย. ผู้ชุมนุมนัดชุมนุมใหญ่อีกครั้ง เพื่อตอบโต้การบังคับใช้กฎหมายมาตรา 112 โดยประกาศแผนการเข้าบุกล้อมเพื่อยึดสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ โดยแบ่งกำลังออกเป็น 4 กลุ่ม บุกเข้าโจมตีทั้ง 4 ด้าน ซึ่งผู้ก่อการเตรียมยกระดับสถานการณ์ให้ไปสู่ความรุนแรง โดยเปลี่ยนการ์ดอาชีวะมาเป็นการ์ดรบพิเศษ เพื่อรับสถานการณ์ไปสู่ความรุนแรงให้ได้ตามยุทธศาสตร์สงครามประชาชน ผมมีความเป็นห่วงหลายประเด็น และฝากถึงกลุ่มผู้ชุมนุมขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตพระราชฐาน จึงห้ามเข้าใกล้ในระยะ 150 เมตร พร้อมฝากไปยังการ์ดผู้ชุมนุม ขอให้ดูแลการชุมนุมโดยยึดหลักสงบ สันติอหิงสาปราศจากอาวุธ ดูแลผู้ชุมนุมไม่ยั่วยุ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำหน้าที่ตามกฎหมายอย่างเหมาะสม” นายถาวร กล่าว
นายถาวรกล่าวว่า ข้อเสนอแนวทางออกของประเทศเพื่อหยุดยั้งภาวะที่จะนำไปสู่สงครามกลางเมือง
1. ผู้บงการทุกระดับชั้นที่ทำผิดกฎหมาย ต้องถูกดำเนินคดีตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม ส่วนผู้ชุมนุมที่ตกเป็นเหยื่อการโฆษณาชวนเชื่อควรได้รับการยกเว้น
2. นักการเมือง และ พรรคการเมืองใด ที่ต้องการปฏิรูปสถาบันฯ ให้ประกาศตัวยอมรับให้ชัดเจนต่อสาธารณชน
3. คัดค้านการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ว่าจะอธิบายขยายความด้วยถ้อยคำความหมายแบบใดก็ตาม
4. คัดค้านการทำรัฐประหารอันจะนำไปสู่วงจรอุบาทว์ทางการเมืองซ้ำเดิม รวมถึงทำให้สถาบันฯ ตกเป็นเป้าโจมตีของผู้ชุมนุมและต่างชาติ
5. ดำเนินการตรวจสอบทุจริตของรัฐบาล นักการเมืองและข้าราชการอย่างจริงจังรวมถึงการปฏิรูปนักการเมือง พรรคการเมือง ปฏิรูปประเทศให้เกิดความปรองดองภายใต้ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างแท้จริง
ทั้งหมดนี้คือข้อมูลและท่าทีจากนายถาวร เสนเนียม ซึ่งต้องดูกันต่อไปว่า ปฏิบัติการยึดสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ของฝ่ายผู้ชุมนุม กับปฏิบัติการของฝ่ายรัฐจะชักพาสถานการณ์บ้านเมืองไปถึงจุดไหน เพราะเป็นสถานการณ์ที่เปราะบางมาก มีโอกาสจะเกิดเหตุไม่คาดคิด แล้วป้ายความผิดให้ฝ่ายรัฐสูงมาก
ประเทศไทยกำลังอยู่ใน “เกมเสี่ยง” ที่ไม่ง่ายต่อการจัดการ แต่ก็ไม่อาจหยุดอยู่ที่ท่าที “เพิกเฉย”ของรัฐได้อีกต่อไป เห็นควรว่าจะต้องทำอะไร ก็จงรีบๆ ทำเถิด!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี