8 ก.พ.2564 - นายสิระ เจนจาคะ ประธานกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน นำประชาชนรายหนึ่งพร้อมครอบครัว ที่อาศัยอยู่บนเกาะงำ จังหวัดภูเก็ต พร้อมภรรยาและลูกชาย 3 คน แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยกล่าวอ้างว่า ถูกสส.คนหนึ่งที่เป็นกรรมาธิการกฎหมายฯ พร้อมพวกลงพื้นที่เกาะงำข่มขู่ขับไล่ และบังคับให้เซ็นเอกสารเพื่อรื้อถอนที่พักอาศัยภายในระยะเวลา 2 เดือน โดยชาวบ้านที่เป็นชายผู้สูงอายุกล่าวอ้างว่า เหตุการณ์ครั้งนั้นสส.คนหนึ่ง ได้เดินทางมาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และเจ้าหน้าที่ป่าไม้นำตัวลูกชาย 2 คนไปกักขังและสอบปากคำ เพื่อดำเนินคดีกับครอบครัว
นายชัยยันต์ ผลสุวรรณ์ สส.ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษกกรรมาธิการกล่าวว่า กรรมาธิการฯได้รับเรื่องนี้มาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 พฤติกรรมของ สส.รายนี้ เอาหน้าที่มาข่มขู่ เพื่อจะเข้ามาใช้ประโยชน์ในที่ดินแปลงนี้ กรรมาธิการได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ทั้งจากผู้อาศัยข้างเคียง และกรมป่าไม้ได้หลักฐานเป็นภาพถ่ายว่า สส.รายนี้ลงพื้นที่ในวันดังกล่าวจริงพบว่ามีการนำเด็กไปควบคุมตัวที่สำนักงานป่าไม้ ใช้เวลาควบคุมตัว 8-10 ชั่วโมงโดยไม่ให้รับประทานอาหาร และไม่ได้แจ้งข้อหาใดๆ อ้างเพียงว่า นำตัวไปเพื่อปรับทัศนคติ แม้ผู้เสียหายพยายามแจ้งความดำเนินคดีแล้วหลายครั้ง แต่เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย เพราะมีเจ้าหน้าที่ป่าไม้อยู่ในพื้นที่ หลังจากนี้อาจต้องขอให้กรรมาธิการฯ พิจารณาเรื่องการคุ้มครองพยานด้วย
นายสิระได้นำภาพถ่ายขณะลงพื้นที่ โดยเป็นภาพของ สส.รายหนึ่ง และกล่าวเชิงตั้งคำถามว่า สส.คนนี้ มีอำนาจหน้าที่อะไร เพราะในคำชี้แจงของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ระบุว่า สส.คนนี้ลงพื้นที่ ในฐานะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน ทั้งที่ในข้อเท็จจริง ในเวลานั้น ยังไม่มีการแต่งตั้งกรรมาธิการชุดนี้ จึงตั้งข้อสังเกตว่า มีสิทธิอะไรถึงอ้างแบบนี้จึงต้องตรวจสอบการกระทำ เพราะอาจเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่ ทั้งที่กรมป่าไม้ ยืนยันว่าพื้นที่ที่ครอบครัวผู้เสียหายอาศัยอยู่ ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ของกรมป่าไม้ ต้องตรวจสอบว่าการกระทำครั้งนี้ เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ หากพบว่ามีความผิดจริง ตนจะขอมติจากที่ประชุมกรรมาธิการฯเพื่อถอดถอนออกจากการเป็นกรรมาธิการฯ รวมถึงส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ดำเนินการตรวจสอบต่อไป
วันเดียวกัน นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊คระบุว่า จากกรณีที่คุณสิระ เจนจาคะสส.พลังประชารัฐ และคุณชัยยันต์ ผลสุวรรณ์ สส.ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย ได้ร่วมแถลงข่าวว่ามีประชาชนที่เกาะงำ จ.ภูเก็ต มาร้องเรียนว่าถูกผมข่มขู่ให้ออกจากพื้นที่นั้น ผมขอเรียนว่าข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น นี่คือการใช้ลูกไม้สกปรก ใช้เรื่องเท็จในการใส่ร้ายทางการเมือง เพื่อหวังผลทำลายความน่าเชื่อถือของผม และพรรคก้าวไกลในช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจ
แต่ไหนๆ คุณสิระและคุณชัยยันต์หยิบเอาเรื่องนี้มาพูดแล้ว ผมก็จะอธิบายจะได้เกิดความชัดเจนกันไป
ผมได้ลงพื้นที่ในงำ หรือบ้างเรียกเกาะฮำ 2 ครั้งด้วยกัน คือช่วงเดือนมกราคม 2562 และ เดือนกันยายน 2562 ตอนที่ลงพื้นที่ดังกล่าวครั้งแรก เป็นช่วงการหาเสียง ที่ได้รับแจ้งจากชาวบ้านพารา ซึ่งอยู่ฝั่งของเกาะภูเก็ต ว่าชาวบ้านไม่สามารถไปเยือนเกาะดังกล่าวได้ เพราะไปแล้ว มีการใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าข่มขู่ว่าจะทำร้าย ซึ่งชาวบ้านพารามีความกังวลว่า อาจจะมีกระบวนการให้นายทุนมายึดครองเกาะนี้เป็นเกาะส่วนตัวผมจึงถือโอกาสนั้นลงพื้นที่ดังกล่าว พบว่าเป็นเกาะที่ยังมีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ไม่พบเห็นใครอยู่ในเกาะดังกล่าว (แต่ต้องย้ำว่าตอนลงพื้นที่ครั้งนั้น เราอยู่เฉพาะหน้าหาดเท่านั้น ไม่ได้สำรวจลึกเข้าไปในเกาะ)
ผมลงพื้นที่เกาะงำอีกครั้ง คือเมื่อเดือนกันยายน 2562 ซึ่งชาวบ้านบ้านพารา ยืนยันกับผมว่าอีกครั้งว่า มีความพยายามเอาเกาะงำนี้เป็นเกาะส่วนตัวจริง จึงมาร้องยังผมเพื่อขอให้ช่วย ผมลงจึงลงพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งการลงครั้งนี้เป็นการลงร่วมกับทางป่าไม้ เหตุที่ลงพร้อมกับป่าไม้ ผมทราบว่าทางชาวบ้านน่าจะประสานลงพื้นที่กับทางป่าไม้มาอีกทางหนึ่ง จึงได้มีการลงพื้นที่ร่วมกัน เพราะมีชาวบ้านมาร้องเรียนว่ามีคนบุกรุกพื้นที่เกาะ มีอาวุธปืนยิงไล่คนที่เข้าใกล้ ผมจึงลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้เพื่อตรวจสอบเบื้องต้น จึงได้พบกับครอบครัวดังกล่าว
ทางป่าไม้ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าไม้จริง มีการปลูกบ้านอยู่อาศัย ทางป่าไม้จึงแจ้งกับทางครอบครัวดังกล่าวให้ออกจากพื้นที่ภายในเวลาที่กำหนด โดยไม่มีการข่มขู่แต่อย่างใด
ผมขอยืนยันว่า ตัวผมไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรเกี่ยวข้องกับที่ดินบนเกาะงำเลยแม้แต่น้อย และภายหลังจากที่ลงพื้นที่ครั้งนั้น ผมก็ยังไม่เคยได้ไปที่เกาะแห่งนั้นอีก ส่วนประเด็นที่กล่าวหาว่ามีการคุกคามกักขังหน่วงเหนี่ยวเด็ก ผมขอยืนยันว่าไม่ได้มีการแตะเนื้อต้องตัวเด็กแม้แต่น้อย ผมเองคงไม่มีความสามารถทำแบบนั้น ณ เวลานั้น ผมเป็น สส. ได้แค่ 6 เดือน ที่สำคัญเป็น สส. ฝ่ายค้าน จะเอาเด็กไปขังไว้สำนักงานป่าไม้ ข้าราชการที่ไหนเขาจะยอมให้ผมทำแบบนั้น
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าการหยิบเรื่องดังกล่าวมาโจมตีผมในจังหวะเวลานี้จะเป็นไปด้วยมูลเหตุจูงใจอะไรก็ตาม ผมพร้อมที่จะยืนยันข้อเท็จจริงในทุกประเด็น ทุกกระบวนการ และหากว่านี่คือขบวนการใส่ร้ายป้ายสีผม ผมจะดำเนินการทางกฎหมายกลับอย่างแน่นอน
ต่อมา วันที่ 9 ก.พ.2564 - ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรมชี้แจงซ้ำอีกครั้งว่า โดยยอมรับว่า การลงพื้นที่ครั้งนั้น บรรยากาศการพูดคุยไม่ได้ราบรื่น เพราะเป็นการถามไถ่เรื่องเอกสารสิทธิในการครอบครอง ซึ่งลุงก็ชี้แจงว่าไม่มีเอกสาร เพราะเป็นชาวบ้านจากที่อื่นไม่มีที่ทำกินจึงมาอยู่ที่นี่
นายรังสิมันต์กล่าวว่า ตระหนักว่าการพูดคุยต้องไม่รุนแรงเพราะมีเด็กเล็ก เด็กๆ ยิ้มแย้มแจ่มใสดี ระหว่างการพูดคุยก็เตะบอลกันปกติ ไม่มีความรุนแรงข่มขู่หรือเอาตัวไปกักขังที่ใดที่หนึ่ง เพื่อกดดันให้ครอบครัวนี้ออกจากเกาะ เพียงแต่มีการตกลงโดยเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ว่า ให้ทำเป็นเอ็มโอยู เขียนด้วยลายมือ ให้ลุงเตรียมตัวออกจากพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งตนเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม กรณีนี้แตกต่างจากประเด็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่อยู่ในป่า เพราะเรื่องนี้เริ่มจากการใช้ความรุนแรงเพื่อฮุบเป็นเกาะส่วนตัว จึงต้องลงพื้นที่เพื่อแก้ปัญหา แต่เรื่องนี้นายสิระกับนายชัยยันต์อาจจะรู้ดีที่สุดว่าจะมีการฮุบหรือไม่ ซึ่งที่ดิน 120 ไร่ เป็นของครอบครัวนี้ 80 ไร่ มูลค่าไม่น้อยกว่า 4,000 ล้านบาท เราพยายามแก้ปัญหาไม่ให้เกิดความรุนแรง ยืนยันว่าไม่ได้กระทำตามข้อกล่าวหาแต่อย่างใด และวันนั้นไม่มีชายชุดดำไปลงพื้นที่กับเรา
“เจ้าของบ้านมีกล้องวงจรปิด ถ้าผมทำจริงเอาเด็กไปขังลักพาตัวเด็ก แตะเนื้อต้องตัวลุง ให้เอาวีดีโอมาแสดง เรื่องนี้ผ่านมาหลายปี ตั้งแต่ปี’62 คงคิดเป็นอื่นไม่ได้ที่เอาเรื่องนี้มาใช้เวลานี้ เพราะใกล้อภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลจะถูกซักฟอกใช่หรือไม่ การอภิปรายครั้งนี้ เป็นการอภิปรายที่ฝ่ายรัฐบาลกังวลใจจริงๆ กังวลว่าจะอยู่ต่อไม่ได้ ต้องใช้วิธีการแบบนี้ดิสเครดิตทางการเมืองผม ทำลายการอภิปรายของพรรคก้าวไกลและฝ่ายค้าน รู้สึกผิดหวังว่าคนที่ยืนข้างนายสิระ คือนายชัยยันต์สส.พรรคเพื่อไทย ว่าทำไมมาทำลายการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่เราร่วมแรงร่วมใจกันในครั้งนี้”
นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า ไม่มีอะไรยืนยันได้ว่าตนใช้อำนาจหน้าที่ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) เพราะตอนนั้นยังไม่มีกมธ. และตนเป็นสส.สมัยแรกที่เพิ่งทำงานได้เพียงแค่ 6 เดือน และ 2 ปีที่ผ่านมาสามารถพิสูจน์ได้ว่า ไม่มีผลประโยชน์กับเกาะนี้ จึงขอยืนยันด้วยความบริสุทธิ์ว่าเรื่องนี้ไม่มีอะไร นอกจากหวังผลเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และอาจจะมีขบวนการฮุบที่ดินนี้หรือไม่ เราต้องช่วยกันหยุดไม่ให้มีขบวนการฮุบเกาะดังกล่าวเป็นเกาะส่วนตัวจนชาวบ้านใช้ประโยชน์ไม่ได้
“อย่างไรก็ตามจะไปยื่นแจ้งความดำเนินคดีนายสิระและนายชัยยันต์ ทั้งทางแพ่งและทางอาญา ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เพราะละเมิดทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงเพื่อยืนยันในความบริสุทธิ์ เพราะหากเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ตามปกติรับได้ แต่เมื่อเป็นการใส่ร้ายป้ายสีข้อหารุนแรงจะไม่ยอมเพราะรับไม่ได้”
ด้าน นายสิระ เจนจาคะ สส.กทม.พรรคพลังประชารัฐนายชัยยันต์ ผลสุวรรณ์ สส.ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย ก็ออกมาร่วมกันแถลงข่าวอีกครั้งว่า การแจ้งความถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่นายรังสิมันต์สามารถทำได้ ยินดีให้ฟ้องร้อง แต่การที่ตนแถลงข่าวไป เป็นเรื่องที่มีประชาชนมาร้องเรียนว่าถูกคุกคาม จึงได้มาทวงถาม ทำให้ประชาชนที่มาร้องกังวลว่าจะถูกดึงเรื่องเอาไว้ เพราะคู่กรณีเป็นกรรมาธิการฯในคณะ ในฐานะประธานกรรมาธิการ ต้องรับเรื่องนี้ไว้พิจารณา และต้องให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
หากนายรังสิมันต์ไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่จำเป็นต้องร้อนตัวการประชุมของกรรมาธิการมีทั้งตัวแทนจากพรรครัฐบาลและฝ่ายค้าน ไม่มีการกลั่นแกล้งเกิดขึ้นอย่างแน่นอน หากมีหลักฐาน เอามาแสดงเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ฝ่ายประชาชนที่เขามาร้องเรียนก็มีสิทธิปกป้องสิทธิและเสรีภาพของตัวเขาเช่นกัน และคนที่ถูกกล่าวหา ไม่จำเป็นต้องกลัว หากท่านไม่ได้ทำอะไรผิดเอาไว้ ไม่มีใครป้ายความผิดให้ท่านได้
“นายรังสิมันต์อย่าทำตัวเป็นเด็กอมมือ เมื่อตรวจสอบผู้อื่นได้ ต้องยอมรับการตรวจสอบ วันนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่นายรังสิมันต์จะได้ชี้แจงให้กับตัวเอง หากไม่นำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมกรรมาธิการฯ จะถูกร้องเรียนอีกว่าปกป้องพวกพ้องกันเอง เพราะฉะนั้นนายรังสิมันต์ต้องตอบสังคมให้ได้ว่าตัวเองมีหน้าที่อะไร ไปทำอะไรในวันนั้น และรู้ได้อย่างไรว่าเกาะนี้มีราคา 4,000 ล้านบาท ใครเป็นคนบอก ใช่นายทุนหรือไม่ ซึ่งทางกรมป่าไม้ได้ชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องนี้มาแล้ว” นายสิระกล่าว
นายชัยยันต์กล่าวว่า ขอยืนยันว่าเป็นเรื่องของกรรมาธิการ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ต้องตรวจสอบเรื่องที่ได้รับการร้องเรียนจากประชาชน เรื่องนี้เมื่อมีประชาชนมาติดตามทวงถามความคืบหน้า กรรมาธิการก็ต้องพิจารณา ไม่มีเจตนาจะดิสเครดิตฝ่ายค้านด้วยกัน เพราะตนก็อยู่ในสังกัดพรรคเพื่อไทยที่ทำงานร่วมกับพรรคก้าวไกลได้เป็นอย่างดี
สรุปประเด็นคาใจ :
1) ทำไมเรื่องนี้ ไม่ไต่สวนกันในชั้นกรรมาธิการให้เป็นที่ยุติความจริงคืออะไร แล้วไปดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อ ทำไมต้องมาแถลงข่าวโต้กันไปโต้กันมา
2) กี่ครั้งแล้ว ที่คนเหล่านี้เอา “กรรมาธิการ” มาเล่นการเมือง ไม่มียุคไหนที่มีการใช้ความเป็นกรรมาธิการไปกับเรื่องส่วนตัวที่เละเทะ เสื่อมศรัทธา ได้มากเท่ากับสภาชุดนี้
3) กรรมาธิการควรเร่งศึกษาข้อเท็จจริง และส่งมอบบางเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการ เช่น เรื่องที่ดิน ก็ให้กรมป่าไม้ทำให้กระจ่าง เรื่องการกักขังหน่วงเหนี่ยวก็เป็นเรื่องคดีอาญา ไม่ใช่รับมาแล้วเมามันกันอยู่ในกรรมาธิการ จนลืมว่ากระบวนการปกติมีอยู่และยังไม่ถูกใช้อย่างเต็มที่การเอา “กรรมาธิการ” มาบำบัดอารมณ์ทางการเมืองของกันและกันเช่นนี้ คือ ความรู้สึกเสียดายเงินของประชาชน!!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี