ก็ว่าด้วยเรื่อง เมืองไทยที่ข้าพเจ้าห่วงใย “เด็กไทยพันธุ์ใหม่” ถึงคอร์รัปชั่นสาหัสสากรรจ์ ในตอนนี้ยังคงเป็นเรื่องที่พลเอกเปรมติณสูลานนท์ ได้รับเชิญให้บรรยายพิเศษที่ มหาวิทยาลัยพายัพ จ.เชียงใหม่ ซึ่งต่อเนื่องมาจากที่ตอนที่ดร.สุเมต สุวรรณพรหมได้เล่าผ่านรายการ “เรื่องเล่าของป๋าเปรม”FM.90.5 ซึ่งมีเนื้อหาสำคัญมากที่พลเอกเปรมได้เน้นมากว่า เรื่องเด็กไทยพันธุ์ใหม่ เป็นสิ่งหนึ่งที่ท่านห่วงใยเมืองไทยของเรา โดยท่านได้บรรยายกล่าวอ้างถึงผลงานการศึกษาวิจัย ของ รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ โดยพลเอกเปรมได้กล่าวย้ำว่าผู้เขียนเรียกเด็กไทยยุคนี้ (ปี 2547) ว่าเป็น “เด็กไทยพันธุ์ใหม่”
และสรุปว่าสถานการณ์และปัญหาของเด็กไทยพันธุ์ใหม่กำลังวิกฤติและมีความซับซ้อนและรุนแรงเนื่องจากอุดมการณ์ของรัฐที่นำระบบทุนนิยมสมัยใหม่และวัฒนธรรมโลกาภิวัตน์มาเป็นแนวทางในการบริหารประเทศยาวนานกว่า 20 ปี เด็กในอดีตได้รับการดูแลหล่อหลอมด้วยกระบวนการสังคมที่มีคุณภาพและคุณลักษณะที่พึงประสงค์ มีการเติบโตอย่างสมบูรณ์ทั้ง ร่างกายและจิตใจ เด็กพันธุ์ใหม่ถูกปล่อยปละละเลย สังคมไทยกำลังให้อาหารเด็กไทยพันธุ์ใหม่ด้วยวัตถุนิยมเพศ เสรี ยาเสพติด หนังสือลามกสถานบริการ อินเตอร์เนต จนค่อยๆ ซึมซับเข้าไปสู่พฤติกรรมและคุณลักษณะที่ไม่พึงประสงค์ ผู้เขียนได้ศึกษา วิจัย และค้นพบสรุปว่า อนาคตอันใกล้นี้
ภาพชุด (Scenario) ของเด็กไทยจะมีคุณลักษณะที่เด่นชัด 12 ข้อ ดังนี้
1.ระดับสติปัญญาของ เด็กไทย มีแนวโน้มลดต่ำลงจนน่าเป็นห่วง ในรายงานการศึกษาของมูลนิธิสาธารณสุข แห่งชาติและ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ชี้ตรงกันว่าเด็กเกือบร้อยละ 50 มีความเสี่ยงต่อการมีไอคิวน้อยกว่า 90 ที่เข้าขั้นมีระดับสติปัญญาทึบ(Slow Learner)
2.สภาพร่างกายของเด็กไทยอ่อนแอลง ขาดภูมิต้านทานทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ เพราะติดยาเสพติด ยาบ้า บุหรี่และเหล้า
3.วุฒิภาวะ ทางอารมณ์ พฤติกรรมและการแสดงออกแฝงไปด้วยความก้าวร้าวรุนแรงในการดำเนินชีวิตและแก้ไขปัญหาต่างๆ เนื่องจากถูกกระตุ้นจากสื่อลามกอนาจาร เกมที่รุนแรง การกระตุ้นทางเพศและอารมณ์ที่แปรปรวน
4.เด็กวัยใสที่อ่อนเยาว์ จะเรียนรู้ทางเพศเร็วกว่าวัยที่ควรจะเป็นเด็กอายุ10-11 ขวบ บางคนเริ่มเรียนรู้การมีเพศสัมพันธ์แล้ว
5.เด็กจะแสวงหาความรู้ ความสุขการมีเพื่อนใหม่ทางอินเตอร์เนต นำไปสู่การเสี่ยงอันตรายแบบใหม่ เช่น อาชญากรทางเพศที่ไม่มีตัวตน การหลอกลวง ความผิดปกติทางเพศให้กับผู้ที่รู้ช่องทางและมีความชำนาญเรื่องนี้มากกว่าเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ
6.เด็กจะยึดติดกับวัตถุนิยมในการสร้างคุณค่า ยึดติดกับ บริโภคนิยมสินค้า ราคาแพง การเสพและใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย ไม่เข้าใจหรือเข้าใจเป็นรูปธรรมต่อความรัก การดูแลเอาใจใส่ของพ่อแม่ผู้ปกครองยากขึ้น
7.เด็กให้ความสำคัญตนเองมากกว่าส่วนรวมมองตนเองเป็นศูนย์กลางของความสุข ความพึงพอใจ การบำเพ็ญประโยชน์ต่อส่วนรวม การ อาสาสมัครในโครงการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสอาจหายไป
8.เด็กจำนวนไม่น้อยขาดรากเหง้าทางศีลธรรม ศาสนา วัฒนธรรม สูญสิ้นความภูมิใจในความเป็นคนไทย นิยมวัฒนธรรมตะวันตกและญี่ปุ่น คลั่งไคล้ในรูปของการแต่งกาย ภาษาที่ใช้
9.เกิดสภาวะความเครียด การกดดันจากการแข่งขัน แยกตัวจากคนในครอบครัว การพูดโทรศัพท์กับเพื่อนเป็นเวลานานมาก บ่งบอกถึงสภาวะความเครียดและไร้ความสุข
10.เด็กจะมองความสำเร็จในตัวบุคคลมากกว่าหลักการและเหตุผล ลอกเลียนแบบโดยขาดการไตร่ตรอง
11.การมีหนี้สินจนมีผลเสียต่ออนาคต นิยมเล่นการพนันฟุตบอลโดยถือว่ามีความเป็นสากล สนุกสนาน ตื่นเต้นกว่า
12.เด็กจะทำงานหนักไม่เป็น เด็กจำนวนไม่น้อยเติบโตขึ้นท่ามกลาง ความสะดวกสบาย นอนห้องปรับอากาศ
อาบน้ำอุ่น ไม่ต้องทำงานหารายได้รับผิดชอบเรื่องการศึกษาด้านเดียว
พลเอกเปรมยังได้กล่าวบรรยายต่อไปว่า เรื่อง การศึกษาของเด็กมีองค์กรหลายแห่งประกอบกันดำเนินการ เช่นโรงเรียน ชุมชน วัดหรือสถานสอนศาสนา มีส่วนหนึ่งที่ผมเห็นว่าสำคัญมากแต่ไม่ค่อยมามีการพูดถึงกัน ส่วนนั้นคือครู ตัวผมเองให้ความสนใจ “ครู” มากด้วย ตระหนักว่าครูคือตัวแปรสำคัญตัวหนึ่งของความสำเร็จในการศึกษาทุกระดับ ขอเรียนว่าผมให้ความสนใจและได้เริ่มพูดเรื่องครู มาเป็นเวลา10 ปีแล้ว ประเด็นของผมไม่เกี่ยวกับการบริหารการศึกษา การปฏิรูปการศึกษา ประเด็นของผมคือลักษณะครูที่พึงประสงค์ในทัศนะของคนนอกกระทรวงศึกษาธิการ
จากประสบการณ์ของผม ผมจำแนกครูเป็น 2 พวก คือ ครู อาชีพ คือครูที่มีจิตวิญญาณแห่งความเป็นครู มีความรักการเป็นครูในสายเลือด รัก และห่วงใยศิษย์ประดุจลูกหลานทุกลมหายใจ รักสถาบัน เสียสละเวลาส่วนตัวเมื่อต้องเสียสละให้แก่ศิษย์ ครู อาชีพจะมีความเป็นมืออาชีพอยู่ในตนเองเสมอ
อาชีพ ครู คือครูที่รับราชการเพื่อรับพระราชทานเงินเดือนไปวันหนึ่งเดือนหนึ่ง สอนไปตามหน้าที่ ไม่สนใจ เด็กส่วนใหญ่จะไม่เป็นมืออาชีพ
เรียนมาถึงตรงนี้ ผมมั่นใจว่า ท่านทั้งหลาย พอจะมองเห็นภาพรวมของครูในทัศนะของผมว่ามีความสำคัญ มีความหมายต่อเด็กอย่างไร ผมได้แต่เอาใจช่วยกระทรวงศึกษาธิการ ขอให้ประสบความสำเร็จ ในการผลิตครูอาชีพออกมารับใช้ชาติบ้านเมืองของเราให้มากที่สุด
ในการบรรยาย ครั้งนี้ พลเอกเปรมยังได้พูดถึง เรื่องคุณธรรมและจริยธรรม ซึ่งนับรวมถึง ความซื่อสุจริต เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่พลเอกเปรมได้พูดว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ ผมห่วงใยประเทศไทยของเราจะพัฒนา เจริญรุ่งเรือง มั่นคง ปลอดภัย สงบ ร่มเย็นเป็นที่ศรัทธา มีความโปร่งใสหรือไม่มีปัจจัยสำคัญหลายอย่างเป็นเครื่องชี้วัด ปัจจัยที่สำคัญยิ่งปัจจัยหนึ่งคือ คุณธรรมและจริยธรรมของคนไทย ความซื่อสัตย์ นั้น นอกจากพึงมีอยู่ในตนแล้วจะต้องดูแลให้ผู้ที่อยู่รอบตัวซื่อสัตย์สุจริตด้วย ปัญหาของชาติบ้านเมืองของเราที่ค่อนข้างจะสาหัสสากรรจ์ คือ “การฉ้อราษฎร์บังหลวง”
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี