พลันได้เห็นข่าว ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเป็นเอกฉันท์ว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ไม่ต้องพ้นจากสถานภาพรัฐมนตรี และสส. ด้วยหลักอธิปไตย ก็ได้แต่ถอดถอนหายใจ เพราะมันเป็นการรอดพ้นทางเทคนิคข้อกฎหมาย ซึ่งมิได้มีความสง่างามแต่อย่างใด
แต่ที่น่าเหนื่อยหน่ายใจที่สุดก็คือ เหตุใดเรื่องนี้จึงต้องไปถึงมือศาลรัฐธรรมนูญด้วย? ทั้งๆ ที่เป็นหลักจริยธรรมพื้นฐานโดยทั่วไป ที่นายกฯ เป็นผู้รับผิดชอบการแต่งตั้งรัฐมนตรี สามารถวินิจฉัย และดำเนินการได้ทันทีเมื่อมีเสียงครหาจากสังคม
อาจพูดได้อย่างจริงจังและจริงใจว่า ประชาชนชาวไทยจำนวนมากมายต่างเห็นว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี (ร่วม 7 ปีกว่าแล้ว) ของไทยเป็นคนดี ซื่อสัตย์สุจริต รักชาติบ้านเมือง เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี ครอบครัวอยู่ในศีลในธรรม ในความถูกต้อง
แต่ด้วยความคิดเห็นเท่านี้ยังไม่เป็นการเพียงพอที่จะบอกว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นคนดีอย่างแน่แท้ เนื่องจากการเป็นบุคคลสาธารณะนั้นจะแค่ดีแต่ตัวเองไม่ได้ หากแต่ต้องคบหาสมาคม และแวดล้อมด้วยคนดีๆ อีกด้วย
หากเป็นคนที่ดี แต่เลือกคบคนไม่ดี สุดท้ายก็เป็นได้เพียงคนดีเทียม
ดังนั้น ถ้า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มีความประสงค์ที่จะเป็นคนดีแท้ ก็จะต้องกล้าหาญชาญชัยในการตัดสินใจตัดคนไม่ดีทิ้งไปจากชีวิตรอบๆ ข้าง
ในวันนี้ ถ้า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เอาความดีแท้เป็นตัวตั้ง แม้จะเกิดผลทางการเมืองจนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่รัฐบาลเสียงข้างน้อยดังกล่าว ก็จะได้เสียงสนับสนุนจากมหาชนชาวไทยนอกรัฐสภา
ก็ขึ้นกับว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กล้าที่จะเสี่ยง ในการทำการที่ถูกต้องและชอบธรรมแค่ไหน?
หากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กล้าเอาจริงกับพวกคนไม่ดีรอบตัว ย่อมจะได้รับเสียงสนับสนุนอย่างล้นหลามจากประชาชนชาวไทย เป็นเช่นนี้พวกคนไม่ดีย่อมไม่กล้าก่อหวอดเป็นแน่
เริ่มต้นจากคณะรัฐมนตรี ที่จะต้องประกอบไปด้วยคนดีแท้ๆ ที่มุ่งทำแต่ความดีให้ชาติบ้านเมืองเท่านั้น ในขณะเดียวกัน ฝ่ายรัฐสภา บรรดาสมาชิกรัฐสภา ก็ควรทำหน้าที่ว่าด้วยกฎหมาย และการควบคุมงบประมาณไปอย่างแข็งขัน อย่ามาสาละวนเลื่อยขาเก้าอี้ผู้อื่น เพื่อรอคิวเป็นรัฐมนตรี เพียงเพื่อเกียรติยศจอมปลอมตนเอง ซึ่งเป็นการทำลายประเทศชาติ
ก็แน่นอน เมื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องนำรัฐบาลเสียงข้างน้อย ก็คงไม่พ้นที่จะต้องเผชิญกับการคัดค้าน การดึงแข้งดึงขาเป็นธรรมดา และคงจะเผชิญกับการเคลื่อนไหวเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ หรือบีบบังคับให้ยุบสภา เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ซึ่งทั้งหมดนี้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ได้เกินความคาดหมาย
แต่เมื่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะยืนอยู่กับประชาชน และความถูกต้องเพื่อบ้านเมืองแล้ว จะไปเกรงกลัวอะไร?
นอกจากนั้น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังสามารถจะไปพูดจากับกลุ่มฝ่ายค้านให้มาเป็นแนวร่วมได้โดยการหาจุดร่วม อาทิ เรื่อง การแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ ให้สังคมไทยเป็นประชาธิปไตยดังที่ควรเป็น
ประเด็นที่ชี้ก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องนำพาประเทศไทยบนหลักผลประโยชน์ของชาติเป็นตัวตั้ง ส่วนการจะไปหาการสนับสนุนและความร่วมมือนั้นไม่จำเป็นต้องกังวลกันแค่จำนวนเสียงในสภาแต่เพียงอย่างเดียว หากแต่มีคนไทยที่รักความชอบธรรมพร้อมสนับสนุนอีกมากมาย
ประชาชนชาวไทยได้แต่เอือมระอา ทุกข์ทรมานอยู่กับการเมืองน้ำเน่า และนักการเมืองเลวร้ายมานมนานแล้ว เขาได้แต่หวังว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาจะระลึกได้ถึงเกียรติยศและศักดิ์ศรีของนายทหารลุกมายืนหยัดอยู่กับความถูกต้อง และต่อสู้กับมารสังคม มารการเมืองทั้งหลาย
ทำได้เช่นนี้ ความดีแท้ของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็จะเป็นป้อมปราการ เป็นเกราะกำบัง และเป็นอาวุธสำคัญในการนำประเทศฟันฝ่าโรคร้าย มะเร็งทางการเมืองทั้งหลายทั้งปวง
การมุ่งเอาจริงเอาจังบนหลักการผลประโยชน์ของชาติต้องมาก่อนนั้น พวกมารทั้งหลายจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ไม่สามารถต้านได้
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี