ผมมีโอกาสได้อ่านหนังสือเล่มล่าสุดชื่อ“พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ รัฐบุรุษคู่แผ่นดิน” ซึ่งมีความประทับใจในตอนแรกที่นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เขียนบันทึกส่วนหนึ่งถึงพลเอกเปรม เอาไว้ อ่านแล้วคิดว่าพี่น้องประชาชนคนไทยควรจะได้รับรู้ร่วมกัน ตามที่นายชวน ได้เขียนเอาไว้ว่า

8 ปีที่ ฯพณฯ พลเอกเปรม ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มิเพียงแต่ทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายบริหารที่เข้มแข็งมีประสิทธิภาพเท่านั้นหากแต่ยังสร้างคุณูปการสำคัญต่อบ้านเมืองอย่างมาก เมื่อท่านเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กล่าวได้ว่าประเทศไทยอยู่ในภาวะวิกฤติทั้งในด้านความมั่นคงและด้านเศรษฐกิจ ในด้านความมั่นคงประเทศไทยเผชิญกับการก่อการร้ายโดยพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ที่เรื้อรังมานานพอสมควรแล้วท่านจัดการกับปัญหาสำคัญนี้ ด้วยการใช้นโยบายการเมืองนำหน้าการทหาร คำสั่ง 66/23 เป็นนโยบายทางด้านการเมืองและการทูตทำให้คนหนุ่มสาวจำนวนมาก ที่หนีเข้าป่า ไปร่วมต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์ ได้กลับออกมาร่วมพัฒนาบ้านเมือง จนพรรคคอมมิวนิสต์อ่อนกำลังลง

ในด้านเศรษฐกิจโลกขณะนั้นกำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์น้ำมัน ครั้งที่ 2 ซึ่งส่งผลกระทบต่อประเทศไทย อย่างรุนแรงรัฐบาลพลเอกเปรม ได้ดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ อย่างรอบคอบ ต้องอาศัยการตัดสินใจอย่างมั่นคงเด็ดขาด เช่น การตัดสินใจลดค่าเงินบาทส่งผลให้ประเทศชาติผ่านพ้นวิกฤติครั้งนั้นมาได้ ที่สำคัญไม่น้อยไปกว่านั้นก็คือ นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลพลเอกเปรมมีส่วนสำคัญยิ่งในการวางรากฐานให้ระบบเศรษฐกิจของชาติ เจริญเติบโตก้าวหน้า ในเวลาต่อมาโดยเฉพาะการริเริ่มโครงการพัฒนาชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก Eastern Seaboard “ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง เท่าที่เคยมีมาในประเทศไทย

“ความสำเร็จด้านการปกครองบริหารประเทศของรัฐบาลพลเอกเปรม มิใช่เพียงผลจากการมีนโยบายที่เหมาะสมและนำไปปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิผลเท่านั้นแต่อาศัยความซื่อสัตย์สุจริต และความมุ่งมั่น ที่จะตอบแทนคุณแผ่นดินอย่างจริงจัง”

ด้วยเป็นสำคัญตลอดระยะเวลาที่ท่านเข้ามาทำหน้าที่รับผิดชอบกำกับนโยบายและกำหนดทิศทาง การพัฒนาประเทศ ความมั่นคงในเรื่องของความซื่อสัตย์สุจริตของท่าน คงไม่ใช่เพียงเครื่องหมายแห่งคุณงามความดี ส่วนตัวของท่านเท่านั้น แต่มีความสำคัญที่สุด ต่อการปกครองบริหารประเทศ ผลงานของ ฯพณฯ ท่านพลเอกเปรมได้มีผู้พูดกันมากเป็นที่รู้กัน

ผมขอนำเหตุการณ์ที่คนทั่วไปไม่มีโอกาสได้รับรู้มาบันทึกไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย

มีเหตุการณ์หลายๆ เหตุการณ์ที่ฯพณฯ พลเอกเปรม ได้มีส่วนร่วมตัดสินใจในปัญหาที่มีข้อโต้แย้งในคณะรัฐมนตรี และเป็นผลดีต่อบ้านเมืองมาจนถึงทุกวันนี้แม้จะไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่แต่มีผลอย่างยิ่งต่อประชาชน ผมขอหยิบยก ขึ้นมาบางเรื่อง

เรื่องแรกระหว่างเป็นรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงศึกษาธิการ 3 ปี ในรัฐบาลที่พลเอกเปรมเป็นนายกรัฐมนตรี ผมเสนอคณะรัฐมนตรีให้เปิดอนุบาลชนบท ขึ้นในต่างจังหวัด ในโรงเรียนประถมศึกษาที่มีความพร้อม เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กในหมู่บ้าน ในตำบลในชนบท มีโอกาสเตรียมตัวก่อนเริ่มต้นเรียนประถม 1 ซึ่งสภาพของบ้านเมือง ณ เวลานั้นในแต่ละจังหวัดจะมีโรงเรียนอนุบาลจังหวัดละ 1 โรง มีลูกหลานข้าราชการและคนที่มีสถานภาพ ในเมือง ได้เรียนในโรงเรียนอนุบาลเหล่านี้เด็กที่ได้ผ่านอนุบาล 2 หรือ 3 ปีมาแล้วสามารถเข้าเรียนประถม 1 โดยมีความพร้อมสามารถอ่าน a b c d ออก

แต่เด็กในหมู่บ้านชนบทห่างไกลเข้าเรียนประถม 1 แม้แต่ภาษากลาง ยังฟังไม่ออกด้วยซ้ำ โครงการนี้ผมเสนอ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ปรากฏว่าข้อเสนอของผมมีรัฐมนตรีที่สนับสนุน และคัดค้านโดยเฉพาะการคัดค้านว่า คุณภาพและมาตรฐานของอนุบาลชนบทนี้ จะไม่เข้าโรงเรียนอนุบาลในตัวจังหวัด ซึ่งผมก็ยอมรับว่าคุณภาพไม่เท่ากันแน่แต่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่เด็กในชนบทจะได้รับปัญหานี้ยุติลง เมื่อพลเอกเปรมให้ความเห็นว่า นี่คือสิ่งที่รัฐบาลอยากเห็นเสียงคัดค้านก็จบลงอนุบาลชนบทจึงเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ในโรงเรียนประถมศึกษาที่มีความพร้อมทั่วประเทศโดยปีแรกมี 2,000 ห้องเรียน รับเด็กได้ 80,000 คน โดยไม่มีการของบประมาณใหม่ตามเงื่อนไขของสำนักงบประมาณ อนุบาลชนบท ที่ท่านพลเอกเปรมสนับสนุนนี้ ได้กระจายโอกาสอย่างแท้จริงให้แก่เด็กๆ ที่อยู่ในชนบท

ครับยังมีอีกหลายเรื่องทั้งการจัดสร้างศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย สถานีโทรทัศน์ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ขอยกยอดไปในฉบับอังคารหน้า

ท่านผู้อ่าน ที่สนใจ จะได้มีหนังสือ ดีๆหนังสือพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ “รัฐบุรุษคู่แผ่นดิน” เอาไว้ประจำครอบครัวให้ลูกหลาน ได้ศึกษา เรียนรู้ เพิ่มเติมก็สามารถ ติดต่อไปได้ ที่ ดร.สุเมต สุวรรณพรหมผู้ดำเนินรายการ “เรื่องเล่าของป๋าเปรม” มิติข่าว FM90.5 โทรศัพท์ 08-1110-3939อาจจะได้ทั้งหนังสือ และหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด จากสงขลา เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ด้วยนะครับ