วันศุกร์ ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / เวทีอิสระ
เวทีอิสระ

เวทีอิสระ

วันพฤหัสบดี ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2564, 02.00 น.
ช่วยชาวพม่า : ในฐานะที่ผมก็เคยเป็นผู้อพยพลี้ภัยเช่นกัน

ดูทั้งหมด

  •  

ชีวิตคนเราก็แปลก มีบางสิ่งบางอย่าง บางเรื่องบางราว ที่มักจะพัวพันกับชีวิตของเรามาโดยตลอด ตั้งแต่จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน จนอาจเรียกว่าเป็นชะตากรรมก็ว่าได้ ซึ่งมีเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวกับชีวิตผมเอง ก็เลยอยากจะมาเล่าสู่กันฟัง เผื่อจะได้เป็นข้อคิด หรือจะเป็นอุทาหรณ์

ย้อนไปสมัยเรียนหนังสือ ก็ได้เล่าเรียนเกี่ยวพันกับเรื่องสงครามการสู้รบ การข่มเหงกดขี่ และภัยพิบัติทางธรรมชาติ ที่นำไปสู่การล้มหายตายจาก และการพลัดถิ่นฐานแหล่งกำเนิด


ต่อมาในการทำงาน ก็ได้มาร่วมรับผิดชอบในเรื่องผู้อพยพลี้ภัยจากเมืองจีน จากเวียดนาม จากลาว จากกัมพูชา และจากพม่า และยังไปรับทราบการพลัดถิ่นฐานในทวีปต่างๆ ที่ไทยเข้าไปเกี่ยวข้องในฐานะสมาชิกประชาคมโลก โดยเฉพาะในฐานะประเทศสมาชิกองค์การสหประชาชาติ

มาบัดนี้ เมื่อออกมาจากแวดวงข้าราชการพลเรือนและข้าราชการการเมืองแล้ว ผมก็ได้มามีบทบาทในกรอบขององค์กรภาคประชาชน หรือองค์กรที่มิใช่รัฐ และที่มิแสวงหากำไรในการปกป้องและส่งเสริมหลักนิติรัฐและนิติธรรม หรือการขับเคลื่อนให้การบ้านการเมืองอยู่กันด้วยการเคารพคุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์ สิทธิเสรีภาพ และการอยู่ด้วยกันด้วยหลักธรรมาภิบาลด้วยดี บนพื้นฐานของความเสมอภาค ทัดเทียม โอกาส และความปลอดภัย

เรียกได้ว่า ตลอดชีวิตของการเป็นข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศร่วม 37 ปี จนมาอยู่ในแวดวงการบ้านการเมืองร่วม 20 ปีเศษๆ (และก็คงจะยาวไปอีกสักพักหนึ่ง) ผมคือผู้หนึ่งที่มักจะได้รับหน้าที่การงานที่เกี่ยวข้องกับการย้ายถิ่นฐานของมวลมนุษย์ในแง่ของผู้อพยพลี้ภัย ตั้งแต่ผู้พลัดถิ่นฐาน แรงงานพลัดถิ่น แรงงานต่างด้าว จนไปถึงแรงงานข้ามชาติ

เมื่อได้สัมผัสกับความโหดร้ายของการต้องจากถิ่นฐานบ้านเรือนของผู้อพยพแล้ว ผมพบว่า พวกเราในฐานะชาวไทยนั้นควรมีความภูมิใจต่อบรรพบุรุษ และขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามที่ท่านได้มอบให้ไว้ นั่นคือ มิตรไมตรี ความมีเมตตา และความโอบอ้อมอารีต่อผู้พลัดถิ่นจากต่างแดนทั้งใกล้และไกล ที่ต่างหลั่งไหลเข้ามาสู่ความร่มเย็นของแผ่นดินสยาม สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้ผมเองมีความตระหนัก ซาบซึ้ง ที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมในการจัดทำนโยบาย และมาตรการในการรองรับและดูแลชาวต่างชาติที่หนีร้อนมาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร

มาวันหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ อยู่ๆ ผมก็นึกขึ้นมาได้ว่า ผมเองก็เคยเป็นผู้อพยพลี้ภัยอยู่ช่วงหนึ่งในวัยเด็ก และได้มีประสบการณ์เป็นผู้เคลื่อนย้ายถิ่นฐานเช่นกัน นี่อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ชักนำให้ผมมีโอกาสได้มาข้องแวะกับเรื่องผู้อพยพลี้ภัย และผู้เคลื่อนย้ายถิ่นฐานในวัยทำงาน

ผมเองเกิดในช่วงปลายๆ ของสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยรัฐบาลไทยในขณะนั้นเข้ากับฝ่ายญี่ปุ่น ประเทศไทยจึงถือเป็นคู่ปรปักษ์กับฝรั่งตะวันตก โดยเฉพาะอเมริกา อังกฤษ และฝรั่งเศส ทำให้ประเทศไทยถูกโจมตีทางอากาศเป็นเนืองนิจ

ผู้ที่เล่าเรียนประวัติศาสตร์ หรือมีครอบครัวที่เคยพำนักอยู่ที่จังหวัดกรุงธนบุรี ก็คงจะจำความเรื่องสามแยกไฟฉาย ซึ่งมีชื่อมาจากการติดตั้งไฟฉายขนาดยักษ์ เพื่อส่องขึ้นสู่ท้องฟ้า ช่วยให้ปืนกลต่อสู้อากาศยานมองเห็นเครื่องบินของฝ่ายพันธมิตรได้ จะได้สามารถยิงสกัด รวมทั้งน่าจะจำกันได้ถึงระเบิดที่ตกลงในวัด ที่เรียกกันว่า วัดเลียบ ตีนสะพานพระพุทธยอดฟ้า

คุณแม่ของผมเล่าให้ฟังว่า ผมเกิดที่ รพ.ศิริราช บ้านอยู่ที่ตำบลบ้านขมิ้น หลังกรมอู่ทหารเรือ ระหว่างวัดระฆังฯ กับวัดอรุณฯ ซึ่งถือเป็นบริเวณที่ไม่ปลอดภัยจากเครื่องบินทิ้งระเบิด พอผมเกิดได้ไม่กี่อาทิตย์ ครอบครัวจึงตัดสินใจอพยพลี้ภัยไปอยู่ที่จังหวัดพระตะบอง (ตอนนั้นยังถือเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทยอยู่) ชั่วคราว

จนอีกครั้งเมื่อประมาณ 10 ปีต่อมา กรุงเทพฯ ได้เกิดกบฏแมนฮัตตัน ซึ่งเป็นการช่วงชิงอำนาจระหว่างฝ่ายทหารเรือ กับฝ่ายทหารบกและทหารอากาศ โดยเครื่องบินกองทัพอากาศได้ทิ้งระเบิด 3 ลูก บนเรือรบหลวงแมนฮัตตัน และบ้านเรือน
รอบๆ กรมอู่ทหารเรือ ซึ่งทำให้บ้านช่องรอบๆ บริเวณนั้น รวมทั้งของครอบครัวผมสั่นสะเทือนไปหมด ระคนกับเสียงปืนยิงโต้ตอบระหว่างทหารไทยด้วยกัน ทำให้ครอบครัวญาติพี่น้องต้องรีบหนีไปอยู่ในสวนผลไม้ ลึกเข้าไปจากบริเวณสู้รบหลายกิโล ระหว่างทางก็เดินบ้างวิ่งบ้าง รวมทั้งต้องถ่อเรือบ้างได้เห็นฝ่ายทหารเรือสวนทางออกไป โดยหลายคนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในชีวิตผม ที่ได้เห็นเลือดจากการสู้รบ ในฐานะผู้อพยพโยกย้ายถิ่นฐานเป็นครั้งที่สองในชีวิต

ครั้งที่สาม ต่อมาเกิดขึ้นอีกเกือบ 10 ปีให้หลังจากกรณีกบฏแมนฮัตตัน เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ประเทศอินเดีย ซึ่งผม
ไปเล่าเรียนอยู่ที่โรงเรียนประจำของพวกบาทหลวงเยซูอิด นิกายคาทอลิกของพวกคริสตัง ที่เมืองบนภูเขาชื่อว่า ดาร์จีลิ่ง ในเทือกเขาหิมาลัยด้านตะวันออก โดยอยู่ไม่ไกลจากเขตแดนอินเดีย และจีน ที่มีข้อพิพาทในเรื่องการปักปันเขตแดนกันอยู่

เมื่อการสู้รบระหว่างจีนกับอินเดียเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1962 (พ.ศ. 2505) ผมเองก็ได้รับประสบการณ์การเป็นผู้อพยพลี้ภัยครั้งที่ 3 โดยโรงเรียนถูกสั่งปิด และพวกเราก็ถูกอพยพโดยทางรถไฟเป็น 2 ช่วง คือ รถไฟเล็กไต่เขาลงสู่ตีนเขา
และจากพื้นราบที่เมืองสิริกุรี สู่นครกัลกัตตา เป็นการเดินทาง 2 วัน 2 คืน จำได้ขึ้นใจว่า เป็นการเดินทางที่เต็มไปด้วยความหิวโหย แม้กระทั่งเศษกระดูกไก่ เราก็ยังดูดและขบเคี้ยวจนมันเปื่อยเป็นผุยผง น้ำท่าไม่ได้อาบ เมื่อมาถึงนครกัลกัตตาก็ถูกกระจายให้ไปนอนที่โบสถ์คริสต์ต่างๆ โดยพวกเรานอนเรียงกันเป็นตับบนพื้นโบสถ์ หลับไปด้วยความเหนื่อยล้า แต่ก็อบอุ่น และอุ่นใจ เพราะอยู่ท่ามกลางบรรยากาศและความศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั้งปวง จำได้ว่าเมื่อเราเคลื่อนลงมาจากเขาสู่นครกัลกัตตา จะมีการหยุดขบวนรถไฟของเราเป็นระยะๆ เพื่ออำนวยให้ขบวนทหารอินเดียพร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์สับเปลี่ยนรางขึ้นไป โดยพวกเราก็เปล่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจกันเต็มที่ (เนื่องจากสงครามเขตแดนครั้งแรกนี้ อินเดียมิได้ตระเตรียมการ มิได้ตระเตรียมใจมาก่อน และมิได้คาดคิดว่าจีนจะบุกอย่างเต็มที่ส่งผลให้อินเดียแพ้อย่างหลุดลุ่ย และกลายเป็นแผลบาปคาจิตคาใจ ปวดร้าว อับอายขายหน้าชาวอินเดียมาจนกระทั่งทุกวันนี้ และนี่คงเป็นเหตุหนึ่งที่ ณวันนี้อินเดียมุ่งมั่นที่จะแข่งขันกับจีนในทุกด้าน)

เมื่อการสู้รบซึ่งไม่ได้ใช้เวลานานยุติลง พวกเราก็เดินทางกลับโรงเรียน โดยครั้งนี้ไม่สะบักสะบอมเหมือนขาหนีมา ซึ่งก็มีวิชาเรียนมาเพิ่มขึ้นอีก คือวิชารักษาดินแดน พวกเรานักเรียนได้รับการฝึกอบรมวิธีการใช้อาวุธปืน (รุ่นโบราณจากสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1)

ณ วันนี้ เมื่อมานั่งคิดทบทวนดู ก็คิดว่าประเด็นปัญหาในระดับประเทศและในระหว่างประเทศนั้น มักจะมีบ่อเกิดจากอวิชชา และความมืดมนในจิตใจของผู้คนไม่กี่คน ที่เอาอำนาจของปวงชนไปใช้ในทิศทางที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม

ปัญหาผู้อพยพล่าสุดของโลกเกิดจากเหตุการณ์ปฏิวัติรัฐประหารที่ประเทศพม่าเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 และด้วยงานในฐานะผู้ส่งเสริมผลักดัน และเคลื่อนไหวในเรื่องประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และเรื่องสันติภาพ ผมจึงได้เข้าไปเกี่ยวข้องอย่างกว้างขวางในกรอบของงานภาคประชาชนและภาคประชาสังคม ก็มิใช่การเข้าไปเกี่ยวข้องโดยภาระหน้าที่เท่านั้น หากแต่เป็นการมีส่วนร่วมในฐานะที่ชีวิตตนเองได้เคยสัมผัสการเป็นผู้อพยพลี้ภัย และผู้พลัดถิ่นฐาน ถือเป็นภาระรับผิดชอบที่พร้อมจะทำด้วยความยินดี และด้วยใจ

ชาวพม่า หรือเมียนมาในวันนี้ ต้องกลับกลายเป็นผู้พลัดถิ่นในประเทศของตนเอง และเป็นผู้พลัดจากสิทธิเสรีภาพ และต่างก็ต้องดิ้นรนเพื่อให้อยู่รอด เพื่อต่อสู้กับความไม่ถูกต้องและส่วนหนึ่งก็จำต้องข้ามฟากมาหาความปลอดภัยที่ประเทศไทย ก็ใคร่ขอถือโอกาสนี้เชิญชวนให้พวกเราชาวไทย
ร่วมกันบริจาคผ่านทางองค์กร และมูลนิธิต่างๆ ที่ทำงานช่วยเหลือ สถานการณ์ในประเทศพม่า เพื่อดูแลผู้อพยพลี้ภัยกันตามกำลังฐานะแต่ละท่าน

เพราะถึงแม้ว่าเราชาวไทยกำลังเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และภยันตรายจากโรคระบาดโควิด-19 ก็ตาม
แต่เมื่อเทียบกันแล้วกับชาวพม่าในวันนี้ พวกเราชาวไทยยังถือว่าอยู่ในสภาพชีวิตที่ไม่ได้ข้นแค้นสาหัสเหมือนเขา ไม่ได้ถูกตามล่า ตามไล่ด้วยกระสุนปืน ก็น่าที่จะแบ่งปันกันคนละเล็กๆ น้อยๆ ให้กับเพื่อนมนุษย์ชาวพม่าของเราได้บ้าง

 

กษิต ภิรมย์

kasitfb@gmail.com

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
21:52 น. 'พีระพันธุ์'จับไมค์ ร้องเพลง'ศรัทธา' ปลุกสมาชิกพรรค รทสช.เดินหน้าสู้
21:28 น. (คลิป) เขยใหญ่! 'ชินวัตร' รับไม้ต่อ 'เพื่อไทย' ใช้ความแค้นเป็นพลังสู้ศึกเลือกตั้ง
21:22 น. 'ปลอดประสพ'หนุนใช้ยาแรงกับเขมรบุกรุก แนะจับกุมดำเนินคดี-รื้อถอนสิ่งก่อสร้าง
20:59 น. 'ฮุน มาเนต'วอนขอ'นายกฯอันวาร์' เข้าแทรกแซงทันทีปมบ้านหนองหญ้าแก้ว
20:50 น. 'กวีเหลวไหลแท้'ร่ายบทกวี ถึง'อัญชะลี ไพรีรัก' ยกย่องเป็น 'เอกนารี' ผู้ยึดมั่นในความสุจริต
ดูทั้งหมด
ออกครบแล้ว! ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 16 กันยายน 2568
'เพลง ชนม์ทิดา'ร่ายความในใจ หลังถูกจับตาความสัมพันธ์'เป๊ก เศรณี'
(คลิป) 'ฮุนเซน' ออกโรงแจงด่วนกลางดึก ยึดทรัพย์ 'ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์' ในเขมร
'DSI'เตือน!! อย่าโอน-สแกนซื้อสิ่งนี้ หากไม่อยากเสี่ยงถูกอายัดบัญชี
'มล.รจนาธร'โพสต์ขอบคุณ'ลิซ่า ลลิษา' สวมจิวเวลรีแบรนด์ไทยในลุค After party Emmy Awards
ดูทั้งหมด
วัคซีนและยาลดความรุนแรงจากโรคติดเชื้อ RSV
อลัชชีหุ้มจีวร
‘หนู-1’รัฐบาลชั่วคราวไม่ค้างคืน
ไทยต้องปรับปรุงด่วน ถ้ายังอยากอยู่ในสายตานักลงทุนโลก
หนึ่งวันพันเหตุการณ์
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

'พีระพันธุ์'จับไมค์ ร้องเพลง'ศรัทธา' ปลุกสมาชิกพรรค รทสช.เดินหน้าสู้

(คลิป) เขยใหญ่! 'ชินวัตร' รับไม้ต่อ 'เพื่อไทย' ใช้ความแค้นเป็นพลังสู้ศึกเลือกตั้ง

‘อภิสิทธิ์-มาดามแป้ง’การจับคู่ที่ลงตัว กับเดิมพันครั้งสำคัญ คืนชีพ‘ประชาธิปัตย์’

ลุ้นระทึก! 19 ก.ย.‘ศาลฎีกา’นัดชี้ชะตา‘ม็อบพันธมิตร’บุกช่อง NBT ปี51

'ฮุน มาเนต'วอนขอ'นายกฯอันวาร์' เข้าแทรกแซงทันทีปมบ้านหนองหญ้าแก้ว

'กวีเหลวไหลแท้'ร่ายบทกวี ถึง'อัญชะลี ไพรีรัก' ยกย่องเป็น 'เอกนารี' ผู้ยึดมั่นในความสุจริต

  • Breaking News
  • \'พีระพันธุ์\'จับไมค์ ร้องเพลง\'ศรัทธา\' ปลุกสมาชิกพรรค รทสช.เดินหน้าสู้ 'พีระพันธุ์'จับไมค์ ร้องเพลง'ศรัทธา' ปลุกสมาชิกพรรค รทสช.เดินหน้าสู้
  • (คลิป) เขยใหญ่! \'ชินวัตร\' รับไม้ต่อ \'เพื่อไทย\' ใช้ความแค้นเป็นพลังสู้ศึกเลือกตั้ง (คลิป) เขยใหญ่! 'ชินวัตร' รับไม้ต่อ 'เพื่อไทย' ใช้ความแค้นเป็นพลังสู้ศึกเลือกตั้ง
  • \'ปลอดประสพ\'หนุนใช้ยาแรงกับเขมรบุกรุก แนะจับกุมดำเนินคดี-รื้อถอนสิ่งก่อสร้าง 'ปลอดประสพ'หนุนใช้ยาแรงกับเขมรบุกรุก แนะจับกุมดำเนินคดี-รื้อถอนสิ่งก่อสร้าง
  • \'ฮุน มาเนต\'วอนขอ\'นายกฯอันวาร์\' เข้าแทรกแซงทันทีปมบ้านหนองหญ้าแก้ว 'ฮุน มาเนต'วอนขอ'นายกฯอันวาร์' เข้าแทรกแซงทันทีปมบ้านหนองหญ้าแก้ว
  • \'กวีเหลวไหลแท้\'ร่ายบทกวี ถึง\'อัญชะลี ไพรีรัก\' ยกย่องเป็น \'เอกนารี\' ผู้ยึดมั่นในความสุจริต 'กวีเหลวไหลแท้'ร่ายบทกวี ถึง'อัญชะลี ไพรีรัก' ยกย่องเป็น 'เอกนารี' ผู้ยึดมั่นในความสุจริต
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

เวลา 4 เดือนกับคณะรัฐบาลชุดใหม่

เวลา 4 เดือนกับคณะรัฐบาลชุดใหม่

13 ก.ย. 2568

เข้าพรรษา เข้าหาตัวเอง

เข้าพรรษา เข้าหาตัวเอง

6 ก.ย. 2568

เลือกเส้นทางสันติภาพ

เลือกเส้นทางสันติภาพ

30 ส.ค. 2568

อะไรคือสังคมที่ทันสมัย (A Modern Society)

อะไรคือสังคมที่ทันสมัย (A Modern Society)

23 ส.ค. 2568

SME (บริษัทขนาดย่อมและกลาง)  ต้องเข้มแข็ง เพื่อเศรษฐกิจก้าวหน้า

SME (บริษัทขนาดย่อมและกลาง) ต้องเข้มแข็ง เพื่อเศรษฐกิจก้าวหน้า

16 ส.ค. 2568

กองทัพนำพา เป็นขวัญและกำลังใจ  ที่เขตแดนไทย-กัมพูชา

กองทัพนำพา เป็นขวัญและกำลังใจ ที่เขตแดนไทย-กัมพูชา

9 ส.ค. 2568

ความรักชาติบ้านเมืองคือจุดเด่นของเวียดนาม

ความรักชาติบ้านเมืองคือจุดเด่นของเวียดนาม

31 ก.ค. 2568

ความสัมพันธ์ระหว่าง วัด กับ รัฐ (Church and State) เป็นอย่างไร?

ความสัมพันธ์ระหว่าง วัด กับ รัฐ (Church and State) เป็นอย่างไร?

24 ก.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved