การแสดงความคิดเห็นนั้น ใครก็แสดงได้ เพียงแต่ปัญหามันอยู่ที่ เป็นแต่เพียง “ความรู้สึก” ลวกๆ ที่อยากร่ำระบาย เหมือนระคายคอก็ “ขากถุย” ออกมา หรือเป็น “ความคิดเห็น” ที่ผ่านกระบวนการ “เติมความรู้” มาก่อน และตั้งอยู่บน “ความเคารพ” ต่อผู้อื่นมากน้อยเพียงใด มาเรียนรู้จากหลายๆ กรณีนี้ด้วยกันครับ
1) พลอย-เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ นักแสดงสาวชื่อดัง ได้ใช้พื้นที่ในอินสตาแกรมสตอรี่ แสดงความเห็นว่า “มีที่ไหนในโลก ที่ประชาชนต้องมาซื้อวัคซีนฉีดกันเอง ไม่มีนะคะ ตอนนี้เราก็ยอมจ่ายเงินเพื่อที่จะได้วัคซีนที่ดีที่สุดแล้ว แต่...ทางรัฐไม่ยอมเซ็น จิตใจทำอะไรด้วย ใจร้ายจัง”
นอกจากนั้นแล้ว พลอย-เฌอมาลย์ ยังได้แสดงความเห็นเพิ่มเติมถึงกรณีที่ผู้สื่อข่าวได้รายงานว่า “อนุทิน ไม่เชื่อ! คนไทยยอมควักเงินซื้อ วัคซีนโมเดอร์นา ถึง 9 ล้านคน ทั้งที่มีวัคซีนฟรี” ผ่านทางโพสต์บนอินสตาแกรมสตอรี่ของเธออีกด้วยว่า “บอกเลยว่าคือ 1 ใน 9 ล้านคนค่ะ ท่านคะ สงสารประชาชนไทยค่ะ แต่ในเมื่อผู้บริหารประเทศเราเป็นแบบนี้ เราที่มีกำลังซื้อ ก็ต้องจัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองก็รู้ๆ กันอยู่ว่าที่ฟรี มันไม่ได้ประสิทธิภาพที่ดีพอ และไม่เพียงพอต่อคนไทยทุกคน ประชาชนควรได้รับวัคซีนที่ดีที่สุดค่ะพลีสสสส”
2) ดร.เสรี วงษ์มณฑา โพสต์เฟซบุ๊คว่า “เมื่อคุณมองว่าวัคซีนที่รัฐบาลจัดหาให้ฟรีไม่พอ แล้วคุณยอมเสียเงินที่จะฉีดวัคซีนทางเลือก จงจ่ายเงินด้วยความเต็มใจ อย่าบ่น อย่าด่ารัฐบาล ที่รัฐบาลจัดหาให้ฟรี ก็มีการใช้ไปทั่วโลก ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร มิหนำซ้ำ ยังสามารถเปิดประเทศได้ ใช้ชีวิตเกือบปรกติกันแล้ว ทำไมคุณจึงไม่ยอมเชื่อ บางคนเริ่มโพสท์ข้อความว่า ถ้าประชาชนต้องจ่ายเงินเพื่อรับการฉีดวัคซีนทางเลือก เราจะเป็นประเทศแรกที่ประชาชนต้องจ่ายเงินเพื่อฉีดวัคซีนที่ตัวเองต้องการ ก่อนจะพูดอะไรหาข้อมูลหน่อยนะคะ ไม่ว่าประเทศไหนที่ประชาชนไม่ฉีดวัคซีนที่รัฐจัดให้ เขาก็ต้องจ่ายเงินกันทั้งนั้นค่ะ สิงคโปร์ ประชาชนต้องจ่ายเงินเพื่อฉีด sinovac นะคะ”
3) เภา-รัฐพล พรรณเชษฐ์ อดีตสมาชิกรุ่นแรกของวง“บอดี้สแลม” ก็ได้เขียนข้อความผ่านเฟซบุ๊ค เพื่อปกป้อง “ตูน บอดี้สแลม” ที่ถูกต่อว่าต่อขานว่าไม่ออกมา call out ว่า “การที่ตูนยังไม่ได้ทำอะไรตอนนี้ ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่ทำอะไรอีกเลย ก่อนอื่น ผมเข้าใจและเห็นใจหัวอกคนที่โดนผลกระทบนะครับ มันคือความลำบากอย่างแสนสาหัส หลังชนฝา นำมาซึ่งโพสต์ที่ต่อว่าด้วยความคับแค้น และต้องการความช่วยเหลือจากไอดอลของเค้า แต่ถ้าใจเย็น และลองมองให้ดี ตูนมันเป็นนักดนตรี นี่มันแทบไม่มีงานเล่นมาเกือบ 2 ปีละ งานสุดท้ายของมันก็คืองานที่โรงเรียนสวนกุหลาบเมื่อต้นปี มันคือคนที่ได้รับผลกระทบอันดับต้นๆ กับเหตุการณ์นี้เลย
จำได้มั้ยตอนที่เรายกย่องให้พี่ตูนเป็นคนดี เราใช้เวลาพินิจเค้าจากหลายมิติ หลายปี หลายบทบาท หลายเหตุการณ์ ตอนที่เราจะบอกว่าเค้าเป็นคนไม่ดี ก็อย่าเพิ่งรีบร้อน ขอให้ใช้เวลาอย่างเท่าเทียมกัน ผมเชื่อว่าแม้แต่วินาทีที่มีคนกำลังด่ามัน มันก็กำลังคิดเรื่องที่จะทำเพื่อคนอื่นอยู่ ...มันเป็นคนแบบนั้นแหละ #NotNowDoesntMeanNever ป.ล.เผื่อคนจะโยงว่าผมเข้าข้างรัฐบาล ตั้งแต่โควิดเป็นต้นมา ผมอยากพิมพ์ด่ารัฐบาลทุกวันครับ แต่เมียห้ามไว้ (เพราะกลัวลูกจะไม่มีเพื่อนคุยด้วย เพราะพ่อดูหัวรุนแรง) แต่นั่นแหละ “ผมเกลียดตู่ครับ...เอ๊ย ต้องนะจ๊ะสิ จะได้ดูซอฟต์ ....(นะจ๊ะพ่ง)”
มีผู้แสดงความเห็นกับข้อเขียนของเภาว่า “พี่ตูนได้รับผลกระทบอันดับต้นๆ แล้วทำไมพี่ตูนไม่ออกมาเรียกร้องเหมือนเพื่อนพี่น้องนักดนตรีคนอื่นๆ ใช่หรือไม่ว่าพี่ตูนมีสายป่านที่ยาวกว่า ปัญหาความเดือดร้อนมันยังไปไม่ถึง จึงนิ่งและเงียบไม่มีการเคลื่อนไหวร่วม ผิดกับคนในองคาพยพเล็กๆน้อยๆในฟันเฟืองดนตรี ที่อาจไม่ไหวแล้ว เอาจริงๆ เขาไม่ได้เรียกร้องให้พี่ตูนไปยืนด่ารัฐบาลหรือลงร่วมถนนเคลื่อนไหวม็อบ เขาหวังแค่พี่ตูนกับชื่อเสียงของแกมันน่าจะเป็นแรงกระเพื่อมขนาดใหญ่ให้คนในรัฐบาลหันมาฟังเสียงการเรียกร้องครั้งนี้บ้างแค่นั้นครับ”
เภา ตอบกลับความเห็นนี้ว่า “พี่มองว่าเค้าได้รับผลกระทบแน่นอนครับ การไม่มีงานเกือบ 2 ปี ทุกคนในวงก็พยายามหารายได้เสริมกันหมด ถามว่าเค้าสายป่านยาวกว่าจริงมั้ย จริงครับ แต่ผิดมั้ย ไม่ผิด ถามว่าน้องผิดหวังที่เค้าไม่ออกมาได้มั้ย ได้แน่นอนครับ แต่ถามว่าเค้าทำผิดมั้ยที่ไม่ออกมายื่นหนังสือ พี่คิดว่าเค้าไม่ได้ทำอะไรผิดครับ และเป็นสิทธิของเค้าที่จะไม่ออกมา แต่ไม่เป็นไปตามความคาดหวังของนักดนตรีคนอื่นๆ แต่นั่นก็แค่ความคิดของพี่คนเดียวครับ พี่ไม่มีทางรู้ว่าตัวเค้าคิดยังไง”
4) ทวิตเตอร์ @Namtanlita24 ของ น้ำตาล-ชลิตาส่วนเสน่ห์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2559 โพสต์ข้อความสืบเนื่องมาจากไฟไหม้ที่ย่านกิ่งแก้ว จ.สมุทรปราการ ระบุว่า “อยากเอาสลิ่มมาเผ่าในกองเพลิงมาก รก” , “เดี๋ยวก็จะมาบอกว่าถึงกับเผากับฆ่ากันเลยเหรออีกคอยดูนะ”, “เผาก็กลัวอากาศเป็นพิษอีก ตายยาก” ข้อความดังกล่าวถูกนำไปรีทวีตจำนวนมาก
5) ต่อมา ทวิตเตอร์ @NuttaaBow ของโบว์-ณัฏฐา มหัทธนา แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง โพสต์ข้อความตอบกลับ ระบุว่า “พฤติกรรมเลียนแบบ ควรทำในสิ่งที่สร้างสรรค์ ความหยาบคาย ความรุนแรง เมื่อไปเลียนแบบกัน จะพากันยกระดับไปเรื่อยๆ อย่างที่เห็น มาถึงจุดของ hate speech ในที่สุด วันนี้คุณซ้ำเติมสถานการณ์สังคมที่กำลังตึงเครียดด้วยการเติมเชื้อไฟ สร้างความเกลียดชังในหมู่ประชาชนด้วยกันเอง พรุ่งนี้ขอให้ได้สติค่ะ”
6) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ค “มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์” ระบุว่า “...ถึงเวลาแล้วพี่โทนี่ต้องกลับประเทศไทยมาคุมทีมช่วยแก้ปัญหาให้ประชาชนไทย ก่อนบ้านเมืองเราจะเสียหายจนย่อยยับจนกู่ไม่กลับเพราะคนบริหารไม่เป็น ผมพร้อมเป็นลูกมือพี่โทนี่ทุกหน้าที่ครับ...”
7) นายสิระ เจนจาคะ สส. กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ ตั้งคำถามว่า วันนี้นายมงคลกิตติ์ เป็นผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นตำแหน่งอันทรงเกียรติ ที่ประชาชนเลือกเข้ามาให้ทำงาน เหตุใดวันนี้จึงเสนอตัวไปเป็นลูกน้องโจร เป็นลูกน้องมิจฉาชีพ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าการที่ออกมาเสนอตัวเป็นลูกน้องของผู้ต้องหาหนีคดี ถือเป็นการกระทำที่ขัดจริยธรรม สส.และผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญหรือไม่ เนื่องจาก สส.ต้องปฎิบัติหน้าที่โดยไม่อยู่ภายใต้อาณัติของผู้ใดนายสิระยังกล่าวด้วยว่า ถึงแม้นายทักษิณ ชินวัตร จะกลับมา ก็ไม่สามารถทำประโยชน์อะไรให้กับบ้านเมืองได้ เพราะตามรัฐธรรมนูญปี 2560 นายทักษิณ ถือว่าขาดคุณสมบัติทั้งการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีและส.ส เพราะมองว่าปัญหาของ COVID-19 ไม่ใช่เพียงแค่รัฐบาลอย่างเดียวที่จะแก้ไขได้ประชาชนทุกคนต้องให้ความร่วมมือ และเมื่อประชาชนให้ความร่วมมือแล้วภาครัฐต้องเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเร็วที่สุด
8) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊คเรื่อง “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะหายไปไหน?” ความตอนหนึ่งว่า “...หลายคนถามผมว่า ท่านนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หายไปไหน ผมตอบว่า ผมไม่ได้เจอท่านนานแล้ว ก็เห็นท่านเข้าคิวไปฉีดวัคซีนอยู่เมื่อไม่กี่วันมานี้ แต่ผมได้โทรคุยกับท่านอยู่บ้าง ผมขอความรู้และขอความเห็นท่าน ความเห็นท่านบางเรื่อง เรารู้แล้วก็เก็บเอามาประดับสติปัญญาได้อย่างเดียว แต่เอามาถ่ายทอดไม่ได้ เพราะท่านคิดไปไกล บางเรื่องก็เกินสติปัญญาที่เราจะคิดตาม ถ่ายทอดไปก็ไม่มีประโยชน์ ผมก็นึกถึงพุทธโอวาทที่ว่า “คำใดจริงแท้ ประกอบด้วยประโยชน์ แต่ไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่พอใจของคนอื่น ตถาคตย่อมรู้กาลที่จะกล่าวคำนั้น” ...เรื่องบางเรื่องจึงรอให้เวลาเป็นผู้บอกเองดีกว่า ผมคิดเอาเองว่า ท่านก็คงคิดอย่างนี้”
9) มีผู้ไปกราบทูลถามพระพุทธเจ้าว่า พระองค์มีหลักในการตรัส (พูด) หรือไม่ตรัส (ไม่พูด) อย่างไรบ้างทรงตอบโดยใช้วิธี “จำแนก แยกแยะ” ดังนี้
1.คำพูดที่ไม่จริง ไม่ถูกต้อง, ไม่เป็นประโยชน์, ไม่เป็นที่รักที่ชอบใจของผู้อื่น-ไม่ตรัส
2.คำพูดที่จริง ถูกต้อง, แต่ไม่เป็นประโยชน์, ไม่เป็นที่รักที่ชอบใจของผู้อื่น-ไม่ตรัส
3.คำพูดที่จริง ถูกต้อง, เป็นประโยชน์, ไม่เป็นที่รักที่ชอบใจของผู้อื่น-เลือกกาลตรัส
4.คำพูดที่ไม่จริง ไม่ถูกต้อง, ไม่เป็นประโยชน์,ถึงเป็นที่รักที่ชอบใจของผู้อื่น-ไม่ตรัส
5.คำพูดที่จริง ถูกต้อง, แต่ไม่เป็นประโยชน์, ถึงเป็นที่รักที่ชอบใจของผู้อื่น-ไม่ตรัส
6.คำพูดที่จริง ถูกต้อง, เป็นประโยชน์, เป็นที่รักที่ชอบใจของผู้อื่น-เลือกกาลตรัส
10) พระโอวาทธรรม สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อัมพร อมฺพโร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานเมื่อ 9 เมษายน 2564 ความว่า “...ไม่มีชีวิตใดประสบแต่ความเกษมสุข ปราศจากทุกข์ภัยไปได้ตลอด เมื่อเกิดมาแล้ว จึงจำเป็นต้องขวนขวายสั่งสม “สติ” และ “ปัญญา” สำหรับเป็นอุปกรณ์บำบัดความทุกข์อยู่ทุกเมื่อ เพื่อให้สมกับที่ดำรงอัตภาพแห่งมนุษย์ผู้มีศักยภาพต่อการพัฒนา
ท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาดซึ่งก่อให้เกิดความหวาดหวั่นครั่นคร้ามกันทั่วหน้า ทุกคนมีหน้าที่แสวงหาหนทางเพิ่มพูน “สติ” และ “ปัญญา” พร้อมทั้งแบ่งปันหยิบยื่นให้แก่เพื่อนร่วมสังคม อย่าปล่อยให้ความกลัวภัยและความหดหู่ท้อถอย คุกคามเข้าบั่นทอนความเข้มแข็งของจิตใจ ในอันที่จะอดทน พากเพียร เสียสละ และสามัคคี มีธรรมภาษิตบทหนึ่งในพระพุทธศาสนา พึงน้อมนำมาเตือนใจในยามนี้ ว่า “เมื่อถึงยามคับขันประชาชนต้องการผู้กล้าหาญ, เมื่อถึงคราวปรึกษางาน ต้องการผู้ที่ไม่พูดพล่าม, ยามมีข้าวน้ำ ต้องการผู้เป็นที่รัก, ยามเกิดปัญหา ต้องการบัณฑิต”
ขอทุกท่านจงเป็น “ผู้กล้าหาญ” ที่จะละความดื้อด้านเห็นแก่ตัว ความเคยตัว และความไม่ระมัดระวังตัว ขอจงเป็น “ผู้ที่ไม่พูดพล่าม” โดยปราศจากสาระ ก่อความร้าวฉานชิงชัง ในยามที่สังคมต้องการสาระ คำปรึกษาหารือ และกำลังใจ แต่จงประพฤติตนเป็น “บัณฑิต” ผู้รู้รักษากายใจของตัวให้ปลอดจากโรคกายโรคใจ เป็นผู้ฉลาดศึกษา ค้นคว้า วางแผน ชี้แนะ และลงมือทำ
ทั้งนี้ ถ้าแต่ละคนแม้เพียงตั้งจิตไว้ในธรรมฝ่ายสุจริต ไม่ถลำลงสู่ความคิดชั่ว อันนำไปสู่การพูดชั่วและทำชั่วซ้ำเติม ก็นับว่าได้ช่วยบรรเทาปัญหาของโลกแล้ว และยิ่งหากท่านมีดวงจิตผ่องแผ้วด้วยเมตตาการุณยธรรม นำความปรารถนาดีเผื่อแผ่ไปสู่ทุกชีวิตอย่างเสมอหน้า ความทุกข์ยากที่เราทั้งหลายต่างเผชิญ ย่อมจะคลี่คลายได้ในไม่ช้า”
ครับ, เมื่อได้ไล่เพียง กรณีตัวอย่างมาทั้งหมดข้างต้นหวังว่าจะเป็นเครื่อง “เตือนสติ” ต่อการ “ให้ความเห็น” ในยุคที่ทุกคนมี “สื่อ” อยู่ในมือของตัวเองกันได้บ้างไม่มากก็น้อย!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี