ตามที่มีประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่องห้ามการชุมนุม การจัดกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19) ฉบับที่ ๙ ลงวันที่ ๓ สิงหาคม
ห้ามมิให้มีการมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่โรคหรือการกระทำอันเป็นการฉวยโอกาสซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน หรือการกลั่นแกล้งเพื่อแพร่โรค ณ ที่ใดๆ ทั่วราชอาณาจักร ห้ามมิให้มีการชุมนุม หรือ การทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ที่มีประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นควบคุมสูงสุด พื้นที่เฝ้าระวัง หากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามประกาศนี้ ต้องรับโทษตามมาตรา ๑๘ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พุทธศักราช ๒๕๔๘ ระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกิน สี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๓ สิงหาคม
พ.ศ.๒๕๖๔ เป็นต้นไป
คงต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่หรือลิดรอนการชุมนุมทางการเมืองแต่อย่างใด เพราะก่อนหน้านี้มีประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่องการห้ามชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด19) ฉบับที่ ๖ และฉบับที่ ๗ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑๖ และ ๒๐ กรกฎาคม ตามลำดับอยู่ก่อนแล้ว
แต่ด้วยความไร้สามัญสำนึกของมวลชนในสังคมไทยทำให้ประดานักการเมืองชังชาติ สัมภเวสี หากโอปปาติกะ คนหนักแผ่นดินได้โอกาสตะเกียกตะกายลุกจากหลุมมาสร้างหายนะให้สังคมไทยครั้งแล้วครั้งเล่า เพียงเพื่อผลประโยชน์ และอำนาจทางการเมืองที่จะนำพาให้การเข้าสู่ผลประโยชน์สู่การทุจริตคอร์รัปชั่นดั่งรัฐบาลภายใต้การบริหารของนักการเมืองจากพรรคการเมืองที่ถูกบงการจากภายนอกประเทศ
หากเปรียบประเทศเป็นสำเภาลำใหญ่คนพวกนี้มีความพยายามที่จะใช้ทั่งฝนเป็นเข็มและทิ่มแทงท้องเรือให้เกิดรูรั่วหวังให้เรือล่มหรือไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ เมื่อบังเกิดนิมิตเกิดทีมไทยแลนด์ช่วยวิดน้ำและช่วยกันอุดรูรั่ว ส่ำสัตว์เหล่านี้ก็พยายามตะโกนส่งเสียงให้อื้ออึงเกิดความวุ่นวายบ้าง เอาเท้าราน้ำบ้าง
ที่กล่าวเช่นนี้พิสูจน์ได้จากตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่จะกระจุกกระจายอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล กว่า 50% เนื่องจากประชาชนสามารถเดินทางมาถูกชักจูงมาร่วมชุมนุมได้โดยสะดวก
ที่สำคัญเป็นเพราะความหย่อนยานอ่อนแอของรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม รวมทั้งฝ่ายปกครองและผู้มีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการทั้งทหาร ตำรวจโดยแท้ แม้การชุมนุมจะใช้ความรุนแรงและสุ่มเสี่ยงต่อการแพร่กระจายโรคระบาดและเป็นการกระทำความผิดซึ่งหน้า แต่ไม่เคยมีการดำเนินการอย่างจริงจังสักครั้ง
นอกจากนี้กระบวนการยุติธรรมไม่ได้สอดประสานกันจนถึงจุดหมายปลายทางสิ้นสุด เมื่อตำรวจจับกุมผู้กระทำความผิดสอบสวนทำสำนวนให้อัยการส่งฟ้อง ผู้กระทำความผิดมักจะได้ความกรุณาจากผู้พิพากษาตุลาการให้ประกันตัวโดยมีเงื่อนไขพิเศษ แต่ที่สุดคนเหล่านี้ก็ไร้สำนึก กลับมาสร้างความวุ่นวายท้าทายกฎหมายตลอดมา จนเป็นที่สะอิดสะเอียนของ “ทีมไทยแลนด์” ตลอดมา
ล่าสุดคนไร้สำนึกภายใต้ชื่อ “กลุ่มเยาวชนปลดแอกร่วมกับกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย” ก็ประกาศเชิญชวนติ่ง, แฟนคลับสนตะพายกระบือน้อยใหญ่ให้มาชุมนุมใหญ่อีกครั้ง วันเสาร์ที่ 7 สิงหาคมนี้ขับไล่พลเอกประยุทธ์ พร้อมประกาศเผาบ้านเจ้าของสุนัขที่ใช้พระบรมมหาราชวังประกอบในแบนเนอร์ด้วย
เมื่อมีการประกาศห้ามการจัดกิจกรรมห้ามชุมนุมทางการเมืองซึ่งมีผลบังคับใช้ และมีระวางโทษกำกับอย่างชัดเจน เราจึงอยากเห็นรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตามกบิลเมืองอย่างเคร่งครัด
ไม่ใช่เพื่อสืบทอดอำนาจไม่ใช่ยึดกุมเก้าอี้ผู้นำ แต่เพื่อความสงบสุขของสังคมไทย และหยุดความป่วยความตายจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 นี้
อย่าแค่ออกอาการ “หมาเห่าไม่กัด” ร่ำไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี