ณ ตอนนี้ สิ่งที่เราพอรับรู้ได้ (แต่ยังมีอีกหลายสิ่ง ที่เรา
ยังไม่สามารถรับรู้ หรือไปถึงได้ฯ)
-สิ่งมีชีวิต รวมทั้งมนุษย์ เกิดมาจาก “สิ่งไม่มีชีวิต”
มิได้ มีใคร : มนุษย์ หรือ...สร้างกำหนดขึ้นมา
“การพัฒนา ที่เป็นกระบวนการ สะสม มาอย่างยาวนาน โดยมีปัจจัยสิ่งแวดล้อม เอื้ออำนวย” ก่อเกิด“สิ่งที่มีชีวิตขั้นต่ำ” และผ่านกระบวนการพัฒนา มาอย่างยาวนาน ภายใต้ปัจจัยหนึ่งๆ จึงก่อเกิด “เป็นบรรพบุรุษของมนุษย์เริ่มแรก” และพัฒนาต่อมาอีก จนมาถึง “มนุษย์ปัจจุบัน” และการพัฒนาคุณภาพ ฯลฯ ของมนุษย์จะรวดเร็ว ก้าวกระโดด ในเวลาที่น้อยกว่าเดิมมากภายใน ปี ๒๐๔๙ (๒๕๙๒) ปี (ซึ่งหากผมมีชีวิต จะมีอายุครบ ๑๐๐ ปี คงจะได้เห็น) แต่ความชรา และสุขภาพ กายใจ ในเวลานั้น คงมอง หรือคิดอะไรได้ไม่ชัดแล้ว
-มนุษย์ก่อกำเนิด โดยลักษณะพิเศษ (ลักษณะเฉพาะ ที่โดดเด่น) ที่ไม่มี สิ่งมีชีวิตใด (พืช สัตว์ ฯลฯ เสมอเหมือน
-ความประเสริฐ หรือคุณสมบัติพิเศษของมนุษย์ คือ
๑.สามารถฝึกฝน เรียนรู้ และพัฒนาตนเองได้
๒.มนุษย์สามารถปรับตัว ให้อยู่ร่วมสัมพันธ์ เกี่ยวข้องกับคนอื่นและสิ่งแวดล้อมอื่นๆ
๓.มนุษย์สามารถ พัฒนาและสร้างสรรค์ สิ่งต่างๆรอบตัว แล้วนำมาใช้ให้เกิดคุณค่า ประโยชน์ต่อตนเองและสังคม เช่น วัฒนธรรมประเพณี ความคิด ความเชื่อ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ฯลฯ
๔.การสรุปบทเรียน จากการได้ทำสิ่งต่างๆ ที่ผ่านไปและประสบการณ์ของคนเป็นเรื่องที่มีความสำคัญยิ่งอย่างหนึ่ง เพราะทำให้ “มนุษย์” สามารถรับรู้ จุดอ่อนจุดแข็ง โอกาส และอุปสรรคของตน และสังคมแล้ว คิดและทำ “สิ่งใหม่ เรื่องใหม่ความคิดใหม่ฯ” ที่ดีขึ้น ก้าวหน้า พัฒนาขึ้น
๕.มีบางเรื่องที่มนุษย์ยังรู้ไม่หมด ไม่ครบ ที่สำคัญ คือ “เรื่องชีวิต กายใจ สุขภาพ ของตนเอง” และเรื่อง ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม สรรพสิ่งในท้องฟ้า ใต้ดิน ใต้ทะเลฯ ของโลก และจักรวาล ฯลฯ
๖.แต่เรื่องกาย สมอง (อวัยวะภายในร่างกาย) และ “เรื่องใจ จิตฯ” มนุษย์ได้รับรู้ และพัฒนาขึ้นได้อย่างมาก ยิ่งในยุควิทยาศาสตร์และความก้าวหน้าทางวิชาการเทคโนโลยี ดิจิทัล ระบบข้อมูลข่าวสาร ฯลฯ
-ข้อจำกัด ทางประวัติศาสตร์ ที่ผ่านมา ที่สำคัญ คือ
ข้อมูล ข้อเท็จจริง ที่ผ่านมาในอดีต ที่การบันทึกไว้ ในช่วงสังคมยังไม่เจริญ ก้าวหน้าพอฯ มีทั้ง ความจริง ความเท็จ ความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ การเติมแต่ง กล่าวอ้าง โดยคนรุ่นต่อๆ มา ว่า “คนสำคัญบางคน เช่น ผู้นำศาสดาของศาสนา พูดอย่างนั้นอย่างนี้” เพราะเป็นการบันทึกต่อมา โดยคนรุ่นหลัง และบางส่วนเป็นกรอบคิดของผู้บันทึกเองฯเรื่องนี้มีความสำคัญไม่น้อย ในการศึกษาและแสวงหาความจริงในสังคม แต่มีคนนำเสนอประเด็นนี้ “น้อยมาก” ที่สำคัญ คือ ความเชื่อถือของสังคม และคนส่วนมาก ที่เชื่อถือในพระเจ้า ศาสดาทางศาสนา หรือเรื่องอื่นๆ และบางเรื่อง มนุษย์อาจจะไม่สามารถเข้าสู่สัจธรรมที่เกิดขึ้นในอดีตได้
เรื่องนี้ เอาไว้เท่านี้ก่อน
l เรื่องสำคัญ ที่เราควรรับรู้ และทำความเข้าใจต่อไป คือ
ความหมายของชีวิต จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ความหมายของชีวิต เป็นคำถามปรัชญาว่าด้วยความสำคัญของชีวิตหรือการดำรงอยู่โดยทั่วไป
คำถามนี้สามารถแสดงได้หลายรูปแบบ เช่น
- “ทำไมเราจึงอยู่ที่นี่”
- “ชีวิตเกี่ยวกับอะไรกันแน่” และ
- “อะไรคือจุดประสงค์ของการดำรงอยู่”
ความหมายของชีวิตเป็นหัวข้อการคาดคะเน
ทางปรัชญา วิทยาศาสตร์และเทววิทยามากมายตลอดประวัติศาสตร์
มีการเสนอคำตอบจำนวนมากของคำถามนี้
จากภูมิหลังทางวัฒนธรรมและอุดมการณ์ต่างๆ
@ ความหมายของชีวิตอยู่ในแนวคิดทางปรัชญาและศาสนา
เรื่องการดำรงอยู่ ความสัมพันธ์ทางสังคม พิชานและความสุข และคล้ายกับประเด็นอื่นอีกมาก เช่น ความหมายเชิงสัญลักษณ์ ภววิทยา คุณค่า จุดประสงค์ จริยศาสตร์ความดีและความชั่ว เจตจำนงเสรี การดำรงอยู่ของพระเป็นเจ้าหนึ่งหรือหลายองค์ แนวคิดพระเป็นเจ้า วิญญาณและชีวิตหลังความตาย ผลงานวิทยาศาสตร์มุ่งอธิบายข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ที่สัมพันธ์กันเกี่ยวกับจักรวาล
สำรวจบริบทและตัวแปรเสริมเกี่ยวกับ “อย่างไร” ของชีวิต (how of life)
วิทยาศาสตร์ ยังศึกษาและสามารถให้การแนะนำการแสวงความเป็นอยู่ดี (well-being) และแนวคิดศีลธรรมที่สัมพันธ์กัน แนวเข้าสู่การศึกษาแบบมนุษย์นิยม
ตั้งคำถามว่า
“อะไรคือความหมายของชีวิตฉัน”
คุณค่าของคำถามนี้ อาจพ้องกับการบรรลุความเป็นจริงอันติมะ (ultimate reality) หรือ
ความรู้สึกรวมเป็นหนึ่ง (oneness) หรือกระทั่งความรู้สึกศักดิ์สิทธิ์ (sacredness)
เนื้อหา
1. คำถาม
2. มุมมองที่นิยม
2.1 เพื่อตระหนักศักยะและอุดมคติของตน
2.2 เพื่อบรรลุความสมบูรณ์ทางชีววิทยา
2.3 เพื่อแสวงภูมิปัญญาและความรู้
2.4 เพื่อทำดี เพื่อทำสิ่งที่ถูกต้อง
2.5 ความหมายเกี่ยวกับศาสนา
2.6 ชีวิตไม่มีความหมาย
3. อ้างอิง
คำถาม
คำถามเกี่ยวกับความหมายของชีวิตแสดงออกได้อย่างกว้างขวาง ซึ่งรวมถึง:
- “อะไรคือความหมายของชีวิต” “ชีวิตนี้เกี่ยวกับอะไร” “เราเป็นใคร”
- “ทำไมเราอยู่ที่นี่” “เราอยู่ที่นี่เพื่ออะไร”
- “อะไรคือจุดกำเนิดชีวิต”
- “ธรรมชาติของชีวิตคืออะไร” “ธรรมชาติของความเป็นจริงคืออะไร”
- “จุดประสงค์ของชีวิตคืออะไร” “จุดประสงค์ของชีวิตหนึ่งคืออะไร”
- “อะไรคือความสำคัญของชีวิต”
- “อะไรที่มีความหมายและมีคุณค่าในชีวิต”
- “คุณค่าของชีวิตคืออะไร”
- “การอยู่มีเหตุผลอะไร” “เราอยู่เพื่ออะไร”
คำถามเหล่านี้ : มีคำตอบและการให้เหตุผลมากมาย ทั้งทฤษฎีวิทยาศาสตร์ ตลอดจนคำอธิบายทางปรัชญา เทววิทยาและจิตวิญญาณ
เราท่าน คงมีคำถามอยู่ในใจอีกเยอะ
คิดเถอะครับ มันมีประโยชน์และคุณค่า
และเมื่อกาลเวลาผ่านไป เมื่อเราเจอ “วิกฤติใหญ่ และใหญ่ฯ”
รวมทั้ง เมื่อเราผ่าน ปัญหาและอุปสรรคไปได้ (หรือไม่ได้)
เราจะได้ “คำถามพิเศษ” ที่จะเป็นจุดเปลี่ยนอีกมาก
เรื่องราวของมนุษย์ มีอะไรอีกมากน่ะ เธอ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี