ชีวิตเป็นของเรา... นี่คือสัจธรรมข้อแรกและข้อที่สำคัญที่สุด
เพราะเราคือผู้เดียวที่กุมบังเหียนและรับรู้เรื่องราวของตนเองได้อย่างลึกซึ้งที่สุด
การเดินทางของชีวิตจึงเป็นดั่งการเรียนรู้
การใส่ใจทำความเข้าใจ และการพัฒนาตนเองอย่างไม่สิ้นสุด
เพื่อให้ชีวิตอันมีคุณค่านี้เปล่งประกายความหมายสูงสุด
ยามอยู่ : ดำรงตนด้วยสติและปัญญา
คุณค่าของชีวิตปรากฏชัดที่สุดใน “ยามอยู่” คือ
การใช้ทุกขณะลมหายใจอย่างผู้ตื่นรู้
การอยู่อย่างใจที่สงบนั้นไม่ได้หมายถึงความนิ่งเฉย
แต่คือการดำรงอยู่ด้วยสติและปัญญาเป็นเครื่องนำทาง
เราต้องยึดมั่นและแสวงหาความเป็นจริงของชีวิตอย่างไม่ลดละ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของตนเองหรือเหตุการณ์สำคัญที่เกี่ยวข้องกับเราและสังคม
การเรียนรู้ที่แท้จริงมิได้เกิดขึ้นแต่ในตำรา
แต่เกิดจากการลงมือปฏิบัติจริงในสนามของชีวิต
โลดแล่นไปกับโลกและโลกธรรมที่แปรเปลี่ยนอยู่เสมอ
หัวใจสำคัญ คือการอยู่กับ “ปัจจุบัน”
เพราะปัจจุบันคือความจริงเพียงหนึ่งเดียวที่เราสัมผัสได้
การทำปัจจุบันขณะให้ดีที่สุด คือการวางรากฐานอันมั่นคงเพื่ออนาคตที่ดีกว่า
การมีตารางเวลาหรือแผนการในแต่ละวัน
จึงเปรียบเสมือนเข็มทิศที่ช่วยให้เราไม่หลงทางและใช้เวลาทุกนาทีอย่างมีคุณค่าสูงสุด
โดยเฉพาะในยามที่เรายังมีพละกำลัง
เพราะเมื่อวันเวลาล่วงผ่านเข้าสู่วัยชราหรือยามเจ็บป่วย
เราอาจไม่สามารถทำทุกสิ่งได้เต็มที่เช่นเดิม
หลักการดำเนินชีวิต : ก้าวเดินอย่างมั่นคงบนเส้นทางที่ผ่านร้อนหนาว
จากประสบการณ์ที่ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านทุกข์และสุขสามารถกลั่นกรองเป็นหลักในการดำเนินชีวิตได้ดังนี้
๑. ศึกษาอย่างจริงจัง : ในเรื่องที่สำคัญต่อชีวิตและบ้านเมือง ต้องทุ่มเทศึกษาเรียนรู้ให้ถ่องแท้
๒. ก้าวช้าๆ แต่มั่นคง : ความสำเร็จที่ยั่งยืนมักไม่ได้มาโดยเร็ว แต่มาจากการก้าวเดินอย่างช้าๆ แต่มั่นคงและไม่หยุดยั้ง
๓. ยืนหยัดเมื่อล้มเหลว : ความล้มเหลวและอุปสรรคเป็นเพียงบททดสอบระหว่างทางสู่ความสำเร็จ ผู้ที่ยืนหยัดทำต่อไปเท่านั้นจึงจะไปถึงจุดหมาย
๔. ทำอย่างเป็นกระบวนการ : มองภาพรวมตั้งแต่ต้นจนจบ และดำเนินไปตามขั้นตอนที่ถูกต้อง สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เผชิญ
๕. อยู่ด้วยการให้ : เปลี่ยนมุมมองจากการ “เอา” เป็นการ “ให้” สิ่งที่ดีงามและมีคุณค่าที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ และการให้ที่ประเสริฐสุด คือการให้ความรู้ที่ทำให้ผู้คนเข้าใจชีวิต สามารถพึ่งพาตนเอง และมีอิสรภาพอย่างแท้จริง
๖. รอคอยความจริง : ในการแสวงหาความจริง หากยังไม่ประจักษ์แจ้งหรือได้ข้อสรุปที่แน่ชัด อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ จงอดทนรอคอยและติดตามต่อไป
๗. สุขสงบและพอเพียง : ชีวิตที่เรียบง่าย พอเพียง จะนำมาซึ่งความสุขสงบจากภายใน และเมื่อใจเป็นสุข เราจะคิดและทำสิ่งต่างๆ ด้วยความรักและความเบิกบาน
๘. เข้าใจผู้อื่น เริ่มจากครอบครัว : ทำความเข้าใจครอบครัวและมิตรสหายก่อน แล้วผลแห่งการที่พวกเขาจะเข้าใจเรานั้นจะตามมาเอง
๙. เข้าใจตนเอง : คือสิ่งที่ยากที่สุด แต่ก็ง่ายที่สุดในเวลาเดียวกัน เพราะคำตอบทั้งหมดอยู่ในตัวเราเอง หากเพียงเราหันกลับมามองอย่างใส่ใจ
๑๐. สรุปบทเรียนเสมอ : ทบทวนและสรุปบทเรียนชีวิตในทุกช่วงวัย ทั้งรายวัน รายเดือน และรายปี เพื่อเป็นฐานในการพัฒนาและต่อยอดชีวิตให้ดียิ่งขึ้นไป
ยามจาก : ทิ้งไว้ซึ่งคุณค่าและความหมาย
ในทัศนะที่กลั่นกรองแล้ว ชีวิตนี้คือโอกาสเดียวที่เรามีเกิดครั้งเดียวและตายครั้งเดียว
ไม่มีนรกหรือสวรรค์รออยู่เบื้องหน้า
ฉะนั้น จงใช้ชีวิตที่มีอยู่ให้ยืนยาวที่สุด แม้ในยามแก่ชราหรือเจ็บป่วยติดเตียง
การดำรงอยู่ของเราก็ยังคงมีคุณค่า
เป็นการเปิดโอกาสครั้งสุดท้ายให้ลูกหลานได้แสดงความกตัญญูและตอบแทนบุญคุณ
ซึ่งเป็นการทำให้ชีวิตของพวกเขามีความหมายลึกซึ้งยิ่งขึ้น
เมื่อยามจากมาถึง แม้ร่างกายจะทำอะไรไม่ได้อีก
แต่เราสามารถทำให้การตายของเราเปี่ยมด้วยความหมายได้
ด้วยสิ่งที่ได้คิดและทำไว้ “ก่อนตาย”
นั่นคือการถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตอันล้ำค่าแก่คนรุ่นหลัง
อาจเป็นการจารึกเรื่องราวผ่านตัวอักษรเป็นหนังสือที่งดงาม
หรือบันทึกประวัติชีวิตของตนเองและวงศ์ตระกูลไว้เป็นมรดกทางปัญญา
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะต่อตนเอง ครอบครัว เพื่อนมิตร หรือส่วนรวม
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “บ้านเมือง” ผืนแผ่นดินที่มีบุญคุณต่อเราและบรรพบุรุษ
การใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย
จึงผูกพันกับการสร้างสรรค์อนาคตที่ดีให้แก่ลูกหลานและสังคมโดยรวม
การสรุปบทเรียนชีวิตในทุกย่างก้าว
จะทำให้เราเข้าใจทั้งตนเองและผู้อื่น เข้าใจทั้งเรื่องส่วนตัวและส่วนรวม
และความเข้าใจนี้เอง คือ
ขุมพลังที่จะนำเราไปสู่การพัฒนาตนและสร้างสรรค์สิ่งดีงามให้แก่โลกได้อย่างไม่สิ้นสุด
ชัยวัฒน์ สุรวิชัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี