l ข้อเท็จจริงที่สำคัญของเหตุการณ์ ๑๔ ตุลา ๒๕๑๖ (ในบางแง่มุม)
ปัจจัย และองค์ประกอบสำคัญ ที่ก่อให้เกิดเหตุการณ์ใหญ่
๑.ฝ่ายผู้ครองอำนาจ รัฐบาลจอมพลถนอม ประภาส ณรงค์
การครองอำนาจมาต่อเนื่องยาวนาน : ประชาชน ทุกข์ยากเดือดร้อน เป็นนายกฯ รวม 4 สมัย รวมเป็นเวลา 10 ปี 6 เดือน (2501 และ 2506-2515) การทำการรัฐประหารตนเอง ในวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ : นักการเมือง ไม่พอใจ
๒.ฝ่ายประชาชน นำโดยศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (ศนท.) และองค์กรอิสระในมหาวิทยาลัย
ฝ่ายประชาชน เกิดความเดือดร้อน ทุกข์ยากลำบาก ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย สะสมบทเรียน และสร้างการยอมรับจากประชาชน
๓.ฝ่ายขัดแย้งกับ “จอมพลถนอม ประภาส ณรงค์” โดยเฉพาะ
ในกองทัพ
(๑) ประชาชน
(๒) ข้าราชการและกลุ่มนักธุรกิจ ที่เกิดจากรัฐบาล และการก่อตั้ง
การก่อตั้งสำนักงานก.ต.ป. (พันเอกณรงค์)
(๓) นักการเมืองในสภา และพรรคการเมือง
(๔) ในกองทัพ
ตัวอย่างความสัมพันธ์ และการสร้างเครือข่ายของฝ่ายกองทัพ กับนักการเมือง
คุณไขแสง สุกใส อนันต์ ฉายแสง อุทัย พิมพ์ใจชน ซึ่งมีความสัมพันธ์กับ พล.ต.อ.ประเสริฐ รุจิรวงศ์
คุณอนันต์ ฉายแสง และ คุณอุทัย พิมพ์ใจชน กล่าวว่า “พวกเขามีบทบาทสำคัญในเหตุการณ์นี้”
คุณไขแสง สุกใส เข้ามอบตัว เป็นคนที่ ๑๓ ในเหตุการณ์ บอกว่า“เพื่อมาเป็นพี่เลี้ยงให้น้องๆ”
l พลังนักศึกษาประชาชน เป็นพลังหลักสำคัญ ในการก่อเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖: แต่มิใช่พลังเดียว
พลังของประชาชนแม้นมีจำนวนเป็นแสนเป็นล้านทำได้เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงใหญ่ ในแต่ละเหตุการณ์ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ หาประเทศใด มีรัฐบาล ที่มีสปิริตสูง อาจจะยอมก้าวลงจากเวทีให้มีการเปลี่ยนแปลงตามกติกาเดิมแต่ถ้าหาก “รัฐบาลนั้น ซึ่งมีอำนาจกุมกำลังไว้ในมือ ไม่ว่า ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร สื่อฯ”
เขาก็ยังคงอยู่ในอำนาจได้ต่อไป
เพราะ “พลังของประชาชน ที่มาร่วมตัวกันอย่างหลวมๆ โดยมีประเด็นร่วมหนึ่งๆ จักรวมกันอยู่ไม่ได้นาน “เพราะไม่มีการจัดตั้ง ไม่มีวินัยไม่มีประสบการณ์ในการต่อสู้ จนถึงที่สุด พอเวลาผ่าน จะเริ่มอ่อนล้า หรือหากมีเหตุการณ์อะไรที่รุนแรงเกิดขึ้น ก็จะทำให้พวกเขา แยกย้ายกันกลับ เช่น เหตุการณ์ ๑๔ ตุลา ๒๕๑๖, ๑๗ พฤษภา ๒๕๓๕, พธม. ๒๕๔๙-๒๕๕๑, กปปส. ๒๕๕๖-๒๕๕๗ เอาลงลึกไปในเหตุการณ์ กปปส. ช่วงแรกมีคนมากถึงหลายล้านคน ลดลงมาเป็นหลักแสน และหลักหมื่นฯ
l ปัจจัยและองค์ประกอบสำคัญ ที่ทำให้สถานการณ์ยุติจบลง เกิดความสงบสุขของประชาชน
๑.ประชาชน : หลังจากเหตุการณ์การชุมนุมมายาวนาน และการได้รับผลกระทบรุนแรงฯ ส่วนใหญ่ ก็อยากให้เหตุการณ์ยุติลง กลับไปเป็นเหมือนเดิม
๒.ฝ่ายที่มีกำลัง ถ่วงดุลกัน และมีความขัดแย้งสูง ยากที่ยอมยุติลง หากไม่มีหลักประกันของแต่ละส่วนหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง มีกำลังเหนือกว่า และยอมไม่เอาโทษอีกฝ่ายหนึ่ง ก็มีโอกาสยุติลงได้แต่บางเหตุการณ์ เช่นเหตุการณ์ ๑๔ ตุลา ๒๕๑๖ อยู่ในเกณฑ์ ที่กำลังดุลกันอยู่จึงมีการคุมเชิงกัน รอคอย “ฟ้า” : (ที่เป็นลักษณะพิเศษ เฉพาะของสังคมไทย)
๓.ลักษณะพิเศษ ที่มีคุณค่ายิ่งใหญ่ของสังคมไทย คือ
ความสัมพันธ์ ระหว่าง “กองทัพ และประชาชนกับในหลวงฯ”
(๑) ความจงรักภักดี และการเป็นศูนย์รวมจิตใจต่อพระองค์
(๒) การให้ความเคารพในเกียรติศักดิ์ศรี และการถือเอาประชาชนทุกฝ่าย เป็นพสกนิกรของพระองค์ อาจจะกล่าวได้ว่า ทั้งสองฝั่ง ต่าง “ให้” ต่อกัน อย่างไม่มีเงื่อนไข โดยถือเอา “ความสงบร่มเย็นขอแผ่นดินเป็นที่ตั้ง”
l รูปธรรมของเหตุการณ์สำคัญวันนั้น
๑.ผู้นำนักศึกษา มีการร่วมมือกันในช่วงแรกของการก่อการ
ก่อให้เกิดภาพแห่งความสามัคคีกัน
แต่ในช่วงระหว่างเกิดเหตุ “กระบวนการนักศึกษา” มีความขัดแย้งกัน
(๑) ระดับความคิดทางการเมืองต่างกัน
(๒) ขาดประสบการณ์ที่เป็นจริง โดยเฉพาะในช่วงที่แหลมคม
(๓) มีการระแวง และไม่ได้ไว้วางใจ หรือเชื่อใจกันอย่างเต็มที่
(๔) ขาดการสื่อสาร และการประสานงานกันอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
(๕) มีการยุแหย่ จากฝ่ายกองทัพในแต่ละปีก (ฝ่ายจอมพลถนอมฯ & ฝ่ายพลเอกกฤษณ์)
๒. ฝ่ายประชาชน เริ่มอ่อนแรง ทยอยเดินทางกลับ และอยากยุติการชุมนุมฯ
ประชาชนส่วนน้อย ที่เริ่มใช้ความรุนแรงตอบโต้ ทุบป้อมตำรวจ ทำลายโคมไฟ สัญญาณจราจร
๓. ฝ่ายกองทัพ มีการแยกเป็น ๒ ฝ่าย ที่ต่างมีอำนาจ และดุลกันอยู่
ทั้งสองฝ่าย มีฐานอำนาจของตนที่แน่นอน แต่ก็มีส่วนที่ยังไม่เลือกข้างอยู่ไม่น้อยทำให้ “ไม่มีใครมีอำนาจเด็ดขาด ต่างคุมเชิงกันอยู่”
(๑) ฝ่ายจอมพลถนอม ประภาส ณรงค์ เป็นฝ่ายที่ครองอำนาจมายาวนาน
(๒) ฝ่ายพลเอกกฤษณ์ สีวะรา เพิ่งมารับตำแหน่งผบ.ทบ. เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๑๖ การดึง และการร่วมมือกับ พลโทวิฑูรย์ ยะสวัสดิ์ ที่กุมกำลังทหารเสือพราน เพื่อเพิ่มศักยภาพ สถานการณ์ และสภาพเช่นนี้ ไม่มีผลดี และอาจเกิดความรุนแรง ที่จักสร้างความเสียหายได้มาก
แต่แล้ว ในเวลาไม่นานนัก ทุกอย่างเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ ในหลวง ออกทีวี แพร่ข่าวที่เป็นปิติไปทั่วประเทศ
มีการพระราชทาน “นายกฯสัญญา ธรรมศักดิ์” มาทำหน้าที่ชั่วคราว
จอมพลถนอม ประภาส ณรงค์ เดินทางออกนอกประเทศ
l ดูจากข่าวภายนอก ออกจะเป็นเรื่องง่ายๆ ใช้เวลาในการแก้วิกฤตใหญ่ ไม่นานนัก
แต่ความเป็นจริง : “ไม่มีการเปิดเผย ข้อเท็จจริงทั้งหมด” ที่ทำให้เหตุการณ์สงบลงอย่างรวดเร็ว
@ ผู้ใหญ่ในสังคมบางท่าน : ให้ข้อคิด ที่มีนัยสำคัญมีข่าว กระแสรับสั่ง ให้ พลโทจำเป็น จารุเสถียร สมุหราชองครักษ์ (พี่ชาย
พลเอกประภาส) เข้าเฝ้าฯ
จอมพลถนอม กิตติขจร เป็นนายทหารรุ่นพี่ ที่น้องๆ นายทหารในกองทัพฯ รัก และเคารพ
จอมพลถนอม ประภาส ได้เข้าเฝ้าฯในหลวงฯ ในช่วงเหตุการณ์ฯ
จอมพลถนอมฯ ไม่ได้ลาออก (ก่อนหน้านี้) ตามที่เป็นข่าวออกมาจากฝ่ายพลเอกกฤษณ์ (อาคม มกรานนท์)
พันเอกณรงค์ กิตติขจร
“มีการมาขอให้เดินทางไปพักผ่อนต่างประเทศชั่วคราว แหม ชั่วคราว เล่นซะหลายปี เราก็แย่”
“พ่อผมลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี วันที่ 14 ตุลาคม 2516 ท่านพูดในที่ประชุมว่า : “ถ้าผมออกจากตำแหน่งเสีย เหตุการณ์มันอาจจะดีขึ้นก็ได้” คุณพ่อจึงกราบบังคมทูล บอกข้าพระพุทธเจ้าจะขอลาออกจากตำแหน่ง เพื่อให้เหตุการณ์เรียบร้อย เช้าวันที่ 14 ตุลาคม ผมก็เดินทางแต่คุณพ่อไปพักที่ดอนเมืองก่อนแล้ว
“ชีวิตที่ผ่านมา เป็นพรหมลิขิต ฟ้าดินต้องการให้เป็นอย่างนั้น” จอมพลถนอม ประภาส ณรงค์ ไม่คิดว่า “ตน” มีความผิดอะไร ทำไมจึงยอมออกไปจากอำนาจฯ
เมื่อจอมพลถนอม เดินทางกลับมา ในปี ๒๕๑๙ โดยบวชเป็นเณร เพราะคุณพ่อท่าน ได้เสียชีวิต(ขุนโสภิตบรรณลักษณ์ (อำพัน กิตติขจร) ทางราชวงศ์ ได้เดินทางไปเยี่ยมที่วัด และหลังจากนั้น จอมพลถนอม ได้เดินทาง กลับออกไป (หลังจากมีประชาชนส่วนหนึ่ง ประท้วงฯ)
ประเด็นสำคัญ การเดินทางออกไปต่างประเทศ ของ “ถนอม ประภาส ณรงค์” ทำให้สถานการณ์กลับคืนสู่ความสงบ
@ มาพิจารณา “แนวทาง การยึดเอา : ประชาชนและประเทศมาก่อน”
จาก “พระราชดำรัส” ของในหลวงฯ ในเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ และ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๓๕ (แนบท้าย)
โดยสรุป
-คงเป็นการขอร้อง ให้ “จอมพลถนอม ประภาส” ได้เสียสละ เพื่อความสงบสุขของบ้านเมืองโดยการเดินทางออกไปต่างประเทศ ในช่วงเวลาหนึ่ง เมื่อเวลาเหมาะสม คงสามารถกลับเข้ามาได้
-และในส่วนของ จอมพลถนอม ประภาส ต้องถือว่า “เป็นการเสียสละ” เพื่อบ้านเมือง เพราะหากต้องการมีอำนาจต่อ ก็มีโอกาสไม่น้อย เพราะ “ได้ดำรงตำแหน่ง ทั้งผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการทหารสูงสุด อีกทั้งเป็นนายกฯและรองนายกฯ มานาน” ในขณะที่ ฝ่ายพลเอกกฤษณ์ เพิ่งมารับตำแหน่ง ผบ.ทบ. ในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๑๖
l ฝ่ายต่างๆ โดยเฉพาะผู้ที่คิดต่างไปจากประชาชนส่วนใหญ่
จะต้อง “คิด”
๑.มองจากสภาพความเป็นจริงของสถานการณ์ในช่วงดังกล่าวสิ่งที่ได้เกิดขึ้น เป็นผลดีต่อ คนส่วนใหญ่และบ้านเมือง
๒.การยอมรับ และความเข้าใจ ความเป็นจริง ในฝ่ายอื่นๆ (นอกจากตนเอง) อย่าไปใช้ “อคติ” มองสถาบันหลักฯ และฝ่ายอื่นๆ ในเชิงลบ เพราะหากคิดเช่นนี้ ก็เป็นการสะท้อน “ธาตุแท้ และตัวตนของพวกตน” ว่า เป็นคนอย่างไร
l ขอใช้ถ้อยคำ มาอธิบาย แทนความรู้สึก
๑. รำลึก ๔๘ ปี ๑๔ ตุลา ๑๖
ฟ้า & นก
ปลา & น้ำ
พ่อแม่ & ลูก
พระราชา &ประชาชน
๒. ฟ้าใหญ่กว้างไพศาล
นก น้อยใหญ่ได้อาศัย
บินเหินไปมาตามใจ
ไม่ต้องห่วง ฟ้า จะกั้นกัน
นก&ท้องฟ้า เป็น ๑ เดียว
๓. ปลา หลากหลาย ว่าย วน
น้ำ เป็นที่อาศัยสุขสม
ขาดน้ำปลาหมดลม
คงวายชนม์สิ้นใจ
ปลา ต้องขอบคุณ สายน้ำ
๔. พ่อแม่รักลูกเสมอสุข
ทุกข์ร้อนมิให้ย่างกราย
รักยิ่งใหญ่ให้แด่ลูก
พระคุณดุจ มหาสมุทร
ลูกรับรู้ ไม่ลืมเลือน
๕. คนไทยโชคดีที่สุด
คิดเห็นต่างกันเป็นสิทธิ
ในหลวงให้รักเสมอภาค
อาศัยร่มไทรแผ่นดินไทย
เป็นพสกนิกรของพระองค์
l ข้อมูลสำคัญ ประกอบ
1.พระราชดำรัส ของในหลวง ร.๙ เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เวลา 19.15 น. https://www.facebook.com/100001057681043/posts/4812233602155182/
2.พระราชดำรัส 20 พฤษภาคม 2535 ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว King of Thailand.
https://www.facebook.com/100001057681043/posts/
4812151932163349/ https://youtu.be/-WGMivGX7js
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี