เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมและ ดร.สุเมต สุวรรณพรหมได้พยายามรวบรวมข้อมูลในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้ง 5 จังหวัด ของ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์โดยได้นำเสนอความพยายามของพลเอกเปรม ในการแก้ปัญหาซึ่งจากผลการศึกษา ข้อเท็จจริง สภาพปัญหาของสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมได้เขียนถึงประเด็นสำคัญต่างๆ ทั้ง 8 ประเด็น ซึ่งเป็นประเด็นที่เป็นปัญหาจริงๆ และยังไม่สามารถ แก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนในภาคใต้ได้
พลเอกเปรมได้ติดตาม การแก้ปัญหา มาอย่างต่อเนื่องในที่สุด ก็ได้สรุปเรื่องสำคัญ รวม 3 เรื่อง เสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณา คือจำเป็นต้องมีการปรับปรุงการบริหารราชการด้านต่างๆ รวม 3 ด้าน คือ ระบบ การบริหารราชการ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้านประสิทธิภาพ ข้าราชการ และ ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ ในที่สุด พลเอกเปรมได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 8/25 24 เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2524 เรื่องการแก้ไขปัญหาบริหารในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยคำสั่งดังกล่าว ได้ครอบคลุมรายละเอียดทั้ง 3 ด้านข้างต้น คือ
ข้อ 1.การปรับปรุง ระบบการบริหารราชการ โดยปรับปรุงการจัดองค์กรบริหารเพื่อแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้รับผิดชอบ โดยตรงในการควบคุม กำกับดูแลการดำเนินงานการแก้ไขปัญหา และแม่ทัพกองทัพภาคที่ 4 จะเป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินการในระดับพื้นที่ ซึ่งแบ่งงานออกเป็น 2 ฝ่าย คือไฟล์พลเรือน และฝ่ายป้องกันปราบปรามการก่อการร้าย รวมถึงการกำหนดขอบเขตและอำนาจหน้าที่ อย่างชัดเจน
ข้อที่ 2.การปรับปรุงประสิทธิภาพของข้าราชการ โดยกำหนดให้กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ จะต้องเร่งรัด การดำเนินการอย่างจริงจัง ในการสรรหาและการพัฒนาข้าราชการที่เข้าไปปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้มีความรู้ความสามารถ เข้าถึงประชาชน มีความประพฤติปฏิบัติที่ดีงาม อุทิศตนอย่างจริงจังในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้บรรลุผลอย่างแท้จริงข้าราชการที่ปฏิบัติงานดีเด่น จะต้องได้รับการพิจารณาความดีความชอบ และข้าราชการที่ไปปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ควรได้รับสวัสดิการเป็นพิเศษ ในขณะเดียวกันข้าราชการที่ประพฤติปฏิบัติไม่เหมาะสม จะต้องได้รับการลงโทษโยกย้ายอย่างจริงจังเทียบขาดและเห็นผล ในทันที
ข้อ 3.การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจัดทำแผนและโครงการในการแก้ไขปัญหาความมั่นคงเพื่อให้บรรลุผลตามนโยบายความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับจังหวัดชายแดนภาคใต้ในด้านเศรษฐกิจและสังคมวิทยา โดยจัดทำเป็นแผนและโครงการทั้งในระยะสั้นและระยะยาวบรรจุไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 5 สำหรับแผนในระยะสั้นสมควรจะได้เร่งรัด โครงการ ที่สำคัญทางเศรษฐกิจซึ่งยังไม่เป็นผลสำเร็จและให้มีการเริ่มดำเนินการโดยด่วนในเรื่องต่างๆ เช่น
ข้อ 1 ก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกที่จังหวัดปัตตานี จังหวัดนราธิวาสและจังหวัดสงขลาเพื่อประโยชน์ของราษฎรในท้องถิ่นในการขนส่งผลิตผลต่างๆ โดยเร่งรัดโครงการต่างๆ ให้แล้วเสร็จในปี 2526
ข้อ 2 เร่งรัดพัฒนาอุตสาหกรรมขนาดย่อมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อการรองรับอาชีพและการกระจายรายได้ไปสู่ประชาชนให้มากที่สุด
ข้อ 3 จัดหาตลาด ผลิตผลทางการเกษตรโดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ร่วมรับผิดชอบในเรื่องนี้
ข้อ 4 เร่งรัดจัดตั้งโรงงาน แปรรูปยางพาราอย่างจริงจังโดยส่งเสริมการดำเนินการในภาคเอกชน
ข้อ 5 จัดตั้งศูนย์ส่งเสริมอาชีพ เพื่อเร่งรัดพัฒนาอาชีพและควรให้สอดคล้องกับโครงการตามแนวพระราชดำริเช่น โครงการศิลปาชีพ เป็นต้น
ข้อ 6 ปรับปรุงงานการประชาสัมพันธ์ รายการวิทยุและโทรทัศน์รวมทั้งคุณภาพของเครื่องส่ง
ข้อ 7 เร่งรัดการศึกษา โดยส่งเสริมให้โรงเรียนราษฎร์ ให้มีมาตรฐานดีขึ้น จัดสร้างโรงเรียนที่ดีมีมาตรฐาน มีครูและอุปกรณ์การสอนที่ดีเป็นตัวอย่างในท้องถิ่นพร้อมกันนั้นให้ปรับปรุงโรงเรียนราษฎร์สอนศาสนาอิสลามที่ดีมีคุณภาพอยู่แล้วให้เป็นโรงเรียนตัวอย่างของชุมชนมุสลิม เร่งรัดส่งเสริมการฝึกอาชีพในด้านอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมในโรงเรียนอาชีวศึกษาให้นักเรียนสามารถนำมาใช้ประกอบอาชีพได้ อย่างแท้จริงและส่งเสริมให้การศึกษาเกี่ยวกับการปศุสัตว์ ในโรงเรียนเกษตรกรรมต่างๆ
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการทั้ง 3 ประเด็นหลักได้มีการกำหนดแนวทางการดำเนินการเอาไว้อย่างชัดเจนผลการแก้ไขปัญหาความไม่สงบเรียบร้อยในจังหวัดชายแดนภาคใต้ตามคำสั่งของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงระบบการบริหารใหม่คือการจัดตั้งศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้นรับผิดชอบและรายงานตรงต่อนายกรัฐมนตรีรวมทั้งการเร่งรัดปรับปรุงประสิทธิภาพ ข้าราชการ และการวางแผนโครงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่พ.ศ 2524 เป็นต้นมานั้น ได้ทำให้สถานการณ์เลวร้ายต่างๆ บรรเทาเบาบางลงตามลำดับจนเหตุการณ์กลับคืนสู่ปกติการก่อการร้ายรูปแบบต่างๆ ลดลงถึงระดับที่ไม่สามารถคุกคามเป็นอันตรายต่อประชาชนต่อไปอีกเหมือนแต่ก่อนขวัญและกำลังใจ ของราษฎร และข้าราชการที่เคยตกต่ำก็ดีและสูงขึ้นการประกอบอาชีพของราษฎรเริ่มฟื้นตัวและมีความหวังมากขึ้นจากโครงการพัฒนาหลายอย่างที่เกิดขึ้นใหม่เฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาท่าเรือเพื่อการขนส่งในภาคใต้หลายจังหวัดที่ขยายแถบโตขึ้นมาในทุกวันนี้
ก่อนที่จะพ้นจากหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปีพ.ศ. 2531 นั้น พลเอกเปรมได้เรียก คุณสุวิทย์ สุทธานุกูล เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และนาวาอากาศตรีประสงค์ สุ่นศิริเลขาธิการนายกฯ ให้ไปพบ และสั่งการให้เริ่มพิจารณาปรับปรุงการทำงานของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดยะลาให้ลดกำลังพลและจัดรูปงานใหม่ให้กะทัดรัดขึ้น เพื่อความประหยัดและสอดคล้องกับสถานการณ์ที่ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วด้วย
และ นี่คือ รูปแบบ วิธีการ ในการดับไฟใต้ ซึ่งท่านที่ได้อ่าน เรื่องราวในวันนี้แล้ว ก็เห็นว่า พลเอกเปรมไม่ได้ใช้เวลานาน ไม่ได้ใช้เงินงบประมาณมากมาย รายการแก้ปัญหา จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ใช้ความจริงจัง ใช้ความจริง ข้อมูลที่เป็นจริง และตั้งใจจริง ในการแก้ปัญหาต่อไฟใต้ และการลงมือปฏิบัติจริงจังอย่างต่อเนื่อง จึงดับไฟใต้ลงได้ในระยะเวลาไม่นานนัก ด้วยความร่วมมือของข้าราชการ ที่มีประสิทธิภาพ และพี่น้องประชาชน ราษฎรในพื้นที่ ที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จากแผนและโครงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมนั่นเอง
แล้วการดับไฟชายแดนใต้ ในครั้งนี้ ทำไมในครั้งนี้มันถึงใช้เวลายาวนาน มาถึง 17 ปีแล้ว ใช้งบประมาณมากมายนับแสนล้านบาท การสังเวยชีวิตของเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ และชีวิตของราษฎรผู้บริสุทธิ์ ไปมากมายจริงๆ
ก็ได้แต่ บนบานให้บารมีของหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด คุ้มครองให้ทุกคนในชายแดนใต้แคล้วคลาดปลอดภัย ขอให้ดวงวิญญาณ ของพลเอกเปรมดลบันดาล ให้ผู้นำผู้มีอำนาจ ดับไฟใต้ ได้อย่างถูกทิศทางด้วยเทอญ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี