นายปิติ ดิษยทัต เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ได้แถลงผลการประชุม กนง.ครั้งล่าสุดเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ว่า คณะกรรมการฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 0.50 ต่อปีคณะกรรมการฯ ได้ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาสที่ 3 ปี 2564 และเข้าสู่ช่วงระยะฟื้นตัวจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดและการเปิดประเทศ รวมทั้งการเร่งกระจายวัคซีนส่งผลให้ความเสี่ยงด้านต่ำลดลง แต่แนวโน้มการฟื้นตัวยังเปราะบางและมีความไม่แน่นอน
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับเพิ่มขึ้นชั่วคราวจากราคาพลังงานโลกเป็นหลัก คณะกรรมการฯ เห็นว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อเนื่องจะช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจในภาพรวม จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ ประกอบกับมาตรการทางการเงินการคลังที่มีความต่อเนื่อง เน้นการฟื้นฟูและยกระดับศักยภาพทางเศรษฐกิจจะมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมให้รายได้ฟื้นตัวอย่างเข้มแข็ง
ทางด้านเศรษฐกิจไทยในปีนี้ 2564 และปีหน้า 2565คาดว่าจะขยายตัวใกล้เคียงกับที่คาดไว้ในการประชุมครั้งก่อน จากการใช้จ่ายในประเทศที่ทยอยปรับดีขึ้นตามการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาด ซึ่งช่วยชดเชยผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากราคาพลังงานโลกที่สูงขึ้น ในระยะต่อไป แรงสนับสนุนจากการใช้จ่ายภาครัฐจะแผ่วลงหลังจากที่ได้เร่งไปในช่วงก่อนหน้า ส่วนการส่งออกมีแนวโน้มชะลอลงบ้างตามเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า
ในขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะทยอยฟื้นตัวอย่างช้าๆ ด้านตลาดแรงงานมีแนวโน้มปรับดีขึ้น จากรายได้ของแรงงานในภาคบริการและผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ฟื้นตัวตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจสำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นชั่วคราวตามปัจจัยด้านอุปทาน โดยเฉพาะราคาพลังงานที่คาดว่าจะปรับลดลงในช่วงต้นปี 2565 ทั้งนี้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะยังอยู่ในกรอบเป้าหมาย
อย่างไรก็ตามแต่มีความเสี่ยงด้านสูงหากราคาพลังงานโลกอยู่ในระดับสูงนานกว่าที่ประเมินไว้และข้อจำกัดด้านอุปทานในต่างประเทศมีแนวโน้มยืดเยื้อ อย่างไรก็ดีรายได้และกำลังซื้อที่ทยอยฟื้นตัวส่งผลให้แรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์อยู่ในระดับต่ำขณะที่การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในระยะปานกลางยังคงยึดเหนี่ยวอยู่ในกรอบเป้าหมาย
ทั้งนี้แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังเปราะบางและมีความไม่แน่นอนอยู่บ้างจากข้อเท็จจริงในภาวะตลาดการเงินของไทย ณ วันนี้ (16 พ.ย. 2564) ปริมาณเงินสดหมุนเวียนในตลาดยังมีปริมาณสูงอุปทานของเงินของไทยนั้น แม้จะมีกระแสผลกระทบจากการเกิดภาวะตึงเครียดทางด้านการเมืองของขบวนการม็อบ แต่ม็อบเหล่านั้นมีแค่จิ๊บจ๊อย ไร้ราคาเพราะกระทำผิดกฎหมายท้าทายอำนาจรัฐ ไม่ได้กระทบกระเทือนต่อภาวะทางเศรษฐกิจ การคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในอัตราเดิมร้อยละ 0.50 จึงน่าจะถูกต้องเหมาะสมมากแล้ว
ประการที่สำคัญก็คือใน11ประเทศอาเซียนรวมทั้งติมอร์ เลสเต ค่าเงินบาทของไทยเชื่อถือได้ในอันดับ 1เท่าเทียมกับเงินเหรียญสิงคโปร์และบรูไนดีกว่าริงกิตมาเลเซียด้วยซ้ำ ในขณะที่ค่าเงินบาทในตลาดเงินไม่มีความผันผวนเท่าใดนัก ประเทศเพื่อนบ้านทั้งเมียนมา, ลาว, กัมพูชาและเวียดนาม รวมถึงอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์เชื่อมั่นในค่าเงินบาทไทยเป็นอย่างมากแสดงให้เห็นว่าสภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยแข็งแกร่งเป็นที่น่าพึงพอใจมากนั่นเอง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี