สำนักโพลล์สถาบันวิจัยและพัฒนาสังคม เครือข่ายองค์กรวิชาชีพครูแห่งประเทศไทย เผยผลสำรวจความเห็นประชาชน ว่าด้วยเรื่อง “ทิศทางการเมืองไทยหลังเปิดประเทศ”
ผลที่ปรากฏ สวนทางกับโลกทวิตเตอร์ของขบวนการสามนิ้ว
ยกตัวอย่าง
1. ความคิดเห็นต่อสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน
การที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่า เครือข่ายขบวนการเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันฯ โดยให้มีการแก้รัฐธรรมนูญและแก้ไขยกเลิกกฎหมายที่เกี่ยวข้อง “ถือว่าเป็นการล้มล้างเปลี่ยนแปลงการปกครอง” ท่านเห็นด้วยหรือไม่เพียงใด มากที่สุดร้อยละ 93.36
ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมที่ใช้ความรุนแรง ใช้อาวุธ เผาทำลายสถานที่ราชการ หยาบคาย จาบจ้วงสถาบัน ละเมิดกฎหมาย ใช้ข้อมูลเท็จและสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน มากน้อยเพียงใด มากที่สุดร้อยละ 96.32
ความพึงพอใจต่อการเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจมากน้อยเพียงใด มากที่สุดร้อยละ 97.14
2. ความคิดเห็นต่อการเปลี่ยนแปลงในพรรคฝ่ายค้านและพรรครัฐบาล
การที่พรรคเพื่อไทยแต่งตั้งลูกสาวอดีตนายกฯทักษิณเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค มีอิทธิพลต่อการครอบงำพรรคหรือไม่เพียงใด มากที่สุดร้อยละ 90.44
การที่พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลประกาศนโยบายแก้ไขหรือยกเลิก มาตรา 112 และ 116 ท่านเห็นด้วยหรือไม่เพียงใด ไม่เห็นด้วยร้อยละ 93.74
ท่านเห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ควรตั้งพรรคการเมืองใหม่ที่มีนักการเมืองคุณภาพและนโยบายที่เกิดจากการร่วมคิดของประชาชนทุกกลุ่มหรือไม่ มากที่สุดร้อยละ 90.6
หากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ ท่านเห็นว่าสส.พรรคพลังประชารัฐ ควรย้ายไปร่วมสร้างพรรคด้วยหรือไม่ เพียงใด มากที่สุดร้อยละ 91.9
3. ความพึงพอใจต่อผลงานของรัฐบาลด้านต่างๆ
การเยียวยาประชาชนทุกสาขาอาชีพในสถานการณ์โควิด เช่น โครงการคนละครึ่ง เราชนะ ปล่อยสินเชื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เยียวยาประชาชนทุกกลุ่ม มากที่สุดร้อยละ 91.38
การปฏิรูประบบคมนาคมขนส่ง เช่น ทางด่วนเชื่อมต่างจังหวัด รถไฟฟ้าในกทม.และปริมณฑล สถานีรถไฟกลางบางซื่อที่ทันสมัยที่สุดในอาเซียน มากที่สุดร้อยละ 91.28
การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมอาเซียน/สร้างถนน 4 เลนทั่วประเทศ/สร้างรถไฟรางคู่ 4 ภูมิภาค มากที่สุดร้อยละ 91.28
การสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษ อีอีซี เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคอาเซียนและระดับทวีป มากที่สุดร้อยละ 87.54
การกระตุ้นเศรษฐกิจสู่ฐานราก เช่น เกษตรกร/ธุรกิจขนาดกลางขนาดย่อม/โครงการโคกหนองนา/ลดค่าเทอมนักเรียนนักศึกษา/การสร้างงานให้บัณฑิตใหม่ มากที่สุดร้อยละ 84.94
4. คาดว่าผู้ใดจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไป
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 40.16 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ร้อยละ 15.60 นายอนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 11.22 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ร้อยละ 9.83 นายชลน่าน ศรีแก้ว ร้อยละ 9.70 นายพิธาลิ้มเจริญรัตน์ ร้อยละ 7.2 และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 6.28
ข้อสังเกตจากการวิจัยเชิงคุณภาพ จากการสัมภาษณ์โดยตรง จากการประชุมกลุ่มย่อยระดมสมอง (Focus Group) และจากการสัมภาษณ์ด้วยระบบZoom Meeting พบว่า พลเอกประยุทธ์ ยังนำโด่ง ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มตัวอย่างจากครู เกษตรกร พ่อค้าแม่ค้า ผู้บริโภคและผู้ประกอบการรายย่อย ทั้งนี้เป็นผลมาจากการตัดสินใจเปิดประเทศ และผลงานการติดตามช่วยเหลือเกษตรกร การควบคุมราคาสินค้า ผลงานการระดมพลังแพทย์ พยาบาลและผู้เกี่ยวข้องสกัดการระบาดของโรคโควิดและการระดมฉีดวัคซีนได้ทะลุเป้าก่อนเวลาที่กำหนด
ส่วน คุณหญิงสุดารัตน์ นายชลน่าน นายพิธา และ น.ส.แพทองธาร ตามหลังมาก เนื่องจากยังไม่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ การแตกตัวของพรรคเพื่อไทย และความไม่เป็นเอกภาพของพรรคฝ่ายค้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายปฏิรูปสถาบันอย่างสุดโต่งทำให้ประชาชนไม่ไว้วางใจ จนไม่สามารถเอาชนะการเลือกตั้งครั้งต่อไป
5. วิธีการสำรวจ
ดร.อวยชัย วะทา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาสังคม เปิดเผยว่า สถาบันวิจัยและพัฒนาสังคมได้สำรวจวิจัยความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ ในระหว่างวันที่ 5-17 พฤศจิกายน 2564 กลุ่มตัวอย่างโดยวิธีการสุ่มจากประชากรผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เพื่อเป็นตัวแทนของประชากรทั้งประเทศ 2 ลักษณะคือ
กำหนดจำนวนกลุ่มตัวอย่างเป้าหมายตามขอบเขตด้านพื้นที่ ดังนี้ 1) ภาคอีสาน 400 คน 2) ภาคเหนือ 300 คน 3) ภาคกลาง 300 คน 4) ภาคใต้ 300 คน 5) กรุงเทพมหานคร 200 คน รวมกลุ่มตัวอย่างเป้าหมาย 1,500 คน
กำหนดสัดส่วนกลุ่มตัวอย่างเป้าหมายตามสาขาวิชาชีพ ดังนี้1) เกษตรกร ร้อยละ 30 2) ครู อาจารย์ นักวิชาการ ร้อยละ 25 3) นักเรียนนักศึกษา เยาวชน ร้อยละ 10 4) ข้าราชการ ร้อยละ 10 5) นักธุรกิจ/ผู้ประกอบการ ร้อยละ 10 6) ค้าขาย/ลูกจ้าง/กรรมกร ร้อยละ 107) นักการเมือง/ผู้นำชุมชน/จิตอาสา ร้อยละ 5
การสำรวจความคิดเห็นและวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative) การสนทนากลุ่ม(Focus Group) ค่าความเชื่อมั่นร้อยละ 95 ( P-Value = 0.05)
รูปแบบการสำรวจวิจัย 3 รูปแบบ คือ 1) การสำรวจวิจัยภาคสนามเป็นการสัมภาษณ์โดยตรงแบบตัวต่อตัว โดยใช้ผู้ช่วยนักวิจัยแจกแบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ ภาคละ 20 คน รวม 100 คน 2) การสำรวจวิจัยแบบเปิด โดยให้กลุ่มตัวอย่างตอบแบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ผ่าน google form 3) การสอบถามและสัมภาษณ์ความคิดเห็นโดยใช้ระบบโทรศัพท์ ระบบซูม (zoom) และระบบไลน์
ผลสำรวจนี้ จะแม่นยำแค่ไหน กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ในเร็ววัน
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี