วันเสาร์ ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ขณะนี้กำลังมีการทำแผนการเพื่อสนองต่อนโยบายใหม่ที่เลิศหรูของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี นั่นคือโครงการแก้ไขความยากจนของประเทศไทย คือ นโยบายหนึ่งข้าราชการหนึ่งครอบครัว
หมายความว่านโยบายนี้มีเป้าหมายที่จะมอบหมายภารกิจให้ข้าราชการ 1 คน ช่วยเหลือประชาชนในการแก้ไขปัญหาความยากจน 1 ครอบครัว ส่วนรายละเอียดนั้นก็ต้องมีด้วยว่าข้าราชการคนไหนและรับราชการอยู่ที่ไหนจะทำหน้าที่ช่วยเหลือแก้ไขความยากจนให้แก่ครอบครัวใด
ประเทศไทยมีข้าราชการราว 3 ล้านคน ตั้งแต่ระดับปลัดกระทรวงลงมาจนถึงข้าราชการระดับล่างสุดซึ่งถ้าเป็นสมัยก่อนก็คือข้าราชการตำแหน่งธุรการภารโรง ซึ่งต่างคนต่างก็รับราชการอยู่ในหน่วยงานต่างๆ ที่ทำงานในภารกิจของหน่วยงานนั้นๆ และโดยปกติก็มีหน้าที่ราชการอยู่แล้ว
ดังนั้นถ้าหากขับเคลื่อนนโยบายนี้ก็หมายความว่าคนไทย 3 ล้านครอบครัว จะมีพี่เลี้ยงเป็นข้าราชการมาช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาความยากจน และถ้าหากคิดจำนวนโดยประมาณว่าครอบครัวหนึ่งมี 3 คนก็จะครอบคลุมประชากรทั่วประเทศโดยไม่พักต้องสงสัยใดๆ
ที่สำคัญก็คือการคิดนโยบายนี้ว่าคิดโดยอาศัยพื้นฐานข้อมูลที่มีความจริงรองรับว่าจะเกิดประสิทธิภาพประสิทธิผล ดังที่กำหนดเป็นนโยบายหรือไม่ เพราะเมื่อกำหนดเป็นนโยบายแล้วก็เป็นเรื่องของฝ่ายข้าราชการประจำที่จะต้องทำแผนเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายนั้น
ถ้าติดตามการรายงานของสื่อมวลชนล่าสุดก็พอเข้าใจได้ว่ารองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองามกำลังดูแลเรื่องการจัดทำแผนเรื่องนี้ จึงได้ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ว่ากำลังอยู่ระหว่างการจัดทำแผนงานและรายละเอียด
การทำสงครามกับความยากจนเป็นยุทธวิธีสำคัญที่สุดของยุทธศาสตร์ชาติที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พระราชทานไว้แก่ประเทศไทยและชาวไทยทั้งผอง
เมื่อเดือนมีนาคม 2529 หลังจากเสร็จสงครามเย็นและหลังยุติสงครามกลางเมืองในประเทศที่ทำสงครามกลางเมืองกันมากว่า 30 ปี กองทัพไทยได้ประมวลพระราชดำริ พระบรมราโชวาท และพระราชดำรัสมากหลายตลอดระยะเวลาตั้งแต่ปี 2512 จนกระทั่งถึงปี 2526 แล้วสรุปเป็นยุทธศาสตร์พระราชทานในพระมหาราชเจ้าพระองค์นั้นว่าประเทศมั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง
ดังนั้น “ประเทศมั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง” จึงเป็นยุทธศาสตร์ชาติในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 นับเป็นยุทธศาสตร์ชาติ ครั้งที่ 3 หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 1 และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงวางไว้ก่อนหน้านั้นโดยเป็นยุทธศาสตร์ที่สืบทอดต่อยอดต่อเนื่องกันมา
ทั้งได้สรุปยุทธวิธีที่พระราชทานว่า “ทำสงครามกับความยากจน”
กองทัพไทยได้ประกาศยุทธศาสตร์และยุทธวิธีดังกล่าวเป็นการใหญ่ โดยตั้งการพิธีประกาศยุทธศาสตร์นี้ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ซึ่งในขณะนั้นพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการทหารบก ได้ทำหน้าที่เป็นผู้ประกาศในนามของกองทัพไทยถึงยุทธศาสตร์และยุทธวิธีดังกล่าว
ดังนั้นนับแต่บัดนั้นมา ยุทธวิธีทำสงครามกับความยากจนเพื่อนำพาประชาชนให้พ้นจากความลำบากยากจนขาดแคลนและล้าหลังในพื้นที่ทั่วประเทศก็มีการดำเนินการมาโดยลำดับ แต่ด้วยพิษภัยและผลพวงทางการเมืองจึงมิได้ต่อเนื่องและเป็นมรรคผลให้เป็นที่ประจักษ์
ในขณะที่ประเทศมหาอำนาจอย่างรัสเซียและจีนรวมทั้งประเทศเล็กๆ ในทวีปแอฟริกาคือประเทศเลโซโทก็ได้น้อมนำอัญเชิญยุทธวิธีดังกล่าวไปใช้เป็นจริงเป็นจังเป็นล่ำเป็นสัน และบังเกิดมรรคผลที่เป็นอาณาประโยชน์ต่อประชาชาติของประเทศนั้นๆ
ประธานาธิบดีปูตินเคยประกาศว่ารัสเซียเป็นหนี้บุญคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9เพราะพระราชทานคำแนะนำในการแก้ไขปัญหาความยากจนและในการขาดแคลนข้าวปลาอาหาร ซึ่งรัสเซียทำได้สำเร็จ ต่อมาประธานาธิบดีปูตินก็ได้ประกาศอีกว่าเพราะความสำเร็จนี้จึงทำให้รัสเซียรอดพ้นจากการถูกคว่ำบาตรในเรื่องอาหารได้
ในขณะที่ประเทศจีนก็ได้นำยุทธวิธีนี้ไปใช้อย่างเป็นล่ำเป็นสันและถือเป็นวาระแห่งชาตินับตั้งแต่ประธานสี จิ้นผิง เข้าสู่อำนาจหลังการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 18 โดยดำเนินการเรื่องนี้ในฐานะที่เป็นวาระที่สำคัญยิ่ง และตั้งเป้าหมายว่าจะบรรลุความสำเร็จที่ทำให้ชาวจีนทั้งประเทศพ้นจากความยากจนก่อนวาระพรรคคอมมิวนิสต์จีนครบ 100 ปี
และประเทศจีนก็ทำได้สำเร็จ จึงมีการประกาศผลสำเร็จจากการทำสงครามกับความยากจนก่อนวาระการเฉลิมฉลองพรรคคอมมิวนิสต์จีนครบ 100 ปี ซึ่งเป็นเรื่องลือลั่นสนั่นโลกให้ปรากฏมาแล้ว
สำหรับประเทศไทย ยุทธวิธีทำสงครามกับความยากจนแทบไม่มีการพูดถึงมานานแล้ว ดังนั้นปัญหาความลำบากยากจนขาดแคลนและล้าหลังจึงขยายตัวลุกลามไปอย่างกว้างขวาง ในขณะที่เกิดความเหลื่อมล้ำขึ้นเพื่อทุนใหญ่ไม่กี่รายนั้นกลายเป็นผู้มั่งคั่งติดลำดับโลก
ดังนั้นการที่นายกรัฐมนตรีมาพูดถึงนโยบายแก้ไขปัญหาความยากจน ว่าโดยเรื่องแล้วต้องถือว่าเป็นเรื่องที่ดีและถูกต้อง แต่ในการปฏิบัติที่จะใช้ข้าราชการ 1 คนช่วยแก้ไขปัญหาความยากจน 1 ครอบครัวนั้นยังต้องติดตามดูกันต่อไป
เพราะในวันนี้ผู้ที่ได้ชื่อว่ายากจนจนมีหนี้สินล้นพ้นตัวนั้นหาใช่มีอยู่เฉพาะประชาชนไม่ แต่ในวงข้าราชการนั่นแหละที่ความยากจนแผ่ซึมลึกกัดกร่อนเข้าไปถึงกระดูกและจิตวิญญาณ จนเกิดการคอร์รัปชั่นครั้งใหญ่หลวงที่สุดในประวัติศาสตร์ของชาติ
จึงต้องดูกันต่อไปว่านโยบายนี้ที่แท้จริงแล้วจะกลายเป็นใครช่วยใคร หรือใครเกาะกินใครกัน?

สัมพันธ์ส่อร้าว! 'จีน'เตือนพลเมืองเลี่ยงไปญี่ปุ่น คาดปมนายกฯหญิงพูดหนุนไต้หวัน
'รถถัง'โพสต์สุดเศร้า ร่างกายพังกะทันหัน เผยนาทีทรมานจนเป็นตะคริว ยืนยันมาเพื่อสู้
'ธรรมนัส' ลุยนครปฐม สั่งอนุมัติงบ 20 ล้าน สร้างประตูระบายน้ำ รพ.ห้วยพลู
กรมการแพทย์แผนไทยฯ เผย ฝรั่งเศส สนใจ 'ยาเสริมสมรรถภาพทางเพศ' ไทย
‘เสื้อแดง’ รวมพลังให้กำลังใจ ‘ทักษิณ’ เตรียมมอบไดอารี่รักให้ ‘อิ๊งค์’ 17 พ.ย.นี้

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี