ที่ผ่านมามีข้อเท็จจริงอยู่ว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ต้องนำเข้าพลังงานส่วนหนึ่งมาจากต่างประเทศ แต่ไทยก็ยังมีความมั่นคงและมีเสถียรภาพทางพลังงานในระดับที่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เคยรู้สึกยี่หระถึงความเดือดร้อนขั้นรุนแรง แม้ว่าราคาพลังงานของไทยจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราต้องหยุดอคติต่อราคาน้ำมันก่อน และพึงระลึกข้อเท็จจริงที่ว่า ตั้งแต่เศรษฐกิจโลกเกิดภาวะซบเซาอย่างหนัก จากวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ระดับราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติได้ปรับตัวลดลงอย่างมากตามความต้องการของตลาด โดยราคาน้ำมันดิบ Brent เมื่อเดือนเม.ย. 2563 ลดลงต่ำสุดเหลือเพียง 9.12 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI นั้นถึงขั้นราคาติดลบ
ต่อเมื่อโลกตั้งตัวติดสามารถรับมือกับวิกฤตโควิด-19จนถึงขั้นสกัดกั้นการแพร่ระบาด สามารถผลิตวัคซีนออกมาต่อต้านอันตรายของเชื้อไวรัสมรณะนี้ภาวะเศรษฐกิจของหลายประเทศ จึงเริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจากจุดต่ำสุดในปี 2563 ซึ่งการฟื้นตัวนี้ก็ได้สะท้อนให้เห็นในราคาพลังงานด้วยเช่นเดียวกัน
ประเด็น ณ เวลานี้ก็คือ สถานการณ์พลังงานไฟฟ้าของไทยนับจากนี้จะเป็นอย่างไร เมื่อปรากฏว่าความต้องการน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกมีสูงขึ้น ทำให้ราคาน้ำมันทะยานเป็นเงาตามตัว และเมื่อน้ำมันปรับราคาสูงขึ้น ต้นทุนการผลิตกระแสไฟฟ้าก็สูงขึ้นเช่นเดียวกับต้นทุนการผลิตสินค้าการขนส่งสินค้าก็ปรับสูงขึ้นตาม รัฐบาลไม่ควรผลักภาระนี้ไปให้ประชาชนแบกค่าครองชีพที่สูงขึ้นในขณะที่รายรับเท่าเดิมหรืออาจจะลดลงทั้งตัวเลขผู้ว่างงานก็มีเพิ่มขึ้นกว่า 1.90% ในไตรมาสสองจากวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา การปรับค่าเอฟทีทำให้ราคาค่าไฟฟ้าสูงขึ้นแม้จะมีแนวคิดช่วยเหลือโดยออกนโยบายเยียวยาค่าไฟฟ้าก็ตามที แต่เป็นการแก้ไขปัญหาที่ไม่ตรงจุด จึงเป็นเรื่องไม่ถูกต้องนัก
แต่การสร้างโรงงานไฟฟ้าชีวมวลผลิตกระแสไฟฟ้าจาก“พืชไผ่ หรือ Sun Bamboo” หรือที่เรียกว่า “Bio Mass Inventory Management” พืชพลังงานทดแทนมูลค่ามหาศาล จึงเป็นทางเลือกที่จะมาทดแทนการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานเชื้อเพลิงในห้วงเวลานี้ โดยโครงการโรงไฟฟ้านี้จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ 1.การบริหารการจัดเตรียมวัตถุดิบแห้งให้เพียงพอสำหรับกระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยระบบแก๊สซิฟิเคชั่นโดยมีข้อจำกัดค่าความชื้น และ 2.การบริหารสินค้าคงคลังในการจัดหาวัตถุดิบสดให้ตอบสนองเพียงพอต่อการผลิตกระแสไฟฟ้าได้อย่างคงที่ แค่รัฐจัดงบประมาณให้แต่ละจังหวัดที่มีความสามารถจัดสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล พร้อมสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกพืชไผ่เพื่อเป็นวัตถุดิบตอบสนองการผลิตกระแสไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าชีวมวล รัฐจักสามารถบูรณาการปัญหาไฟฟ้าแพงจากพลังงานเชื้อเพลิง และสามารถสร้างรายได้ที่มั่งคั่งยั่งยืนแก่เกษตรกรที่ไม่สามารถปลูกข้าวหรือพืชเศรษฐกิจอื่นได้ด้วย
หากรัฐบาลจะตั้งต้นอย่างมืออาชีพจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี พร้อมปรับลดสวัสดิการของพนักงานกฟผ., กฟภ. และกฟน. ที่อาจรวมถึงโบนัสประจำปี แล้วนำเงินเหล่านั้นมาเป็นทุนตั้งต้นทำโครงการ 1 จังหวัด 1 โรงงานไฟฟ้า เพื่อพลังงานยั่งยืนทั้งยังสามารถสร้างเศรษฐกิจมั่งคั่งยั่งยืนให้ราษฎรได้ด้วย เมื่อระบบสาธารณูปโภคพร้อมเพียงพอต่อการลงทุนภาคอุตสาหกรรมก็จะเป็นแรงดึงดูดนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศมาลงทุนสร้างงานสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ที่มีวัตถุดิบผลิตผลผลิตด้านอุตสาหกรรมการเกษตร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี