อ่านข่าวล่าสุดจาก “แนวหน้าออนไลน์” มีการเกริ่นนำว่า “สมฉายาพลังท่อม!” “ปธ.ชวน” ลั่นเดินหน้าชนโอมิครอน นัดประชุมสภาฯหลังปีใหม่ทันที แจงยังคุมโควิดได้ดี แต่ต้องรัดกุม-ไม่ประมาท
เนื้อข่าวบอกว่า เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2564 ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ออกมาระบุแพทย์แนะนำให้ประชาชน Work from Home เป็นเวลา 7 วัน หลังกลับจากเทศกาลปีใหม่ เพื่อลดความเสี่ยงโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ว่า ถ้า สส.ไม่ติดเชื้อก็ไม่น่าเป็นปัญหา อีกทั้งสถานการณ์โดยทั่วไปก็ยังไม่พบการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง แต่ก็ควรไม่ประมาท
ทั้งนี้ สภาฯ ยังคงยึดแนวปฏิบัติด้านสาธารณสุขของกรมควบคุมโรค ซึ่งเราควรต้องระมัดระวัง แต่ไม่ถึงขั้นว่าใครกลับมาต้องกักตัว อีกทั้งสภาฯ ก็มีมาตรการตรวจ Antigen Test Kit หรือ ATK ให้กับ สส.และบุคลากรของสภาฯ ทุกวันอยู่แล้ว รวมถึงในการประชุมผู้เข้ามาในพื้นที่อาคารรัฐสภาทุกคนต้องวัดอุณหภูมิ และสวมหน้ากากอนามัย ประกอบกับในช่วงการอภิปรายก็มีการจัดโซนโพเดี้ยมสำหรับการอภิปรายโดยเฉพาะบริเวณด้านหน้าบังลังก์ของห้องประชุม ดังนั้น การประชุมยังคงดำเนินการไปตามปกติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนเปลง
“ยืนยันว่า ยังมีการประชุมสภาฯ ตามปกติในวันที่5 ม.ค. 2565 แต่หากมีการเปลี่ยนแปลง เราก็มีการประสานกับกรมควบคุมโรคอยู่ตลอด อย่างไรก็ตาม สถานการณ์โควิด-19 ในสภาฯ ตอนนี้ยังสามารถควบคุมได้ดี และมีความเข้มงวดในมาตรการสาธารณสุข” นายชวน กล่าว
อดยิ้มไม่ได้กับคำว่า “สมฉายาพลังท่อม” ที่ทีมข่าวแนวหน้าออนไลน์กล่าวถึง คงสืบเนื่องมาจาก “ฉายา” ที่สื่อมวลชนตั้งให้ท่านว่า “พลังท่อม” โดยอธิบายว่า
“...ฉายานี้ได้มาจากการติดตามการทำงานของ “ชวน หลีกภัย”ทั้งการนั่งเป็นประธานบนบัลลังก์ในการประชุมสภาฯ และการประชุมรัฐสภา ที่สามารถนั่งควบคุมการประชุมได้อย่างยาวนาน พลันเสร็จจากงานประธานในที่ประชุมก็ปฏิบัติภารกิจอื่นๆ อีกมากมาย ขึ้นเหนือล่องใต้เยี่ยมเยือนประชาชนทั่วประเทศอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ราวกับคนเคี้ยวใบกระท่อมที่จะมีเรี่ยวแรง อึด ถึก ทนมากเป็นพิเศษ”
อันที่จริง ผมไม่ค่อยชอบฉายา “พลังท่อม” เท่าไรนักเพราะอาการ “ดีด” ในการทำงานของคุณชวน หลีกภัยนั้น มาจาก “แรงผลักดัน” ที่ไม่ใช่ “สารกระตุ้น หากแต่มาจากความตั้งใจอย่างแน่วแน่ ที่จะกู้ภาพลักษณ์ของนักการเมือง ของสภา ให้ประชาชนหันกลับมาศรัทธา เชื่อถือ และชื่นชมในการทำงาน บ่อยครั้งท่านจึงเตือนสมาชิกสภาว่า ไม่ว่าเราพูดอะไร ทำอะไรกันอยู่ที่นี่ ประชาชนเขาเห็น
คุณชวนได้รับความเคารพทั้งจากฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน จะมีก็แต่เพียง ปารีณา ไกรคุปต์ เท่านั้น ที่เสียมารยาทกับท่าน ซึ่งก็เป็น “ปกติมารยาท” ของปารีณาอยู่แล้ว กับอีกคน คือ รุ้ง-ปนัสยา แกนนำม็อบ ที่ให้อวัยวะเพศชายแก่ท่าน และถูกตำหนิอย่างมากจากสังคมเอง
ความไม่เห็นด้วยในเปลาะที่สองของผม จึงเป็นเรื่อง “คนดีศรีสภา” ที่สื่อมวลชนสายสภาบอกว่า คนดีศรีสภา :ยกเลิกตำแหน่งนี้ถาวร โดยอธิบายว่า... “เป็นเวลาหลายปีแล้วที่สื่อมวลชนประจำรัฐสภาไม่ได้มอบตำแหน่งคนดีศรีสภาให้กับสมาชิกรัฐสภา เนื่องจากท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองและปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ปรากฏว่ามีสมาชิกรัฐสภาคนใดที่จะเป็นแบบตัวอย่างที่ดีในการทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ ดังนั้น สื่อมวลชนประจำรัฐสภา จึงมีความเห็นร่วมกันว่าสมควรยกเลิกตำแหน่งนี้เป็นการถาวร จนกว่าในอนาคตจะมีสมาชิกรัฐสภาที่มีความประพฤติที่เหมาะสมกับตำแหน่งดังกล่าวต่อไป”
ซึ่งผมเห็นว่า คุณชวน หลีกภัย คือ “คนดีศรีสภา” อย่างเต็มภาคภูมิ มีคำที่เราสามารถอธิบายได้มากมาย ว่าทำไมจึงประกาศชื่อบุคคลท่านนี้เป็นคนดีศรีสภา
1.คุณชวน เป็นตัวอย่างของ สส. ที่มีสติ มีปัญญา มีหลักการ สุภาพและให้เกียรติกับทุกๆ คน แต่เคร่งครัดกับระเบียบ ที่ท่านย้ำเสมอว่า เราเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ถ้าเราไม่เคารพระเบียบหรือกฎหมายเป็นตัวอย่างแก่ประชาชน ประชาชนจะเคารพพวกเราได้อย่างไร
2. คุณชวนรัก “องค์กร” หรือ “สถาบัน” คือ “รัฐสภา” มากกว่าติดยึดว่าตัวเองเป็นใคร มาจากพรรคใดและมองทุกคนในที่ประชุมเป็น “สมาชิกสภา” พร้อมกับให้เกียรติ “ข้าราชการสภา” ให้โอกาสแก่ประชาชนที่มาเยี่ยม มาหา มาร้องเรียน มาขอความช่วยเหลือ ถึงขั้นตั้งคณะทำงานขึ้นมาคอยรับเรื่องราวร้องเรียน
3.คุณชวนให้เวลา สส. ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม ให้มีการหารือ สะท้อนปัญหาจากแต่ละพื้นที่ เพราะถือว่า สส.ทุกคน คือ “ตัวแทนของประชาชน” ควรได้เป็น “สะพาน” นำปัญหาของประชาชนในทุกพื้นที่ มาเชื่อมต่อกับสภา และสภาก็มีฝ่ายที่จะส่งเรื่องต่อไปยังผู้รับผิดชอบ เพื่อให้ปัญหานั้นๆ ได้รับการแก้ไข หรืออย่างน้อยๆ ก็มีคำชี้แจง ให้ สส. นำไปบอกกับประชาชนในพื้นที่ได้
คุณชวน “ให้คุณค่า” กับความเป็น “สมาชิกสภา” ของทุกๆ คน และพร่ำเตือนให้ทุกๆ คน อยู่ในกรอบของ “ความถูกต้องและความสง่างาม” อาทิ...
1) วันที่ 4 ก.พ. นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ย้ำเรื่องกรอบเวลาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ต้องหารือกัน ว่า สมาชิกทุกคนทราบดีว่าประเด็นใดพูดได้หรือไม่ได้ อย่างไรก็ตาม มองว่าฝ่ายค้านไม่จำเป็นต้องนำหลักฐานเอกสารและคลิปวีดีโอ มาแสดงก่อน เพราะมีข้อบังคับอยู่แล้ว แต่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน แต่สิ่งสำคัญ คือใครทำอะไรเกินขอบเขตประชาชนจะรับรู้
2) วันที่ 20 ส.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 วาระที่ 2 และ 3 เป็นวันที่สาม ก่อนเริ่มการประชุมนายชวน กล่าวว่า สมาชิกส่วนใหญ่ได้ยึดตามแนวข้อบังคับ ซึ่งการแปรญัตติ อาจมีบางท่านทำไม่ได้ด้วยความไม่เคยชินแต่ขอเตือนอีกครั้ง ยืนยันว่าการเตือนนี้ไม่ได้จุกจิกจู้จี้ แต่เพื่อให้ทุกคนได้รักษามาตรฐานของสภาฯ ซึ่งมาตรฐานของสภาฯ ก็อยู่ที่มาตรฐานของเรา สมาชิกย่อมมีสิทธิในการอภิปราย เพราะเป็นการแปรญัตติ ในข้อบังคับหากสมมุติเราไม่ได้แปรญัตติ และไม่ได้สงวนความเห็น ท่านก็อภิปรายได้เฉพาะถ้อยคำที่มีการเปลี่ยนแปลงตามข้อบังคับ ถ้าเราเข้าใจจุดนี้จะได้ปฏิบัติภารกิจของเราได้อย่างสมบูรณ์มากขึ้น เพราะบันทึกทุกคนที่อภิปรายจะเป็นประวัติศาสตร์วันข้างหน้า หากคนมาอ่านก็จะได้เข้าใจว่าสมาชิกท่านนี้รู้กฎเกณฑ์หรือไม่
3) วันที่ 31 สิงหาคม ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานเพื่อทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ5 รัฐมนตรี ระหว่างการอภิปรายของ นายประเสริฐ จันทรรวงทองสส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้อภิปรายพาดพิงถึงองค์กร และบุคคลภายนอก รวมถึงพูดถึงคุณภาพของวัคซีนซิโนแวคหลายครั้ง ทำให้ นายศุภชัยใจสมุทร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ลุกขึ้นประท้วงว่า พาดพิงบุคคลอื่นอาจทำให้เกิดความเสียหาย และขัดข้อบังคับการประชุม อีกทั้งการด้อยค่าวัคซีนอาจทำให้ประชาชนที่ได้รับวัคซีนซิโนแวคไปแล้วเกิดความเข้าใจผิดและหวาดกลัว นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร จึงได้เตือนนายประเสริฐ โดยขอให้หลีกเลี่ยงการนำเสนอภาพบุคคลภายนอก และจะอนุญาตอย่างเต็มที่ในการอภิปรายฝ่ายบริหาร เพราะบุคคลภายนอกไม่มีโอกาสมาชี้แจง และขอให้ระมัดระวังการอภิปรายวิจารณ์ถึงคุณภาพของวัคซีน เพราะอาจกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
4) วันที่ 18 ต.ค. การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 วันที่สอง ทั้งนี้ นายชวนได้เตือนสมาชิกว่า ห้องประชุมจันทราไม่ใช่ห้องสัมมนา ไม่ควรนำอาหารเข้ามา เนื่องจากได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่าหลังการประชุมพบเศษอาหารอยู่บริเวณหลังห้องประชุม
5) วันที่ 17 ธ.ค. 2564 ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงปัญหาสภาฯ ล่ม เนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบว่า ขอย้ำว่าองค์ประชุมเป็นหน้าที่ของสภาทั้งหมด ทั้งฝ่ายค้าน และรัฐบาล แต่ระบบรัฐสภา รัฐบาลมาจากเสียงข้างมาก ดังนั้น ฝ่ายรัฐบาลต้องมีความรับผิดชอบในเบื้องต้น ต้องพยายามทำให้องค์ประชุมให้ครบ ฝ่ายค้านก็มีหน้าที่นี้ร่วมกัน ส่วนการขอตรวจสอบองค์ประชุมสามารถทำได้ในบางเรื่อง แต่ถ้าทุกเรื่องจะทำให้มีปัญหา ถือว่าเป็นเหตุการณ์เฉพาะกรณีที่เกิดขึ้นบางครั้ง แต่ภาพรวมการทำงานของสภายังผ่านไปได้ด้วยดี ซึ่งงานที่ช้าคือ มีสมาชิกอภิปรายเป็นจำนวนมาก ใช้เวลามากขึ้น เราเคยหารือกันว่า จะจัดสัดส่วนในการอภิปรายตามเสียงของสส. ในสภาฯ
นายชวนกล่าวอีกว่า ภารกิจสภาฯ มีมากและมีข้อจำกัดในการบริหารเวลา ให้สอดคล้องกัน เช่น เรื่องกระทู้ถามสด กระทู้ถามแยก ที่รัฐมนตรีต้องไปตอบ และขอขอบคุณรัฐบาลที่ไม่เคยมาทำอะไรให้เสียหายกับกระบวนการของนิติบัญญัติโดยให้บริหารตามกลไกของรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ยอมรับว่า มี สส.บ่น หลังจากตนเพิ่มประชุมในวันศุกร์เพราะต้องการไปต่างจังหวัด แต่การนัดประชุมเป็นความเห็นชอบร่วมกัน ซึ่งสัปดาห์หน้า จะมีการประชุมวันอังคาร พุธ พฤหัสบดี และวันศุกร์ โดยจะไปหยุดวันที่ 29-30 ธ.ค. เพื่อให้ สส.กลับต่างจังหวัด เราตกลงวันประชุมเพิ่มเป็นภาระของทุกฝ่าย แต่เป็นงานของส่วนรวม ทั้งนี้ ยืนยันว่าการทำงานของ สภาฯ ยังเป็นไปได้ด้วยดี ไม่มีปัญหาไม่มีอะไรเป็นข้อห้าม สามารถดำเนินการได้ แต่บางวาระที่เป็นเรื่องกรรมาธิการ เป็นเรื่องของสมาชิกทุกพรรคไม่ใช่เพียงแค่รัฐบาล ฝ่ายค้าน ไม่ควรมีปัญหาประท้วง จนทำให้ไม่ครบองค์ประชุมเพราะจะเป็นการเสียโอกาสทั้ง 2 ฝ่าย
เห็นไหมครับ ว่าการทำงานของท่านมีหลัก มีคน มีประชาชน อยู่ในหัวใจเสมอ
ดังนั้น นั่งประชุมนานแค่ไหนก็นั่ง รับเรื่องร้องเรียนมากแค่ไหนก็รับ และว่างเมื่อไรก็ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนและรับฟังปัญหาของประชาชน
คนที่อุทิศตนเช่นนี้ หลุกจากการเชิดชูว่าเป็น“คนดีศรีสภา” ไปได้อย่างไร?
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี