ในช่วงสัปดาห์นี้ข่าวใหญ่ที่ดังสนั่นหวั่นไหวทั้งในภาคการเมืองและในภาคประชาชน ไม่เห็นมีข่าวใดเกินไปกว่าข่าวข้าวของแพง ซึ่งแพงไปแทบทุกสิ่ง จนเกิดวาทกรรมอันลือลั่นว่า “แพงทั้งแผ่นดิน”
ความจริงอาการข้าวของแพงนั้นไม่ใช่เพิ่งแย้มพรายให้เห็น แต่มีปรากฏการณ์ที่เด่นชัดมาร่วมสามปีแล้ว นั่นคือราคาพลังงานโดยเฉพาะน้ำมันซึ่งจากที่เคยเก็บเงินเข้ากองทุนลิตรละไม่กี่สตางค์ ก็เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 6 บาท นับเป็นจำนวนเท่าก็คง 6,000 เท่า โดยเหตุที่ต้องเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนมากเช่นนั้นจึงทำให้ราคาน้ำมันต้องแพง เพราะนอกจากเงินที่ต้องเก็บเข้ากองทุนแล้วยังต้องเก็บค่าภาษีอีกจิปาถะ รวมทั้งค่าการตลาดที่ต้องเก็บเพิ่มตามไปด้วย ทั้งหมดนี้จึงกลายเป็นภาระของประชาชน
เพราะเหตุที่พลังงานหรือน้ำมันเป็นต้นทุนต้นน้ำของทุกสิ่งอย่างในประเทศนี้ ไม่ว่าการทำไร่ไถนา การทำประมง และการงานทุกอย่าง แม้นั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่บ้านก็ต้องเสียค่าไฟฟ้าในราคาที่ไม่มีวันจะลดลง เพราะเมื่อราคาน้ำมันซึ่งเป็นราคาต้นทุนของทุกอย่างสูงขึ้นแล้ว ข้าวของทุกอย่างก็มีแต่ต้องแพงตาม ที่พอจะลดลงได้บ้างก็ลดไม่ได้เพราะต้องเอาไปค้ำจุนต้นทุนที่สูงขึ้น
เมื่อราคาต้นทุนต้นน้ำสูงขึ้นเช่นนี้ก็ทำให้ต้นทุนกลางน้ำและปลายน้ำยิ่งสูงขึ้นเป็นลำดับไป และยิ่งสูงขึ้นเท่าใดภาระทั้งหมดนั้นก็ตกอยู่กับประชาชน
ข่าวคราวผู้ประกอบการขนส่งเรียกร้องให้ลดค่าน้ำมันและค่าแก๊สลง ประสานขานรับกับเสียงเรียกร้องโดยทั่วไป แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไขแต่ประการใดยังคงยืนกรานอยู่ท่าเดียวว่าลดไม่ได้
เสียดายที่ผู้ประกอบการขนส่งมีจุดยืนไม่มั่นคงตามประสาชนชั้นนายทุนน้อย ลอกแลกโลเล เตรียมการจะนัดชุมนุมแสดงพลังเรียกร้องกี่ครั้งกี่หนก็ล้มเหลวเพราะเมื่อมีการกดดันบ้าง ข่มขู่บ้าง หรือลูกล่อลูกชนบ้างการนัดชุมนุมทั้งหลายก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า ทำให้คณะฝ่ายนำทั้งหมดไม่ได้รับการยอมรับนับถือ และไม่สามารถเป็นที่พึ่งของผู้ประกอบการขนส่งทั้งหลายได้
กล่าวง่ายๆ ก็คือคนที่มีอำนาจเกี่ยวข้องเขาจับไต๋ได้ว่าแค่ยกไม้เรียวขึ้นเท่านั้นก็เผ่นหนีกันกระเจิดกระเจิงแล้ว
แต่นั่นก็เป็นปรากฏการณ์ที่เด่นชัดถึงความเดือดร้อนของผู้คนเป็นกลุ่มก้อนที่มีเครือข่ายและมีผู้ประกอบการอย่างเดียวกันในทั่วประเทศ ตั้งแต่เมืองหลวงไปจนถึงหมู่บ้าน ซึ่งความจริงถ้ามีการรับฟังเสียงความเดือดร้อนทุกข์เข็ญเหล่านี้ ไม่คิดแต่จะเอาชนะคะคานกัน แล้วรีบแก้ไขเสียปัญหาก็จะลดน้อยถอยลงกว่านี้มาก
ไฟของความเดือดร้อนคุกรุ่นอยู่ทุกหนแห่งทั่วประเทศ รอว่าวันใดกระแสลมพัดจัดขึ้นสักหน่อย ความคุกรุ่นนั้นก็อาจจะลุกโชนโชติช่วงขึ้นก็ได้ อย่าทำเป็นเล่นไป
และในที่สุดก็มาถึงเรื่องหมูแพง จู่ๆ ราคาหมูก็ขึ้นไปเกือบเท่าตัว และคนไทยก็บริโภคหมูในการทำอาหารแทบทุกอย่าง ดังนั้นความเดือดร้อนเรื่องหมูแพง
จึงแผ่ขยายกระจายไปอย่างกว้างขวาง
ครั้นความเดือดร้อนโชติช่วงขึ้นก็มีการออกมาตรการแก้ไข เช่น การควบคุมราคา การตรวจสอบจำนวนหมูในเล้า และการห้ามส่งออก ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นมาตรการสำเร็จรูปในกรณีข้าวของอย่างใดอย่างหนึ่งมีราคาสูงขึ้น
แต่ทว่าเรื่องหมูกลับไม่หมู เพราะความจริงไม่ใช่เรื่องสำเร็จรูปที่จะใช้วิธีการสำเร็จรูปไปแก้ไขได้ สาเหตุเกิดจากโรคอหิวาต์หมูหรือโรคห่าหมู ทำให้หมูตายมากว่า 2 ปีแล้ว และก็ขยายวงการระบาดออกไปอย่างกว้างขวาง ซึ่งขณะนั้นประเทศไทยผลิตหมูเหลือกินเหลือใช้จึงสามารถส่งออกไปต่างประเทศได้
แต่กลับมีการปกปิดเรื่องนี้ไว้ไม่ให้เป็นข่าวในขณะที่มีการเบิกเงินงบประมาณเอาไปแก้ไขปัญหาอย่างเงียบๆ มาตั้งแต่ช่วงเดียวกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 ครั้นเกิดข่าวหมูแพงขึ้นก็มีการปฏิเสธว่าหมูไม่ได้เป็นโรคห่า ซึ่งเป็นข้อแก้ตัวเพื่อสนับสนุนการห้ามการส่งออกว่าเป็นมาตรการสำเร็จรูปที่ใช้ได้
ทว่าความจริงเป็นสิ่งตรงกันข้าม เพราะหมูตายด้วยโรคห่ามาเป็นเวลานานและปกปิดข่าวทำให้การส่งออกหมูยังดำเนินต่อไปได้ ก็ยิ่งทำให้หมูขาดตลาดมากขึ้น และในที่สุดเมื่อหมูตายด้วยโรคห่าไปกว่าครึ่งประเทศก็เกิดการขาดแคลนหมูในประเทศ จึงเป็นเหตุให้ราคาหมูสูงขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งและอย่างรวดเร็ว
มาตรการห้ามส่งออกนั้นไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย เพราะในเมื่อหมูไม่พอบริโภคอยู่แล้วและต่างประเทศก็รับรู้แล้วว่าขณะนี้ประเทศไทยมีโรคห่าหมูจึงไม่มีใครรับซื้อหมูอีก แต่กระนั้นก็อยู่ในสภาพที่หมูขาดแคลนแล้ว ราคาจึงพุ่งขึ้นไม่หยุด ต่อให้ตรวจนับจำนวนหมูหรือควบคุมราคาอย่างไรก็ไม่มีทางได้ผล
เพราะเป็นธรรมชาติว่าสิ่งใดไม่พอสิ่งนั้นก็ต้องขาดแคลน เมื่อขาดแคลนราคาก็ต้องสูงขึ้น จนกว่าจะหาของอย่างเดียวกันมาสนองความต้องการให้เพียงพอ นั่นก็คือการรีบแสวงหาและนำเข้าหมูมาจากต่างประเทศให้เพียงพอต่อการบริโภค ถ้าอย่างนี้ก็จะบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน แต่อาจจะกระทบต่อผลประโยชน์ของผู้ค้าหมูรายใหญ่ของประเทศ
ดังนั้นแม้จะแก้ไขราคาหมูไม่ได้ทั้งที่สาเหตุเป็นมาดังกล่าวนั้นแต่ก็ไม่มีใครรับผิดชอบ ดังนั้นสภาพข้าวของแพงจึงลุกลามไปอย่างรวดเร็ว เพราะเมื่อหมูไม่พอก็หันไปบริโภคไก่ ไข่ไก่ และไข่เป็ด จึงทำให้ราคาไก่และราคาไข่เป็ด ไข่ไก่ แพงตามไปด้วย ทำให้ค่าครองชีพของประชาชนและผู้ประกอบการทั้งหลายสูงตามไป ดังนั้นอะไรๆ ก็ต้องขึ้นราคาตามไปด้วย
จึงเกิดเป็นวาทกรรม “แพงทั้งแผ่นดิน”ขึ้นมา และอย่าไปดูแคลนเรื่องนี้หรือสร้างปัญหาอื่นมากลบเรื่องนี้เหมือนหลายเรื่องที่ผ่านมา เพราะเรื่องปากเรื่องท้องนั้นลงว่าอดอยากขาดแคลนแล้วเรื่องอะไรก็เอามาปิดไม่ได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี