พฤติกรรมและเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริง ใจของ“พี่น้อง 3 ป.” กับละครล่าสุด “กำจัดขบถให้นายกฯลุงตู่ - พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” แทนการนำทีมลาออกจากกรรมการบริหารพรรค เพื่อคืนอำนาจในการชี้นำบริหารพรรคให้สามารถจัดสรรบุคลากรที่สนับสนุน “นายกฯลุงตู่”อย่างเหนียวแน่นเข้มแข็งได้เข้ามาจัดกรอบการทำงานและปรับกระบวนทัศน์ทางการเมืองขับเคลื่อนพรรค เพื่อสู้ศึกเลือกตั้งและสัประยุทธ์เอาชนะ “เพื่อไทยแลนด์สไลด์”อย่างมีคุณภาพประสิทธิภาพ ในประวัติศาสตร์การเมืองที่ “ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวร” กับคนในเครื่องแบบที่ปรับตัวมาใส่สูทผูกไทด์ในสนามการเมือง โดยเฉพาะการตั้งพรรคการเมือง ที่มีทหารที่สืบทอดอำนาจจากผู้นำรัฐบาลในเครื่องแบบหลังการรัฐประหารผ่านสนามการเลือกตั้งมีให้เห็นมาแต่สมัยปฏิวัติสยาม 2475
จะเห็นว่ามีบทเรียนให้ศึกษามาโดยตลอดในเรื่องของการถอดเครื่องแบบมาใส่สูทผูกไทด์ผ่านพรรคการเมืองในอาณัติ อย่างที่ “นายกฯลุงตู่ – พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” ดำเนินการในปัจจุบันเป็นความคิดจัดตั้งที่ไม่เคยปรับกระบวนทัศน์ ยังนำเอานักการเมืองที่หัวหดจากค่ายมุ้งต่างๆ เข้ามาอยู่ในพรรคทหารใหม่และปกครองด้วยผลประโยชน์ต่างๆ นานา ที่ดำเนินการมาแต่สมัยปฏิวัติสยาม 2475 แล้ว การตั้ง “พรรคเสรีมนังคศิลา”ของจอมพลแปลก ขีตตะสังคะ หรือจอมพลป. พิบูลสงคราม หรือหลวงพิบูลสงคราม) ใน “การเมืองยุคผู้นำสามเส้า”โดยชนะการเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์ปี 2500 ท่ามกลางข้อกล่าวหาทุจริตการเลือกตั้งที่ “โคตรโกง” แต่ที่สุดก็สิ้นอำนาจเมื่อ“จอมพลผ้าขาวม้าแดง –สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ทายาททางการเมืองของจอมพลป.ปฏิวัติยึดอำนาจในปี 2500 กระทั่งต้องลี้ภัยไปอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นจนถึงแก่อสัญกรรม คือบริบทของผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัวและการช่วงชิงการนำ
กรณีการจัดตั้งพรรคชาตินิยม หลังการรัฐประหารโดยเอาสมาชิกพรรคสหภูมิของนายสุกิจ นิมมานเหมินท์ ยุบรวมกับสมาชิกพรรคเสรีมนังคศิลาผลักดันให้พลโทถนอมกิตติขจร แกนนำกลุ่มสี่เสาเทเวศร์ เป็นนายกรัฐมนตรี ทว่าการกวาดต้อนนักการเมืองจากหลายค่ายหลายมุ้งมาร่วมกัน ทำให้บริหารประเทศท่ามกลางนักการเมืองต่างค่ายต่างมุ้งต่างเรียกร้องตำแหน่งเรียกหาผลประโยชน์ต่างตอบแทนอย่างมากมาย ในที่สุดก็ถูกปฏิวัติรัฐประหารอีกครั้งโดยคนกันเอง จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ต่อมาในการเลือกตั้งอีกครั้งในปี 2512 “พรรคสหประชาไทย”ที่ก่อตั้งโดยคณะนายทหารเพื่อรองรับการเลือกตั้งครั้งนี้ชนะการเลือกตั้ง พลโทถนอม กิตติขจรกลับเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ก็ไม่สามารถหนีปัญหาเดิมเรื่องผลประโยชน์นักการเมืองที่มาอยู่ร่วมกันจากต่างค่ายต่างมุ้งได้ จนต้องทำการปฏิวัติตัวเองหนีปัญหาในเดือนพ.ย. 2514
จะเห็นว่าหลังการปฏิวัติรัฐประหารอาการทะเยอทะยานเกาะกุมอำนาจการบริหารประเทศของคณะก่อการอย่างต่อเนื่องมีให้เห็นเสมอมา โดยยังเลือกใช้การตั้งพรรคการเมืองรวบรวมนักการเมืองเสือสิงห์กระทิงแรดในพรรคการเมืองกลุ่มการเมืองต่างๆ มาอยู่ร่วมกันลงสนามเลือกตั้ง ชิงที่นั่งในรัฐสภา โดยเชื่อมั่นว่าอำนาจค้ำยันจากกองทัพจักสามารถสนตะพายกดหัวนักการเมืองเหล่านี้ให้อยู่ในกรอบในคอกได้อย่างไม่มีปัญหา แต่สุดท้ายล้วนจบลงด้วยการปฏิวัติรัฐประหารจากคนกันเองบ้าง ด้วยตนเองบ้าง ซึ่งพรรคพลังประชารัฐที่เมื่อครั้งก่อตั้ง ประกาศให้พรรคพลังประชารัฐเป็นสถาบันการเมืองของประชาชนสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.ให้เป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง กำลังใกล้จุดจบยุติบทบาทไม่ต่างจากพรรคการเมืองทหารในอดีต
นี่คือแนวคิดที่ไม่เคยเปลี่ยนจากผู้นำกองทัพที่เสมือนพรรคเสรีมนังคศิลา พรรคชาตินิยม พรรคสหภูมิ พรรคสหประชาไทย ที่ว่าด้วยเรื่องของผลประโยชน์ต่างตอบแทน
เมื่อไม่ลงตัวสุดท้ายก็ต้องยุบยุติบทบาทไปเองการเมืองจากพรรคการเมืองทหาร ชุดคิดไดโนเสาร์เต่าล้านปีที่ไร้กระบวนทัศน์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี