เมื่อเร็วๆ นี้ ศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติด (ศศก.) ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาวะ (สสส.) ได้มีการจัดงานเสวนาวิชาการ เรื่อง “เตือนกัน...ก่อนวันที่จะสาย..ผ่าร่างพ.ร.บ.กัญชา”
ดร.นพ.มูฮัมมัดฟาห์มี ตาเละ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี กล่าวว่า ในอดีตการควบคุมปัญหายาเสพติดด้วยการทำให้ยาเสพติดเป็นความผิดรุนแรง และเป็นอาชญากรรม จึงทำให้เกิดนักโทษจำนวนมากโดยกว่า 80-90% ของผู้ต้องขังเป็นนักโทษคดียาเสพติด ทำให้คนสูญเสียความสามารถในการผลิตให้กับประเทศ และสร้างภาระทางกฎหมาย ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ว่าทั้งหมดเป็นคนใช้ยาเสพติดมีปัญหาทางจิตและนำสู่การก่ออาชญากรรม ทั้งนี้ ในยุโรปเริ่มนำแนวคิดแยกอาชญากรรมกับการใช้ยาเสพติดมาใช้ โดยถือว่าคนใช้ยาเสพติดเป็นผู้ป่วย แต่หากใช้ยาเสพติดร่วมกับการก่ออาชญากรรมถึงจะลงโทษอาญา ในส่วนของไทยก็ปรับนโยบายเช่นกัน แต่ในระยะเปลี่ยนผ่านอาจจะช่วยลดปัญหาคนล้นคุก ลดปัญหาการตัดโอกาสคนที่ใช้ยาเสพติดบางประเภทที่ไม่รุนแรงให้เป็นสิ่งถูกกฎหมายเพื่อให้เขาไม่ต้องกลายเป็นอาชญากร แต่ต้องยอมรับว่าการเปลี่ยนผ่านนี้อาจจะทำให้เกิดปัญหาใหม่ตามมาได้ เช่นที่ผ่านมาในหลายประเทศ การเปลี่ยนผ่านเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากสิ่งเสพติดมาเป็นสิ่งเสพติดถูกกฎหมายก็มีผลกระทบมากมายเช่นกัน
ดร.นพ.มูฮัมมัดฟาห์มี กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยังมีกฎหมายออกมาควบคุมการดื่ม เพื่อเป็นการคุ้มครองสังคม แต่เมื่อไปดูที่กฎหมายกัญชา กัญชง พืชกระท่อม ที่มีพัฒนาการมาเรื่อยๆ โดยมีปัจจัยสำคัญคือแนวความคิดในการร่างกฎหมายแบบปลดล็อกแล้วปล่อยให้กัญชา กัญชง กระท่อม เป็นยาเสพติดที่เสพได้ทุกรูปแบบแต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ อาจจะยังมองภาพความเสียหายไม่ชัด ยังไม่เห็นผลกระทบต่อสังคมที่เกิดขึ้นจริง ต้องศึกษาจากต่างประเทศ แต่ข้อเสนอแนะคือต้องระมัดระวังเพราะอย่าลืมว่ากัญชาเมื่อใช้ไปนานๆ จะทำให้เกิดผลกระทบต่อจิตประสาท เป็นสารที่เปลี่ยนความสามารถในการตัดสินใจ คนเมากัญชาไม่ได้คิด หรือทำอะไรในสภาพที่มีสติ 100% จึงมีโอกาสที่จะทำร้ายผู้อื่น ดังนั้นจะให้ใช้เหมือนบุหรี่ไม่ได้ ต้องจัดให้มีการควบคุมที่สูงกว่าเหล้า บุหรี่
รศ.ดร.พญ.รัศมี โชติพันธุ์วิทยากุล จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ กล่าวว่า สถานการณ์วัยรุ่นไทยใช้สารเสพติดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และพบว่าเยาวชนผู้กระทำผิดใช้สารเสพติดระหว่างเหตุสูงถึง 85% โดย 5 อันดับแรกคือยาสูบ คิดเป็น 82.4% ยาบ้า 61.0% สุรา 44.9% ใบกระท่อม 35.7% กัญชา 34.4% ตามลำดับ ซึ่งสังเกตได้ว่าเป็นสารเสพติดที่เยาวชนเข้าถึงได้ง่าย อีกทั้งพบว่าส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้สารเสพติดเพียงตัวเดียว แต่มีการใช้หลายตัวร่วมกัน และมีกลไกการออกฤทธิ์แตกต่างกัน ทั้งชนิดกระตุ้นประสาท กดประสาท และหลอนประสาท สารเสพติดมีผลต่อการทำงานของสมองและ ร่างกาย และจิตใจ
ปัจจุบันเยาวชนในประเทศไทยสามารถเข้าถึงสารเสพติดชนิดต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ตามตรอกซอกซอย หมู่บ้าน ร้านสะดวกซื้อหรือสั่งซื้อออนไลน์ ส่งผลกระทบให้เด็กและเยาวชนบอบช้ำ เสียอนาคตสูญเสียกำลังสำคัญของประเทศชาติ การพิจารณาผ่านร่างพ.ร.บ.สารเสพติดต่างๆ เช่น กัญชา กระท่อม บุหรี่ไฟฟ้า มีโอกาสทำให้เยาวชนเข้าถึงสารเสพติดได้มากขึ้น บริโภคมากขึ้น เพิ่มปัญหา สุขภาพกาย ใจ เศรษฐกิจและสังคมตามมา สร้างภาระให้แก่ประเทศชาติ ที่ผ่านมาแม้พลาดพลั้ง ยังไม่สาย หากเริ่มต้นกันใหม่ด้วย การรังสรรค์สิ่งแวดล้อมดีๆ พื้นที่ปลอดภัยให้ลูกหลาน เด็กและเยาวชนเติบโตมีสุขภาพที่ดี มีคุณภาพ ต่อไป
พญ.ภัทราภรณ์ กินร จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น จิตแพทย์การเสพติด สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติ บรมราชชนนี กล่าวว่าถ้าพิจารณาร่างพ.ร.บ.กัญชา พ.ศ...ก็มีการพูดถึงเรื่องการห้ามขายให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีตั้งครรภ์ ก็ถือเป็นการป้องกันได้ระดับหนึ่ง แต่การช่วยกันดูอย่างรัดกุม รอบคอบมากขึ้นถือเป็นสิ่งสำคัญ เช่นกรณีเด็กและเยาวชน อยู่ในบ้าน หรือชุมชนที่มีการอนุญาตให้มีการปลูกกัญชา เป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าใกล้ความเสี่ยงในการเข้าถึงกัญชา ของเด็กและเยาวชนหรือไม่ เป็นโจทย์ที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันคิดหาแนวทางป้องกันกลุ่มเปราะบางได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ รวมถึงการเฝ้าระวังเรื่องการโฆษณาข้อมูลเกี่ยวกับกัญชา รวมถึงผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ ซึ่งถือเป็นช่องทางสำคัญในการส่งผลต่อการรับรู้ของเด็กและเยาวชนยุคปัจจุบัน ส่งผลต่อพฤติกรรมและการตัดสินใจในการทดลองใช้กัญชาได้ มองว่าเป็นประเด็นหนึ่งที่อาจต้องช่วยกันดูแลเด็กและเยาวชนของเรา
แต่ ณ ตอนนี้ สิ่งสำคัญที่ทำได้สำหรับครอบครัวที่จะช่วยป้องกันเด็กและเยาวชนจากการใช้สารเสพติด ส่วนหนึ่งคือสัมพันธภาพในครอบครัวที่ดี ควบคู่ไปกับฝึกการเรียนรู้วินัย และหน้าที่รับผิดชอบอย่างเหมาะสมตามวัย ส่งเสริมให้เด็กมีความภาคภูมิใจในตนเองสอนให้เด็กมีทักษะชีวิตที่ดี รู้จักคิด วิเคราะห์ ให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับเด็ก เป็นหนึ่งในจุดที่ครอบครัวช่วยกันได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี