เรื่องนาโต 2 เป็นเรื่องที่กึกก้องกระหึ่มไปทั่วประเทศ ทั้งฝ่ายทหาร ตำรวจ ฝ่ายความมั่นคง ข้าราชการ และประชาชนทุกหมู่เหล่า ล้วนให้ความสนใจและติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพราะรู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เป็นความเป็นความตายของชาติที่มีผลกระทบต่อทั่วทั้งประเทศอย่างลึกซึ้ง
แต่ทว่าปรากฏการณ์หลายอย่างที่ผ่านมาแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีการปกปิดบิดบังและสร้างความไขว้เขวให้เกิดขึ้นแก่ทั่วทั้งประเทศ ประหนึ่งว่ามีวาระซ่อนเร้นที่ไม่สามารถบอกความจริงให้คนไทยได้รับทราบ
นับตั้งแต่จอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้ลงนามเข้าร่วมเป็นพันธมิตรวงไพบูลย์เอเชียบูรพากับญี่ปุ่นและประกาศสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตร จนเป็นเหตุให้ประเทศไทยเป็นฝ่ายแพ้สงครามและจอมพล ป. พิบูลสงคราม ถูกดำเนินคดีฐานอาชญากรสงครามแล้ว ก็นาโต 2 นี่แหละที่เป็นเรื่องใหญ่ไม่ได้ด้อยกว่ากันและอาจจะยิ่งใหญ่กว่ากันด้วย
เหตุการณ์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ที่ญี่ปุ่นเข้ายึดประเทศไทยโดยแปรสภาพนักธุรกิจและชาวญี่ปุ่นที่แฝงตัวอยู่ในประเทศไทยใส่เครื่องแบบทหาร ประสานกับการส่งกำลังทหารเข้ายึดประเทศไทยพร้อมกันในเดือนธันวาคม 2484 เป็นเหตุการณ์ที่คนไทยไม่มีวันลืมเลือน และวันนี้ญี่ปุ่นก็ก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อปรากฏการณ์นาโต 2 ในฐานะที่เป็นหนึ่งในแกนหลัก 6 ประเทศของนาโต 2
แต่นาโต 2 ในครั้งนี้จะมีขนาด มีขอบเขตของปัญหา และผลกระทบที่รุนแรงร้ายแรงยิ่งกว่าเมื่อครั้งเข้าร่วมวงไพบูลย์เอเชียบูรพามากมายนัก เพราะในครั้งนั้นสงครามใหญ่เกิดในยุโรป แต่ครั้งนี้หากจะเกิดสงครามขึ้นในภูมิภาคอาเซียน ประเทศไทยมีความเสี่ยงที่จะกลายเป็นสมรภูมิรบที่ใหญ่โตและจะกลายเป็นจุณไม่ต่างกับยูเครน
และในครั้งนี้ฝ่ายที่นาโต 2 ตั้งตนเป็นศัตรูกระทำการต่อต้านทุกวิถีทาง ถึงขั้นเตรียมกำลังทหารพร้อมจะก่อสงครามได้ทุกเมื่อ และมีการแทรกแซงทางด้านความมั่นคงและทางด้านการทหารอย่างลึกซึ้งอยู่แล้ว จะมีความรุนแรง ร้ายแรง และพินาศยับเยินยิ่งกว่าเมื่อครั้งร่วมวงไพบูลย์เอเชียบูรพาหลายเท่านัก
เพราะคู่กรณีคือจีน รัสเซีย อิหร่าน เกาหลีเหนือ รวมทั้งพันธมิตร เช่น พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย และอีกหลายประเทศ ในพื้นที่ที่ประเทศไทยจะต้องกลายเป็นกองทัพหน้าและกลายเป็นสมรภูมิ
เรื่องราวของนาโต 2 ถูกเปิดเผยโดยนายสนธิ ลิ้มทองกุลในรายการสนธิทอล์คในต้นปี 2565 นี้ ซึ่งเป็นผลมาจากสถานทูตสหรัฐได้นำแถลงการณ์ร่วมที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ลงนามกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐที่ประเทศไทยในเดือนพฤศจิกายน 2562 ออกมาบอกกล่าวให้คนไทยได้รับรู้ทั่วกัน สร้างความตกใจและความฮือฮากันทั่วประเทศ แม้กระทั่งในฝ่ายทหาร
กระแสต่อต้านนาโต 2 ได้ขยายตัวไปทุกวงการอย่างรวดเร็ว จนกระทรวงการต่างประเทศต้องออกแถลงการณ์เป็นใจความว่ากรณีเรื่องยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก หรือนาโต 2 นั้น เป็นเรื่องที่สหรัฐจัดทำขึ้นแต่ฝ่ายเดียว ไม่มีผลผูกมัดประเทศไทย และประเทศไทยก็ไม่เคยตกลงใดๆกับสหรัฐในเรื่องนี้ ซึ่งถือว่าเป็นการปฏิเสธโดยสิ้นเชิง แต่ยอมรับความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามีการลงนามในแถลงการณ์ร่วมนั้นจริง และจนถึงวันนี้เนื้อความละเอียดในแถลงการณ์ร่วมนั้นก็ยังถูกปกปิดบิดบังอยู่
ทุกภาคส่วนได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดเพราะเป็นเรื่องที่มีผลกระทบอย่างร้ายแรง ในที่สุดความจริงก็ถูกร้อยเรียงเปิดเผยให้คนไทยทั้งประเทศได้ทราบว่า
ข้อแรก มีการลงนามในแถลงการณ์ร่วมฉบับที่สองในปี 2564 เป็นการยกระดับความร่วมมือจากแถลงการณ์ 2562ที่เข้าร่วมยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ในยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก
ข้อสอง มีการลงนามความร่วมมือกับสิงคโปร์ อังกฤษ และล่าสุดคือญี่ปุ่น เพื่อความร่วมมือด้านความมั่นคงในการต่อต้านภัยคุกคามจากประเทศจีน เฉพาะกับญี่ปุ่นนั้นมีข้อตกลงให้ญี่ปุ่นสามารถส่งอาวุธยุทโธปกรณ์มายังประเทศไทย รวมทั้งร่วมกันต่อต้านภัยคุกคามจากจีนได้
ข้อสาม ประธานาธิบดีไบเดน ได้ประกาศต่อชาวโลกว่าในภูมิภาคอาเซียนนี้มีประเทศแกนหลัก 6 ประเทศ ในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก คือสหรัฐ อังกฤษ ออสเตรเลีย ไทย ญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ ซึ่งล่าสุดนี้ประเทศฟิลิปปินส์ได้ประกาศไม่เข้าร่วมเพราะไม่ต้องการต่อต้านหรือเป็นศัตรูกับจีน
จึงคงเหลืออยู่ 5 ประเทศ ซึ่ง 5 ประเทศนี้ประเทศไทยจะอยู่ใกล้ประเทศจีนมากที่สุดและล้อมรอบด้วยพม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม และมาเลเซีย ซึ่งยืนอยู่ข้างจีนทั้งสิ้น นั่นก็คือประเทศไทยตกอยู่ในวงล้อมทางสภาพภูมิยุทธศาสตร์อยู่แล้ว
รัฐบาลไทยไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นหนึ่งในแกนหลักของยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ในภูมิภาคอาเซียน เป็นการนิ่งในลักษณะยอมรับ
ข้อสี่ ประธานาธิบดีไบเดน เชิญผู้นำอาเซียนไปประชุม “เป็นกรณีพิเศษ” ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศเดียวที่แถลงพร้อมไปประชุม ในที่สุดสมเด็จฮุนเซนซึ่งเป็นประธานอาเซียนก็ได้ประกาศว่าอาเซียนจะไม่ไปร่วมประชุมเพราะผู้นำอาเซียนไม่ว่าง จึงหน้าแตกในหนหนึ่ง
วันที่ 12-13 พฤษภาคมนี้ จะเป็นการประชุมแทนการประชุมที่เลื่อนมา จนถึงวันนี้ประเทศไทยก็เป็นประเทศเดียวที่แถลงว่าจะไปร่วมประชุม และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ได้แถลงว่าจะช่วยให้สหรัฐมีบทบาทในอาเซียนมากขึ้น ซึ่งเป็นการแถลงในนามส่วนตัว เพราะไม่ปรากฏว่าเรื่องนี้ได้มีการนำความกราบบังคมทูลฯ ในฐานะที่พระมหากษัตริย์เป็นประมุขและจอมทัพมาก่อน และไม่เคยมีการรายงานขอความเห็นชอบจากรัฐสภาเลย ทั้งไม่ใช่เป็นการแถลงในนามอาเซียน เพราะพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ใช่ประธานอาเซียน
นั่นเป็นเรื่องที่มีการแถลงกันและเป็นเรื่องที่ประชาชนได้รับทราบเพียงแต่หัวข้อเรื่องแต่ไม่ทราบรายละเอียดและความจริงว่าเป็นอย่างไรกันแน่
แต่ทว่านอกจากเรื่องที่เปิดเผยดังกล่าวแล้ว ก็ยังมีปรากฏการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นที่สะท้อนให้เห็นการก้าวถลำลึกเข้าไปในนาโต 2 ที่สำคัญคือ
ประการแรก ประเทศไทยได้เบี้ยวข้อตกลงตาม MOU ซึ่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้อนุมัติให้ทำความตกลงกับจีนในการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน จนไม่มีวี่แววว่าเส้นทางนี้จะทำได้เมื่อใด เพราะที่ทำอยู่นั้นไม่เป็นไปตามข้อตกลงที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติอนุมัติไว้
ประการที่สอง ประเทศไทยได้เบี้ยวข้อตกลงพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีตามปฏิญญาซันย่า ทำให้ประเทศไทยไม่สามารถรับนักท่องเที่ยวและส่งสินค้าตามลำน้ำโขงฝั่งไทยได้
ประการที่สาม ได้มีการชะลอการซื้อเรือดำน้ำจากจีน 2 ลำ ซึ่งได้ตกลงกันไว้เสร็จสิ้นแล้ว โดยอ้างการคัดค้านของกลุ่มสมุนบริวารของต่างชาติ และเหลืออยู่เพียงลำเดียวซึ่งลงนามและดำเนินการก่อสร้างแล้วก็ยังมีการพยายามจะยกเลิก จนพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ต้องมาติงว่ายกเลิกไม่ได้เพราะไม่มีการผิดสัญญา
ประการที่สี่ ได้เกิดปัญหานักเรียนจีนไม่มาเรียนประเทศไทย จนสถาบันการศึกษาต้องปิดห้องเรียนจำนวนมากนักเรียนไทยที่ไปเรียนประเทศจีนค้างคาอยู่ร่วม 30,000 คน ร่วม 30,000 ครอบครัวเป็นลูกผีลูกคน ไม่สามารถเดินทางไปเรียนต่อได้
ประการที่ห้า การขนส่งสินค้าภาคเกษตร โดยเฉพาะผลไม้จากไทยไปจีนประสบปัญหาสารพัด ไม่ได้รับการแก้ไข มีแต่การหลอกลวงแก้ตัวไปวันๆ เป็นเหตุให้ผลไม้ไทยขายไม่ออกเน่าเสีย พี่น้องเกษตรกรเดือดร้อนทั่วประเทศเพราะส่งออกไม่ได้แม้กระทั่งราคาข้าวก็ราคาทรุดต่ำลงเหลือเพียง 6,800 บาทเท่านั้นอันจะทำให้รัฐบาลต้องจ่ายเงินค่าประกันราคาสูงขึ้นไปอีก
ปรากฏการณ์เหล่านี้เมื่อนำมาร้อยเรียงกันแล้วจึงเป็นเรื่องที่น่าห่วงใยประเทศชาติอย่างยิ่ง และเป็นเรื่องที่คนไทยทั้งประเทศมีสิทธิ์ที่จะได้รับทราบความจริงว่าเป็นอย่างไรกันแน่ และตราบใดที่ไม่ทราบความจริงและเห็นชอบด้วย การกระทำทั้งหลายที่เกิดขึ้นย่อมเป็นการกระทำส่วนตัวที่ไม่มีผลผูกมัดประเทศไทย และประเทศไทยจะไม่ตั้งตนเป็นศัตรูที่ต่อต้านคัดค้านหรือทำสงครามกับชาติใด เพราะไทยจะเป็นมิตรไมตรีกับทุกประเทศ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี