 วันศุกร์ ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2568
                วันศุกร์ ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2568
             
							คณะอนุกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติเห็นชอบให้มีการตรากฎหมายนิรโทษกรรมแก่ทุกฝ่ายในบรรดาความผิดทางการเมืองทั้งหลายตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา ยกเว้นเฉพาะความผิดตามมาตรา 112 หรือความผิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังที่ได้แถลงข่าวเรื่องนี้ให้ได้ทราบกันโดยทั่วไปแล้ว
ความจริงการเสนอกฎหมายดังกล่าวนั้น รัฐบาลหรือพรรคการเมืองใดที่มีเสียงเพียงพอก็สามารถเสนอกฎหมายได้ และความจริงทุกฝ่ายก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเป็นความปรารถนาของทุกฝ่ายทุกคนที่ต้องการให้ประเทศไทยก้าวข้ามความขัดแย้งด้วยการนิรโทษกรรมให้กับทุกฝ่าย
การขอพระราชทานอภัยโทษให้กับนายทักษิณ ชินวัตร มีผลเท่ากับการนิรโทษกรรมอย่างหนึ่ง แต่เป็นการเลือกปฏิบัติให้เฉพาะกับคนคนเดียว โดยทอดทิ้งไม่เหลียวแลคนทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในระยะ 18 ปีที่ผ่านมา ซึ่งบ้างก็ยังติดคุกติดตะรางอยู่ บ้างก็ยังต้องรับผลจากคำพิพากษาอยู่ทั้งในทางอาญาและในทางการเมือง บ้างก็ยังอยู่ระหว่างการดำเนินคดี บ้างก็ถูกศาลตัดสินให้ล้มละลาย ซึ่งคนเหล่านี้ก็สมควรได้รับการปฏิบัติอย่างเดียวกับนายทักษิณ ชินวัตร
ดังนั้นการเลือกปฏิบัติจึงเป็นตราบาปของผู้กระทำกรรมนั้นไปตลอดกาล และยังเป็นการฝังตรึงความขัดแย้งให้ยั่งยืนเป็นอันตรายต่อชาติบ้านเมืองสืบต่อไปอีก และตราบใดที่ความขัดแย้งยังเดินหน้าต่อไปก็ยากที่ใครจะรู้ว่าอนาคตข้างหน้าของชาติบ้านเมืองจะวายวอดหรือสิ้นชาติประการใด
เพราะเพียงวันนี้นายทักษิณ ชินวัตร ก็แสดงเจตจำนงชัดเจนแล้วว่าในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นคนไทยคนหนึ่งก็มีความประสงค์ที่จะช่วยเหลือชาติบ้านเมือง ซึ่งถ้าพูดให้เป็นทางการก็พูดได้ว่าเพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามพระบรมราชโองการที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาได้ขอรับพระราชทานอภัยโทษและรับสนองพระบรมราชโองการ ซึ่งระบุว่าเพื่อให้นายทักษิณ ชินวัตร ได้นำความรู้และประสบการณ์มาช่วยเหลือประเทศชาติและประชาชน ทั้งหมดนี้คือผลิตผลหรือผลงานของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้งสิ้น
ทำให้เสียงครหาเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อนายทักษิณ ชินวัตร กึกก้องกระหึ่มไปทั้งประเทศ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อพรรคเพื่อไทยและนายทักษิณ ชินวัตร เลย เพราะบรรดาผู้เดือดร้อนเสียหายจากความขัดแย้งและยังต้องรับผิดอยู่ยังคงเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนเสียหายทั้งตนเองและครอบครัว เสียแบบนี้จึงกึกก้องกระหึ่มไปไม่มีวันสิ้นสุด
เสียงแบบนี้ดังอยู่เท่าใด พรรคเพื่อไทยจะเสียหายเท่านั้น และนายทักษิณ ชินวัตร ตลอดจนครอบครัวก็จะได้รับผลกระทบ อย่างน้อยก็เกิดความรำคาญ อย่างน้อยที่สุดก็จะถูกเยาะหยันไยไพได้ว่าเห็นแก่ตัว เพราะบรรดาคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับปัญหาโดยตรงทั้งที่เป็นลูกน้องโดยตรงและไม่ใช่ลูกน้องโดยตรงยังคงเป็นผู้เสียหายและยังคงก่นด่าอยู่ในหลายพื้นที่ ซึ่งเชื่อว่าเป็นเรื่องหนึ่งที่กระทบกระเทือนใจนายทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวอยู่เหมือนกัน
สภาพเช่นนั้นควรที่พรรคเพื่อไทยจะถือเอาเป็นเจ้าของเรื่องในการขอนิรโทษกรรมให้กับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา ซึ่งเมื่อทุกคนได้รับความเป็นธรรมแล้วก็เป็นที่แน่นอนว่าเสียงครหาก่นด่าเยาะเย้ยถากถางก็จะเงียบหายไป
แต่พรรคเพื่อไทยกลับเงียบเสียง ไม่ประพฤติตนเป็นเจ้ากี้เจ้าการที่จะเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับทุกฝ่ายเลย กลับใช้กลไกของสภาให้เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของสมาชิกรัฐสภาในการพิจารณาร่วมกันเกี่ยวกับกฎหมายนิรโทษกรรม จนคณะอนุกรรมาธิการมีมติดังกล่าว
ความจริงคณะอนุกรรมาธิการจะออกมติเรื่องนี้โดยไปพาดพิงพระมหากษัตริย์ไม่ให้นิรโทษกรรมไปถึงความผิดที่เกี่ยวข้อง อย่าคิดว่าเป็นผลดีต่อสถาบันอย่างเดียว แท้จริงอาจจะเป็นการสร้างตราบาปเพิ่มเติมให้กับสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย และทางปฏิบัติที่พึงกระทำก็คือคณะอนุกรรมาธิการสมควรที่จะได้ปรึกษาเรื่องนี้กับคณะองคมนตรีว่าจะมีความคิดเห็นประการใด หรือถ้าจะมีน้ำใจกล้าหาญเห็นแก่ชาติบ้านเมืองแท้จริงก็สมควรขอเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อขอรับพระราชดำริในเรื่องนี้มาใส่เกล้าก็จะเป็นมงคลแก่ตนและชาติบ้านเมืองสืบไป
น่าเสียดายที่คณะอนุกรรมาธิการไม่คิดและไม่ทำเรื่องนี้ กลับไปขีดวงให้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นคู่ความขัดแย้งต่อไป ซึ่งต้องถือว่าเป็นความเห็นแก่ตัวและเป็นความประมาทพลาดพลั้งที่สมควรตำหนิติเตียน
แต่เรื่องนี้ยังไม่เสร็จสิ้น จะต้องเข้าพิจารณาในที่ประชุมใหญ่ของสภาผู้แทนราษฎรต่อไป และเมื่อถึงโอกาสนั้นประธานสภาผู้แทนราษฎรก็ดี หรือคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎรก็ดีอาจขอเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อน้อมนำมาประพฤติปฏิบัติก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อบ้านเมืองและทุกฝ่าย
เราควรจะไว้วางใจและเชื่อมั่นในน้ำพระทัยของพระเจ้าแผ่นดินในเรื่องนี้ว่าถ้าผู้เกี่ยวข้องขอเข้าเฝ้าฯ ขอรับพระราชทานพระราชกระแสแล้วก็จะได้รับแสงสว่างแห่งปัญญาที่จะนำพาชาติบ้านเมืองออกจากความขัดแย้งได้สำเร็จ กำจัดความมืดมนอนธการในบ้านเมืองที่ต่อเนื่องมา 18 ปีแล้วให้มลายสูญไป
เดินหน้าประเทศไทยครั้งใหม่ด้วยความสามัคคีในท่ามกลางวิกฤตของสงครามและความขัดแย้งที่กำลังรุนแรงในโลกนี้ให้ทันท่วงทีก็จะเป็นผลดีแก่ทุกคนทุกฝ่าย

 'ผู้เลี้ยงไก่ไข่'วอนรัฐ เร่งพยุงราคาหน้าฟาร์มด่วน เหตุราคาดิ่งแตะต้นทุน
										'ผู้เลี้ยงไก่ไข่'วอนรัฐ เร่งพยุงราคาหน้าฟาร์มด่วน เหตุราคาดิ่งแตะต้นทุน
									 'ไอติม' หนุนใช้บัตรเลือกตั้ง กาเบอร์เดียว ใส่ชื่อผู้สมัคร-พรรค-โลโก้ ป้องกันความสับสน
										'ไอติม' หนุนใช้บัตรเลือกตั้ง กาเบอร์เดียว ใส่ชื่อผู้สมัคร-พรรค-โลโก้ ป้องกันความสับสน
									 'วีระ'นำมวลชนลุยฝ่า จนท.เข้าพื้นที่บ้านหนองจาน ก่อนเดินกลับ เผยทหารกัมพูชามีสไนเปอร์
										'วีระ'นำมวลชนลุยฝ่า จนท.เข้าพื้นที่บ้านหนองจาน ก่อนเดินกลับ เผยทหารกัมพูชามีสไนเปอร์
									 นายกฯเข้าเฝ้า สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนฯ พร้อมสานต่อความร่วมมือทวิภาคี
										นายกฯเข้าเฝ้า สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนฯ พร้อมสานต่อความร่วมมือทวิภาคี
									 'อนุทิน'ชื่นมื่น โพสต์ภาพยืนเคียงผู้นำหลายประเทศในเวทีเอเปค
										'อนุทิน'ชื่นมื่น โพสต์ภาพยืนเคียงผู้นำหลายประเทศในเวทีเอเปค
									
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี