หลายคนในสังคมไทยคาดหวังว่าหลังการประกาศผลการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแล้ว ความคิดแตกแยกทางการเมืองอาจจะบรรเทาเบาบางลงไปได้บ้าง เพราะเคยเชื่อว่านายชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ว่าฯ กรุงเทพคนใหม่ล่าสุดจะสามารถประกาศและยืนยันความเป็นกลางทางการเมืองได้อย่างน่าเชื่อถือ แต่สุดท้ายแล้วกลับกลายดูเสมือนว่าความแตกแยกทางการเมืองในสังคมไทยมิได้เบาบางลงไป แต่กลับดูคล้ายจะหนักหน่วงยิ่งขึ้นด้วยซ้ำไป
มีหลักฐานมากมายปรากฏชัดว่านายชัชชาติดูเสมือนให้ความสนิทสนมกับกลุ่มที่ถูกเรียกว่า สามนิ้ว ซึ่งกลุ่มสามนิ้วนั้นมีความคิดเห็นอย่างไรต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นประเด็นที่สาธารณชนรับทราบเป็นอย่างดีมาโดยตลอด
นอกจากนั้นยังมีภาพนายชัชชาติแสดงการยกมือชูสัญลักษณ์สามนิ้วกับกลุ่มคนที่นิยมการแสดงออกด้วยการชูสามนิ้วเป็นระยะ ตามที่ถูกนำเสนอภาพโดยผ่านสื่อสังคม (Social Media) แม้กระทั่งล่าสุด มีภาพนายชัชชาติถ่ายคู่กับคน (เพศที่สาม) รายหนึ่งที่ชอบแสดงตนล้อเลียนบุคคลสำคัญระดับสูงในสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย ไม่ใช่เพียงการถ่ายภาพคู่เท่านั้น แต่ยังมีภาพยืนยันว่านายชัชชาติยกมือไหว้บุคคลดังกล่าวอย่างนอบน้อม ซึ่งประเด็นนี้ทำให้มีคำถามว่านายชัชชาติรู้ใช่ไหมว่าบุคคลรายดังกล่าวนั้นมีพฤติกรรมอย่างไร และมีความคิดเห็นที่ยกย่องเชิดชูหรือดูแคลนบุคคลในสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย
ครั้งเมื่อได้ยินการตอบคำถามจากปากของนายชัชชาติในประเด็นมาตรา 112 ก็ยิ่งทำให้สังคมตั้งคำถามมากยิ่งขึ้นว่านายชัชชาติมีความต้องการให้ยกเลิกมาตรา 112 ใช่หรือไม่ แล้วประเด็นที่นายชัชชาติกล่าวในวันตอบคำถามเรื่องมาตรา 112 โดยเปรียบเทียบว่าการแก้แค้น ล้างแค้นต้องรอเวลา เปรียบเสมือนต้องรอให้อาหารที่จะกินเย็นลงเสียก่อน แล้วยังมีการพูดถึงเรื่องที่อ้างว่าตนเองมีความไม่พอใจ (ความแค้น) เมื่อครั้งเกิดรัฐประหารครั้งล่าสุด โดยอ้างว่าตนเองถูกคลุมหัวด้วยถุงดำ แล้วพาตัวไปในที่แห่งหนึ่ง โดยที่ตนเองไม่รู้ว่าเป็นที่แห่งใด
สิ่งที่ปรากฏชัดจากปากคำของนายชัชชาติ รวมถึงพฤติกรรมชัดเจนที่แสดงออกโดยตัวของนายชัชชาติล้วนทำให้เกิดคำถามจากสาธารณชน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเห็นทางการเมืองเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์กับสังคมไทยแตกต่างจากกลุ่มสามนิ้ว คำถามคือนายชัชชาติยังต้องการให้มีสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ในสังคมไทยต่อไปหรือไม่ เพราะนายชัชชาติน่าจะวิเคราะห์ได้ว่าการตั้งคำถามของผู้ที่ถามเรื่องมาตรา 112 มีเจตนาแท้จริงเช่นไร
แน่นอนว่ามีการนำภาพนายชัชชาติเข้าเฝ้าฯ ในหลวง รัชกาลที่ 9 มานำเสนอในช่วงก่อนวันเลือกตั้งผู้ว่าฯ กรุงเทพ ซึ่งเป็นการประกาศว่านายชัชชาติจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่นั่นคือภาพในอดีต เมื่อครั้งที่ได้รับทุนพระราชทานไปศึกษาต่อในต่างประเทศ หลังจากจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ทว่าภาพอื่นๆ ที่นายชัชชาติแสดงความใกล้ชิดอย่างมากกับกลุ่มสามนิ้ว ก็ทำให้เกิดคำถามย้ำๆ ตลอดเวลาว่า สรุปแล้วนายชัชชาติเห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มสามนิ้ว ใช่หรือไม่
ตราบใดก็ตามที่นายชัชชาติยังแสดงพฤติกรรมกำกวมให้ปรากฏต่อสังคมเป็นระยะๆ ก็เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้เมื่อสังคมตั้งคำถามถึงความในใจส่วนลึกของนายชัชชาติที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
ถามว่าผิดไหม หากนายชัชชาติจะอยู่ข้างเดียวกับกลุ่มสามนิ้ว ก็ตอบว่าไม่ผิด เพราะเป็นสิทธิ์ส่วนตัวของนายชัชชาติที่เลือกทำตามสิ่งที่ตนเองเชื่อ แต่ก็ต้องถามต่อไปว่า การที่นายชัชชาติมีสถานะเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพนครแล้วยกมือแสดงท่าสามนิ้วกับกลุ่มสามนิ้ว เป็นเรื่องเหมาะสมหรือไม่
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี