ปัญหาภายในพม่าไม่ใช่ปัญหาประชาธิปไตยกับเผด็จการ แต่เป็นปัญหาเอกราชอธิปไตยกับการสมรู้กันให้ต่างชาติครอบงำปกครองประเทศ ทำให้ฝ่ายทหารซึ่งยังคงฝังซึ้งตรึงใจกับยุคสมัยที่อังกฤษยึดพม่าเป็นเมืองขึ้น และข่มเหงย่ำยีชาวพม่าชนิดที่ไม่อาจลืมเลือนได้ ดังนั้นเมื่อสถานการณ์แบบนั้นจะกลับคืนสู่พม่า ฝ่ายทหารจึงเข้ายึดอำนาจมาจนบัดนี้
ดังนั้นต่างชาติที่หนุนหลังฝ่ายตรงกันข้ามกับฝ่ายทหารจึงให้การช่วยเหลือฝ่ายต่อต้านเพื่อล้มล้างรัฐบาลทหารพม่าเสีย โดยกลยุทธ์แบบเดียวกันกับที่ใช้ในฮ่องกงและประเทศไทย ซึ่งเคยประสบความสำเร็จมาแล้วในหลายประเทศ คือระดมคน ระดมเด็กเยาวชนลุกฮือขึ้นประท้วงรัฐบาล ใช้สามนิ้วเป็นสัญลักษณ์และเรียกร้องให้ต่างชาติเข้ามาช่วยเหลือจัดการ โดยมีสื่อต่างชาติโหมประโคมเป็นกระแสสนับสนุน
โดยการช่วยเหลือของต่างชาติและสภาพความขัดแย้งภายในพม่า เป็นโอกาสที่ต่างชาติส่งอาวุธยุทโธปกรณ์และทหารรับจ้างเข้าไปช่วยเหลือฝ่ายต่อต้านเพื่อทำสงครามกับรัฐบาลพม่า ถึงขั้นตั้งรัฐบาลหุ่นขึ้นลอยไว้ในอากาศ แต่ถึงวันนี้ก็ยังไม่มีแผ่นดินให้ตั้งรัฐบาลหุ่นนั้น
เมื่อขั้วอำนาจหนึ่งเข้าสนับสนุนฝ่ายต่อต้านรัฐบาลพม่า อีกขั้วอำนาจหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนตายกับพม่ามายาวนานและมีผลประโยชน์ร่วมในพม่ามานานแล้วจึงเข้าช่วยเหลือรัฐบาลทหารพม่า
ดังนั้นสงครามกลางเมืองในพม่าจึงเกิดขึ้น และในที่สุดก็ชักลากเอาประเทศรอบด้านเข้าไปเกี่ยวข้องเพื่อให้การสนับสนุนฝ่ายต่อต้าน ซึ่งมีทางเป็นไปได้เฉพาะสามทางเท่านั้น คือ อินเดีย ประเทศไทย และพื้นที่ทางทะเลด้านมหาสมุทรอินเดีย
แต่อินเดียรู้เท่าทันถอนตัวไม่เอาด้วย และรัสเซีย จีน อิหร่าน ได้เคลื่อนกองเรือมาปกป้องพม่าทางด้านมหาสมุทรอินเดีย ดังนั้นประเทศไทยจึงตกเป็นเป้าหมายที่จะเป็นเส้นทางใช้ส่งกำลังบำรุงเข้าไปช่วยเหลือฝ่ายต่อต้านที่ทำสงครามกลางเมืองกับรัฐบาลพม่า
ด้วยสภาพเช่นนี้จึงมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มที่เรียกว่านาโต 2 ภายใต้ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก เข้ามาเกี่ยวข้องกับประเทศไทย ซึ่งเห็นเป้าหมายได้ชัดเจนว่าต้องการใช้พื้นที่ประเทศไทยเป็นเส้นทางให้การสนับสนุนฝ่ายต่อต้าน และจะทำได้เต็มไม้เต็มมือมากขึ้นคือการส่งทหารเข้ามาช่วย ซึ่งถ้าเกิดสภาพเช่นนั้นก็จะกลายเป็นสงครามระหว่างไทยกับพม่า และประเทศไทยก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นสนามรบแบบเดียวกับเมื่อครั้งสงครามเกาหลี
แต่ทว่าประวัติศาสตร์สงครามและบทเรียนทางประวัติศาสตร์อันยาวนานของประเทศไทย โดยเฉพาะพระราชวิเทโศบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ทรงวางไว้ไม่ให้ประเทศไทยเป็นศัตรูหรือต่อต้านประเทศใดในโลกนี้ ให้ผูกมิตรไมตรีกับประเทศทั้งหลายในโลกบนพื้นฐานประโยชน์ร่วมกัน และการไม่แทรกแซงกันและกัน ยังคงเป็นเกราะอันศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องคุ้มครองประเทศไทยให้รอดปลอดภัยมาถึงทุกวันนี้
ภูมิปัญญาและวิสัยทัศน์ดังกล่าวนี้ยังคงสืบทอดมาถึงผู้เกี่ยวข้องด้านความมั่นคงปลอดภัยของประเทศอย่างลึกซึ้ง ดังนั้นผู้เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ส่วนใหญ่จึงกระจ่างแจ้งในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและที่จะพัฒนาต่อไป ดังนั้นทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจำนวนมากและภาคประชาชนจึงได้สามัคคีกันขับเคลื่อนกิจกรรมมากมายเพื่อคุ้มครองป้องกันประเทศไทยไว้
ถ้าการขับเคลื่อนภูมิปัญญาและวิสัยทัศน์ดังกล่าวยังดำเนินต่อไปตราบใด ตราบนั้นประเทศไทยของเราก็จะมีความปลอดภัย ซึ่งเป็นที่หวังของประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ
ทางด้านรัฐบาลพม่าก็ทราบความลักษณะนี้เหมือนกันดังนั้นจึงแทนที่จะมุ่งมั่นทำศึกใหญ่ปราบปรามฝ่ายต่อต้านเหมือนเหตุการณ์ที่เคยเป็นมาในอดีต รัฐบาลพม่ากลับปรับมาตรการในการนำความสงบสุขกลับคืนสู่ประเทศ โดยเฉพาะคือการถือหลักการใช้สันติภาพในการระงับยับยั้งสงคราม
รัฐบาลทหารพม่าได้ทำอะไรบ้างเพื่อใช้สันติภาพในการหยุดยั้งและสยบสงครามกลางเมืองในพม่า เป็นเรื่องที่น่าสนใจและควรที่ประชาชนชาวไทยจะได้ทราบโดยทั่วกัน ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้
ประการแรก เนื่องจากพม่าได้ตกลงทำความร่วมมือกับจีนในการวางท่อแก๊สเชื่อมระหว่างสองประเทศ ตั้งแต่รัฐยะไข่ริมมหาสมุทรอินเดีย ขึ้นไปถึงมณฑลยูนนานของประเทศจีน โดยมีฐานทัพเรือคอยคุ้มครองป้องกันท่อแก๊สนั้น และเมื่อมีทหารรับจ้างจำนวนหนึ่งเข้าไปก่อวินาศกรรมเสาไฟฟ้า เสาสัญญาณสื่อสารในหลายพื้นที่ของพม่า และขู่ว่าจะระเบิดท่อแก๊สดังกล่าวด้วย พม่าจึงได้ร่วมมือกับจีนขอให้จีนส่งกำลังทหารจำนวน 100,000 คน เข้ามาช่วยดูแลท่อแก๊สนั้น จึงทำให้สภาพภายในพม่าตลอดแนวท่อแก๊สมีความปลอดภัย รวมตลอดถึงพื้นที่ด้านตะวันตกของแนวท่อแก๊สดังกล่าวด้วย
ประการที่สอง กองทหารของพม่าที่ปราบปรามสู้รบกับฝ่ายต่อต้านพยายามหลีกเลี่ยงไม่เคลื่อนกำลังเข้ามาใกล้ชายแดนประเทศไทยซึ่งเป็นพื้นที่ที่ชนกลุ่มน้อยหลายเผ่าพันธุ์ตั้งถิ่นฐานมานานช้าแล้ว และละเว้นไม่ให้เกิดการปะทะกันระหว่างทหารพม่ากับชนกลุ่มน้อยที่อยู่ใกล้ชายแดนไทย ซึ่งเป็นการป้องกันไม่ให้กองทัพพม่าต้องปะทะกับกองทัพไทยตลอดแนวตั้งแต่เชียงรายลงมาจนถึงกาญจนบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ในความรับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 3 และกองทัพภาคที่ 1 ซึ่งถ้าพม่าดำรงปฏิบัติการลักษณะนี้ก็จะไม่มีการปะทะกันระหว่างกองทัพทั้งสองประเทศ ก็จะตัดเหตุที่ต่างชาติเข้าช่วยเหลือประเทศไทย และนี่ก็เป็นประโยชน์ร่วมกันระหว่างพม่า ไทย และชนกลุ่มน้อยตลอดแนวชายแดน เพราะไม่มีใครต้องการสงคราม แต่ต้องการสันติสุขและการทำมาค้าขาย
ประการที่สาม พม่าได้เร่งรัดพัฒนาพื้นที่ด้านตะวันตกของแนวท่อแก๊สเพื่อให้ภาวะสันติบังเกิดขึ้นอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของประเทศ และได้เร่งรัดโครงการรถไฟเส้นทางสายไหมพม่า-จีน ซึ่งเชื่อมจากจีนมายังพม่าถึงมัณฑะเลย์และจะเปิดการเดินรถได้ในปลายปีนี้ โดยเป็นรถไฟความเร็วสูงที่ขนได้ทั้งคนและสินค้า จะทำให้การค้าขายระหว่างพม่ากับจีนเปลี่ยนโฉมใหม่ และเข้าสู่ยุคใหม่ ที่จะสร้างความมั่งคั่งให้แก่พม่าและเป็นที่ปรารถนาของชาวพม่า
เพื่อการนี้ พม่าได้เชื่อมต่อรถไฟสายนี้ไปจนถึงฉงชิ่งและเสฉวน ซึ่งมีประชากร 100 ล้านคน เพื่อรองรับสินค้าจากพม่าและส่งนักท่องเที่ยวเข้ามายังพม่า ซึ่งหมายความว่าการพัฒนาเศรษฐกิจของพม่าที่ร่วมมือกับจีนจะขยายตัวเติบใหญ่ได้โดยไร้ข้อจำกัด
แน่นอนว่าในขณะที่ภาคตะวันตกของพม่าที่มีความสงบสุขและทำมาค้าขายกันอย่างครึกครื้นนั้น จะทำให้ชาวพม่าด้านตะวันออกของแนวท่อแก๊สได้รับผลประโยชน์และร่วมกันสร้างสันติภาพขึ้นเพื่อทำมาค้าขาย เพื่อความอยู่ดีมีสุขร่วมกัน และแน่นอนว่าย่อมมีผลกระทบต่อสถานการณ์สงครามกลางเมืองที่อยู่ระหว่างพื้นที่ด้านตะวันตกของแนวท่อแก๊สกับพื้นที่ชนกลุ่มน้อยชายแดนไทยซึ่งจะจูงใจให้ประชาชนในพื้นที่นี้ยินดีปรีดากับการพัฒนาของพม่า
ประการที่สี่ เพื่อทำให้ฝ่ายต่อต้านโดดเดี่ยวและตัดกำลังสนับสนุนที่จะมาจากชนกลุ่มน้อยตลอดแนวชายแดนไทย รัฐบาลพม่าจึงได้เจรจากับบรรดาชนกลุ่มน้อยทุกหมู่เหล่าตลอดแนวชายแดนด้านตะวันออกที่ติดกับประเทศไทย ซึ่งด้านเหนือตลอดไปถึงประเทศจีนลงมาถึงชายแดนไทยจนกระทั่งถึงกาญจนบุรีและระนอง
พม่าได้อาศัยเครือข่ายทุกเครือข่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศในการประสานงานให้มีการเจรจาสันติภาพกับบรรดาชนกลุ่มน้อยทุกหมู่เหล่า และ ณ บัดนี้การเจรจาทำข้อตกลงสันติภาพก็ประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวง โดยชนกลุ่มน้อยเกือบทั้งหมดได้ตกลงทำข้อตกลงสันติภาพกับรัฐบาลพม่าแล้ว ยังคงเหลือชนกลุ่มน้อยบางฝ่ายเท่านั้น ซึ่งบางส่วนได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากต่างชาติ จึงทำให้ชนกลุ่มน้อยกลุ่มนี้ต้องแตกออกเป็นสามส่วน
ส่วนหนึ่งต้องการเจรจาทำความตกลงสันติภาพกับพม่า อีกส่วนหนึ่งอยู่ใต้การสนับสนุนของต่างชาติจึงถูกผลักดันให้ทำสงครามต่อต้าน ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งวางตนเป็นกลางและเอียงข้างไปทางต้องการเจรจาสันติภาพ
โดยทฤษฎีวัตถุนิยมประวัติศาสตร์และประวัติความขัดแย้งของมวลมนุษย์ได้พิสูจน์ชัดเจนว่าสันติภาพคือผลประโยชน์ร่วมกันของมวลมนุษย์ สงครามคือปรากฏการณ์ที่ทำลายผลประโยชน์และความสงบสุขของมวลมนุษย์ ดังนั้นสันติภาพจึงเป็นอาวุธวิเศษที่จะกำราบปราบปรามและหยุดยั้งสงครามได้
และขณะนี้พม่ากำลังใช้อาวุธวิเศษนี้ ซึ่งถ้าสถานการณ์ในพม่าเป็นดังสถานการณ์ล่าสุดหรือสามารถบรรลุข้อตกลงสันติภาพได้อย่างสมบูรณ์แล้ว เมื่อนั้นสันติภาพและสันติสุขก็จะบังเกิดขึ้นในพม่าและจะเป็นผลดียิ่งแก่ประเทศไทย เพราะแม้ใครคิดจะเข้าแทรกแซงครอบงำก็จะไม่สามารถปฏิบัติการใดๆ ที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นสงครามกับพม่าได้
เราทั้งหลายจงตั้งความปรารถนาร่วมกันให้พม่าสามารถบรรลุข้อตกลงสันติภาพทั่วประเทศ และจัดตั้งรัฐบาลรวมของทุกประชาชาติที่เรียกว่าสหภาพพม่าต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี