นายอนุวัฒน์ ทินราช ประธานเครือข่ายคนเสื้อแดง จ.นครราชสีมา และภาคอีสาน เปิดเผยว่า มีการจัดกิจกรรมของคนเสื้อแดงในโอกาสวันคล้ายวันเกิด นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีอายุครบ73 ปี ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2565
โดยปีนี้กลุ่มคนเสื้อแดงที่มาจากหลายจังหวัดในภาคอีสานมารวมกลุ่มกันที่บ้านกลางไพร อ.ทวีฯ สวนอินทผาลัม อ่างห้วยยาง ต.ธงชัยเหนือ อำเภอปักธงชัยฯ กว่า 300 คน โดยมีการจัดทำเค้กขนาด 5 ปอนด์ สีครีมขอบสีแดง มีครีบสีแดงเป็นดอกกุหลาบ 14 ดอกตรงกลางเค้กมีรูปหน้า นายทักษิณ ชินวัตร สวมสูท ใช้ครีมสีแดงเขียนข้อความว่า “HAPPY BIRTHDAY พณ.ทักษิณ ชินวัตร” 26 ก.ค. 65 ด้วยรักและศรัทธา จาก…มวลชนคนเสื้อแดง และมีตัวเลขเทียนปักเลข 37 ปีให้เป็นเคล็ดว่ายังหนุ่มแน่น โดยอายุจริงคือ 73 ปี
นายอนุวัฒน์ กล่าวว่า โดยการจัดงานเมื่อกลางคืนของวันที่ 23 ก.ค.2565 ที่บ้านสวนกลางไพร ต.ธงชัยเหนือ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา มีนายพายัพ ชินวัตร น้องชายนายทักษิณ ชินวัตร และเครือข่ายคนเสื้อแดง 20 จังหวัดภาคอีสาน ร่วมพบปะรับประทานอาหารโดยภายในงานมีเซอร์ไพรส์ เมื่อนายทักษิณ โฟนอินมาพูดคุยกับครอบครัวเพื่อไทย และร่วมเป่าเค้กส่งเสียงขับร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทักษิณ ได้กล่าวขอบคุณผู้มาร่วมงาน โดยระบุว่า ขอให้ความสุขทั้งหลายมีกับทุกท่านมีสุขภาพ มีกำลังใจการต่อสู้รัฐบาลที่ตะแบงเก่ง ทั้งที่ประชาชนไม่เอาก็ตะแบงอยู่อย่างนี้ น่ากลัวมากประเทศ
“ผมคิดว่าเลือกตั้งคราวหน้า ประชาชนตัดสินใจลงโทษได้ชัดเจน ผมมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยทำได้ ปีที่แล้วพวกเราก็จัดวันเกิดให้ทุกปี ปีนี้เป็นปีสุดท้ายนะ ปีหน้าเราเจอกันที่เมืองไทยก็แล้วกัน เมื่อกลับไปจะกลับไปเยี่ยมเยือนพี่น้องประชาชนทุกจังหวัด ทุกอำเภอ” นายทักษิณ ระบุ
1) นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ค “เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค” แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีนายทักษิณ ชินวัตร ประกาศจะกลับบ้านในปีหน้า ว่า “โทนี่ ไม่มีประจำเดือน แต่โทนี่ มีประจำปี” #โทนี่ประจำปี #โทนี่ปีหน้า โดยไล่ไทม์ไลน์การประกาศกลับบ้านของทักษิณว่า...
• 30 มีนาคม 2552 “ถ้าเมื่อไหร่ เสียงปืนแตก ทหารยิงประชาชน ผมจะเข้าไปนำพี่น้องเดินเข้ากรุงเทพทันที” หลังจากนั้นเขาประกาศมาทุกปี ว่าจะกลับบ้าน แต่ปีที่แล้ว เป็นปีที่เขาพูดเรื่องกลับบ้านบ่อยที่สุด
• 29 มิ.ย.2564 “กลับแน่ แต่เมื่อไหร่ค่อยบอก”
• 13 ก.ค.2564 “กลับไทยแน่ แต่ขอบอกเวลาที่หลัง และก็สุวรรณภูมิ ไปประตูหน้า ไม่ไปประตูหลัง
• 6 ส.ค. 2564 “อยากกลับตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
แต่ขอดูเวลาให้เหมาะเจาะ จะกลับเมื่อไหร่จะบอก”
ล่าสุด หลังจากประกาศกลับบ้านมาทุกปี ติดต่อกัน 13 ปีแล้ว ปีที่ 13 นี้เขาก็ประกาศกลับบ้านเหมือนเดิม
• 23 ก.ค.2565 “ปีนี้เป็นปีสุดท้ายนะ ปีหน้าเราเจอกันที่เมืองไทยก็แล้วกัน เมื่อกลับไปจะกลับไปเยี่ยมเยือนพี่น้องประชาชนทุกจังหวัด ทุกอำเภอ”
2) เพจเฟซบุ๊ค Somsak Jeamteerasakul ของ นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ลี้ภัยคดี 112 ที่ฝรั่งเศส โพสต์ข้อความระบุว่า
“ปีหน้าจะกลับบ้าน” สะท้อนว่า ไม่มีมุกอะไรมากกว่า วิธีพูดแบบนี้กับประชาชนอีสาน เพราะไม่มีอะไรใหม่ (เหมือน “ถ้าเสียงปืนแตก จะกลับไปนำประชาชน” ในอดีต) ความจริงน่าจะเรียนรู้ได้แล้วว่าไม่เป็นจริงพูดแล้วเป็นเรื่องน่าหัวร่อ
3) นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ค เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค หัวข้อ นิยามของชายชื่อทักษิณ “ความที่ไม่รู้จักแพ้ ไม่รู้จักพอ และหลอกตัวเองอยู่ตลอดเวลา”
หนทางที่ทักษิณจะกลับบ้านได้ ความจริงไม่ได้ถูกปิดตาย ยังมีช่องทางอยู่ ได้แก่
1.ต้องหยุดหลอกตนเอง
ทักษิณเป็นคนที่หลอกตัวเองอยู่ตลอดเวลา หลอกจนตัวเองเชื่อ แล้วนำความเชื่อนั้นไปหลอกคนอื่นต่อไป คนอื่นที่ว่านั้น รวมถึงคนในครอบครัวของตนเองด้วย คิดดูว่า เขาหลอกได้ทั้งตัวและคนในครอบครัว ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเขาหลอกคนทั้งประเทศหรือทั้งโลกได้
2.ต้องรู้จักแพ้ และรู้จักพอ
ต้องเปลี่ยนทัศนคติในเรื่องความไม่รู้จักพอ และไม่รู้จักแพ้หรือไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ เพราะตลอดช่วงเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา มันนานมากพอที่จะพิสูจน์ได้แล้วว่า ตนเองแพ้มานานแล้วและมองไม่เห็นหนทางที่จะชนะได้เลย
3.ต้องยอมรับความจริง
เมื่อยอมรับว่าแพ้และหยุดหลอกตัวเองได้แล้วก็ต้องยอมรับความจริง และกลับมาสู่กระบวนการยุติธรรม ว่าศาลจะพิจารณาว่าอย่างไร
แค่เพียง 3 ข้อนี้ก็ทำให้ได้กลับบ้านประตูหน้าแบบเท่ๆ ได้แล้ว
แต่ทักษิณหมดโอกาสกลับบ้านประตูหน้าแบบเท่ๆ เพราะ….
1.เป็นคนที่ไม่มีความรับผิดชอบ
ที่กล่าวมาทั้งหมด จะไม่มีวันเกิดขึ้น เพราะเขาเป็นคนที่ไม่มีความรับผิดชอบ กล่าวคือ ทำผิดแต่ไม่รับผิดชอบในความผิดของตน แปลว่า เขาจะไม่ยอมรับคำพิพากษาของศาล และจะไม่มีวันยอมติดคุก ดังนั้น ประตูแห่งหนทางกลับบ้าน จึงถูกปิด ด้วยตัวของเขาเอง
2.ความเป็นทักษิณ สร้างทักษิณและทำลายทักษิณ”
ทั้งหมดทั้งมวล มันมาจากการที่เขา “เป็นคนที่ไม่รู้จักแพ้ และไม่รู้จักพอ และซ้ำเติมด้วยการหลอกตัวเองอยู่ทุกวัน” ซึ่งนั้นเป็นการ “ปิดหนทางกลับบ้านด้วยตัวของเขาเอง” ความที่ไม่รู้จักแพ้ ไม่รู้จักพอ และหลอกตัวเองของทักษิณ คือสิ่งที่สร้างผู้ชายที่ชื่อทักษิณขึ้นมา แล้วในที่สุดความที่ไม่รู้จักแพ้ ไม่รู้จักพอ และหลอกตัวเองของทักษิณนั้นเอง ที่ทำลายตัวเขาเอง วิบากกรรมทั้งหลายในชีวิตของเขา เขาทำมันขึ้นมาเองทั้งสิ้นจากความเป็นตัวตนของเขา ที่ “เป็นความที่ไม่รู้จักแพ้ไม่รู้จักพอ และหลอกตัวเองอยู่ตลอดเวลา” ของชายที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร
ทักษิณเป็นคนที่หลอกตัวเองอยู่ตลอดเวลาหลอกจนตัวเองเชื่อ แล้วนำความเชื่อนั้นไปหลอกคนอื่นต่อไป คนอื่นที่ว่านั้น รวมถึงคนในครอบครัวของตนเองด้วย
4) โทนี่ วู้ดซัม หรือทักษิณ ชินวัตร นี่ สามารถส่งเข้าชิงรางวัล “กะล่อนยืนหนึ่ง” ได้เลย กล่าวคือ เขาสามารถกลับประเทศไทยทุกวัน ไม่มีใครหรือกฎหมายใดห้าม แต่เพราะความเห็นแก่ตัวและความขี้ขลาด ขาดความรับผิดชอบของเขาต่างหาก ที่ทำให้เขาไม่ยอมกลับ เพราะเมื่อกลับ เขาจะถูกควบคุมตัวเข้าคุก และเบิกตัวมาขึ้นศาลอีกหลายคดี เกือบ 100% เป็นคดีว่าด้วยการใช้อำนาจในทางมิชอบ ในทางทุจริตคอร์รัปชั่น ในทางเอื้อประโยชน์ให้แก่ครอบครัวของตัวเองทั้งนั้น
มีเพียง 3 ทาง ที่ทักษิณจะกลับบ้านได้ โดยไม่ต้องติดคุก (นาน) คือ
ทางที่ 1 ใช้ พ.ร.บ.การรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ พ.ศ.2526
วิธีนี้จะเกิดขึ้นได้ ต้องมีข้อเท็จจริงใหม่มาเสนอต่อศาล แต่จนถึงทุกวันนี้ ยังไม่มีข้อเท็จจริงสู่การรื้อฟื้นทางคดีอาญาได้เลย ตั้งแต่มีกฎหมายมา เข้าใจว่ายังไม่มีคดีไหนสามารถกระทำได้ ดังนั้น หากทักษิณ จะกลับมาในทางช่องนี้ดูจะยากมาก ถ้าทำได้จริงคุณทักษิณคงทำนานแล้ว เพราะตัวเองก็มีนักกฎหมาย หรือที่ปรึกษาเรื่องนี้มากอยู่
ทางที่ 2 ประชาชนเข้าชื่อร้องสภาให้ออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรม
ต้องทำเป็นกฎหมาย มีการร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม อย่าลืมว่ามันก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว อย่างร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ซึ่งก็เป็นสาเหตุของการยึดอำนาจ ในเวลาต่อมา ข้อนี้ส่วนตัวก็เห็นว่ายากเช่นกัน เพราะอาจจะนำมาซึ่งข้อถกเถียงและความขัดแย้งกันอีก
ทางที่ 3 ขอพระราชทานอภัยโทษ แบบเป็นการเฉพาะตัว
เป็นการขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งเป็นอำนาจของพระมหากษัตริย์ การขอพระราชทานอภัยโทษตัวผู้ขอพระราชทานจะต้องเข้ามาอยู่ในการคุ้มครองของรัฐก่อน จากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการอภัยโทษ ซึ่งก็จะมีความเสี่ยงเหมือนกันหากไม่ได้รับการอภัยโทษ อาจถูกขังยาวจนหมดโทษก็เป็นได้ กรณีอย่างนี้เป็นการขออภัยโทษเฉพาะตัว ไม่เกี่ยวกับการขออภัยโทษของคนทั่วไป ซึ่งไม่เคยมีวี่แววว่า ทักษิณจะยอมติดคุกเพื่อนำไปสู่การขอพระราชทานอภัยโทษมาก่อน
ดูเหมือนทักษิณเน้นการปลุกระดมมวลชนขึ้นกดดันต่อรองทางการเมือง และหวังอำนาจจากการได้รับชัยชนะทางการเมืองเพื่อล้างโทษของตัวเองมากกว่า
คำถามคือ แล้วใครจะยอมให้เขาทำอย่างนั้น ?!?
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี