เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2565 คณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการลงทุนก่อสร้างสวนสัตว์แห่งใหม่ ในกรอบวงเงินงบประมาณรวมทั้งสิ้น 10,974.65 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินโครงการ พ.ศ. 2566-2570
ส่วนที่เบิกจ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 จำนวน 1,109 ล้านบาทเท่านั้น
ปรากฏว่า มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากคนบางกลุ่ม ว่าไม่คุ้มค่า ตำหนิทำเลที่ตั้งว่าห่างไกล ฯลฯ โดยไม่ได้กล่าวถึงตัวเลขผลการศึกษาความคุ้มค่า และข้อมูลรายละเอียดที่ครบถ้วนเลย
1. เหตุที่โครงการดังกล่าวมาตั้งตรงนี้ เพราะองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์(อสส.) ได้รับพระราชทานที่ดิน จำนวน 300 ไร่เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2560 เพื่อพัฒนาให้เป็นสถานที่ก่อสร้างสวนสัตว์แห่งใหม่ และสถานที่ทำงานของ อสส.
เนื้อที่แปลงใหญ่เช่นนี้ เหมาะที่จะทำสวนสัตว์ยุคใหม่ที่มีความทันสมัยระดับนานาชาติ มีความสุขสบายให้กับสัตว์ที่นำมาเลี้ยงและจัดแสดง เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติที่สมบูรณ์ครบถ้วนในระดับสากล ทั้งการเป็นแหล่งเรียนรู้ชีวิตสัตว์ป่าทั้งในและนอกถิ่นอาศัย ระบบภูมินิเวศทางธรรมชาติที่สมบูรณ์แบบ เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการอนุรักษ์ศึกษาวิจัยและเพาะขยายพันธุ์สัตว์ป่าคืนสู่ธรรมชาติ เป็นแหล่งนันทนาการที่รองรับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
โดยที่ในเขตกลางเมืองไม่มีที่ดินแปลงใหญ่เช่นนี้ ที่สามารถจะนำมาทำสวนสัตว์เช่นนี้ได้อีกแล้ว
นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างที่สุด
2. โครงการนี้ ไม่คุ้มค่าทางการเงิน แต่คุ้มค่าการลงทุนทางเศรษฐศาสตร์
2.1 มีการประชุมรับฟังความคิดเห็น และสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่รัศมี 1 กิโลเมตร จากโครงการฯ (อำเภอธัญบุรีและอำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี) ระหว่างวันที่ 11 - 13 สิงหาคม 2564
ผลปรากฏว่า เห็นด้วยกับโครงการฯ ร้อยละ 99.06 (324 ครัวเรือน)
ไม่เห็นด้วย ร้อยละ 0.94 (3 ครัวเรือน)
2.2 การประมาณการเงินรายรับโครงการ
ตามแผนการก่อสร้างสวนสัตว์แห่งใหม่ คาดการณ์จะดำเนินการแบ่งเป็น 2 ระยะ และใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้นรวม 5 ปี โดยจะเปิดให้บริการในระยะที่ 1 ได้ตั้งแต่ปีที่ 4 (พ.ศ. 2569) หลังจากนั้นจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบตั้งแต่ปีที่ 6 (พ.ศ. 2571) เป็นต้นไป
รายรับจากสวนสัตว์แห่งใหม่ สามารถแบ่งได้ 7 ประเภท ได้แก่ รายรับค่าเข้าชม รายรับจากการบริการอาหารและเครื่องดื่ม รายรับจากการขายสินค้าที่ระลึก รายรับจากการให้เช่าพื้นที่ รายรับจากการจัดกิจกรรม รายรับค่าสมาชิกอุปถัมภ์ และรายรับค่าสปอนเซอร์
รายรับหลักจะมาจากค่าเข้าชม โดยปีที่ 1 - 3 จะยังไม่มีรายได้ในทุกประเภท
ส่วนปีที่ 4 - 7 มีเริ่มรายได้ อาทิ ค่าเข้าชม 48 ล้านบาท โดยจะเพิ่มเป็น 169 ล้านบาทในปีที่ 7 เป็นต้น
โดยคาดว่า ปีที่ 4 จะมีรายรับรวม 96 ล้านบาท และจะเพิ่มเป็น 363 ล้านบาทในปีที่ 7
เปรียบเทียบกับประมาณการค่าใช้จ่ายระหว่างการให้บริการ คาดว่า ปีที่ 4 จะมีค่าใช้จ่ายรวม 66 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 156 ล้านบาทในปีที่ 7
2.3 ความเหมาะสมทางเศรษฐศาสตร์ของโครงการฯ
ในการวิเคราะห์ผลตอบแทนทางการเงินของโครงการฯ สรุปได้ว่าโครงการฯ ไม่มีความคุ้มค่าหากพิจารณาเฉพาะผลตอบแทนทางการเงินใช้เกณฑ์ ดังนี้
ในการวิเคราะห์ความเหมาะสมทางเศรษฐศาสตร์ จะเป็นการเปรียบเทียบระหว่างผลประโยชน์และต้นทุนทางเศรษฐศาสตร์ (Cost Benefit Analysis) โดยกำหนดอัตราคิดลดตามต้นทุนเงินทุนเฉลี่ยร้อยละ 12 ต่อปี อ้างอิงตามการศึกษาถึงต้นทุนของเงินลงทุนในประเทศไทยโดยธนาคารโลกและ สศช.สรุปได้ว่าโครงการฯ มีความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ ดังนี้
พูดง่ายว่า ถ้าคิดในเชิงธุรกิจ รายรับรายจ่ายทางการเงินอย่างเดียว ไม่มีความคุ้มที่จะดำเนินการ
แต่ถ้าคิดในเชิงเศรษฐศาสตร์ ผลประโยชน์จากโครงการ ที่มีต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมส่วนรวม ผลการศึกษาระบุชัดว่ามีความคุ้มค่าที่จะลงทุนดำเนินโครงการ
กรณีเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลก อย่างโครงการรถไฟทางคู่หลายสาย รวมถึงโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ส่วนใหญ่ก็ไม่มีความคุ้มค่าทางการเงิน แต่มีความ
คุ้มค่าที่จะลงทุน เพราะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมส่วนรวมได้มหาศาลกว่ารายรับของโครงการนั่นเอง
สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์ฯ) ในคราวประชุม ครั้งที่ 3/2565 เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2565 มีมติเห็นชอบในหลักการของโครงการฯ เนื่องจากเป็นโครงการที่มีความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์
3. งบหมื่นล้านบาท มิใช่ว่านำมาใช้ทันทีในปีนี้ทั้งหมด
โครงการนี้ องค์การสวนสัตว์ฯ ได้รับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 และ พ.ศ. 2564 ในวงเงินงบประมาณ 150 ล้านบาท สำหรับค่าออกแบบ
สิ่งก่อสร้างสวนสัตว์แห่งใหม่
งบประมาณโครงการฯ จำนวน 10,974.65 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินงาน พ.ศ. 2566 - 2570
องค์การสวนสัตว์ฯ แบ่งการดำเนินการเป็น 2 ระยะ
ระยะที่ 1 (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 - 2568) 5,383,82 ล้านบาท
ระยะที่ 2 (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 - 2570) 4,586.74 ล้านบาท
มูลค่ารวมทั้งสิ้น 9,723.97 ล้านบาท แต่เมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายอื่นจะมีวงเงินโครงการฯ เท่ากับ 10,974.65 ล้านบาท ตามที่ ทส. เสนอ
4. ก่อนจะบอกว่า ถูกหรือแพง พึงทราบว่างบประมาณนั้น นำไปไปใช้จ่ายกับอะไรบ้าง?
สำหรับการก่อสร้างระยะที่ 1 รวมมูลค่าทั้งสิ้น 5,383 ล้านบาทนั้น งบส่วนใหญ่ 2,543 ล้านบาท จะเป็นค่างานส่วนจัดแสดง ได้แก่
พื้นที่จัดแสดงโซนแอฟริกา ประกอบด้วยสัตว์ 18 ชนิดพันธุ์ 155 ตัว
พื้นที่จัดแสดงโซนเอเชีย บางส่วน(ร้อยละ 70) ประกอบด้วยสัตว์ 62 ชนิดพันธุ์ 239 ตัว
และงาน Smart Z00 (ระบบคอมพิวเตอร์ของสวนสัตว์)
ที่เหลือเป็นงบสำหรับงานสาธารณูปโภคโครงการ เป็นการปรับพื้นที่ให้ได้ตามแนวคิดเกาะนิเวศและเป็นการจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานให้โครงการ 1,142 ล้านบาท
งานอาคาร รวมทั้งสิ้น 8 อาคาร เช่น อาคารเฉลิมพระเกียรติ อาคารต้อนรับและอาคารศูนย์การเรียนรู้อาคารสำนักงานใหญ่ อาคารโรงพยาบาลสัตว์ เป็นต้น 1,014 ล้านบาท
และงานภูมิสถาปัตยกรรม เช่น งานรั้ว งานประตูทางเข้าออก พื้นที่สถาปัตยกรรมส่วนอาคารต้อนรับ สวนเฉลิมพระเกียรติ ทางเดินชมสัตว์ต่างๆ เป็นต้น 683 ล้านบาท
ส่วนการก่อสร้างระยะที่ 2 รวมมูลค่าทั้งสิ้น 4,340 ล้านบาท อาทิ งานอาคาร รวมทั้งสิ้น 13 อาคาร เช่น อาคารจอดรถยนต์ อาคารศูนย์อาหารและภัตตาคาร อาคารสำนักงานผู้ดูแลสัตว์ ศูนย์ชันสูตรซากสัตว์ โรงจอดรถขนส่งภายในสวนสัตว์ เรือนเพาะชำ งานสาธารณูปโภคส่วนที่เหลือ เช่น งานถมดิน เพื่อปลูกต้นไม้ เป็นต้น ฯลฯ
5. พื้นที่โครงการฯ 300 ไร่ มีการแบ่งการใช้ประโยชน์พื้นที่ อาทิ
พื้นที่จัดแสดงและนิทรรศการ ประมาณ 171 ไร่ (ร้อยละ 57 ของพื้นที่ทั้งหมด) โดยพื้นที่จัดแสดงสัตว์แบ่งออกเป็น 5 ส่วน ได้แก่ 1) ส่วนจัดแสดงทวีปแอฟริกา พื้นที่ประมาณ 42 ไร่ 2) ส่วนจัดแสดงทวีปออสเตรเลียและสวนสัตว์เด็ก พื้นที่ประมาณ 19 ไร่ 3) ส่วนจัดแสดงทวีปเอเชีย พื้นที่ประมาณ 66 ไร่ 4) ส่วนจัดแสดงทวีปอเมริกาใต้ พื้นที่ประมาณ 14 ไร่ และ 5) ส่วนอาคารTerrarium world (จัดสวนขวด - สวนแก้วจิ๋ว) และร้านอาหาร พื้นที่ประมาณ 30 ไร่
พื้นที่สวนเฉลิมพระเกียรติ ประมาณ 21 ไร่(ร้อยละ 7 ของพื้นที่ทั้งหมด) ประกอบด้วย สวนสาธารณะและอาคารเฉลิมพระเกียรติ ฯลฯ
โครงการฯ ใช้เวลาก่อสร้าง 5 ปี จะเปิดให้บริการระยะแรกตั้งแต่ปีที่ 4 และเปิดให้บริการเต็มรูปแบบตั้งแต่ปีที่ 6 เป็นต้นไป
นี่เป็นอีกหนึ่งในสิ่งดีๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี