เป็นที่รู้กันทั่วไปว่า ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้น ผู้ที่อยู่เบื้องหลังคอยประคับประคองและคัดท้ายรัฐนาวาสยาม ก็คือ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ จนถึงขนาดเป็นที่ยอมรับกันว่า พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ นี่แหละ ที่เป็นผู้มีบารมี เป็นผู้ประสาน 10 ทิศ มากไปด้วยประสบการณ์ และมีสไตล์การทำงานแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย ประนีประนอม พร้อมด้วยสไตล์การพูดจาแบบแบ่งรับแบ่งสู้ ทำให้เรื่องหนักดูเป็นเบา โดยแฝงด้วยอารมณ์ขันและความเป็นกันเอง
มาบัดนี้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ จำเป็นต้องก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ในเวทีการเมืองไทย (จากการที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ พลเอกประยุทธ์ ต้องพักการทำงานในตำแหน่งนายกฯ ชั่วคราว ระหว่างพิจารณาวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ ต้องไม่เกิน 8 ปี) ซึ่งประเด็นที่ว่าจะกินเวลายาวนานเท่าใด ก็ยังไม่สำคัญเท่ากับเรื่องที่ว่า เมื่อขึ้นมาเป็นผู้นำของประเทศ ที่ต้องรับผิดชอบโดยตรงต่อความเป็นไปของสังคมไทย แล้ว พลเอกประวิตร จะนำพาสังคมไทยไปในทิศทางใดและอย่างไร เพื่อที่จะก่อให้เกิดความสมัครสมานสามัคคี เพื่อให้สังคมมีเสถียรภาพ และเพื่อให้มีความสันติสุข และความเจริญก้าวหน้า
สังคมไทย ณ วันนี้ ตกอยู่ในสภาวะของความสับสน ความไม่แน่นอน และความรู้สึกของการไร้ซึ่งอนาคต จึงส่งผลให้สังคมไทยต้องการความมั่นอกมั่นใจจากตัวผู้นำ นั่นก็คือ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ว่าจะพาประเทศเดินหน้าไปทางไหน และไปอย่างไร จึงกล่าวได้ว่านี่เป็นภาระหน้าที่อันสำคัญยิ่งของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่จะต้องแสดงวิสัยทัศน์ของการเป็นผู้นำประเทศ เพื่อเสริมสร้างขวัญและกำลังใจ และความมั่นใจให้กับปวงชนชาวไทย และจะได้รวมพลังประชาชนพลเมืองให้ก้าวไปข้างหน้าร่วมกัน
ในการนี้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ สามารถเลือกที่จะใช้เวทีรัฐสภาในการมีถ้อยแถลงเกี่ยวกับการบริหารราชการ เพื่อที่จะฟันฝ่าอุปสรรค และประเด็นปัญหาต่างๆ ของสังคมไทย หรือว่าพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ จะเลือกกล่าวปราศรัยต่อปวงชนชาวไทยผ่านสื่อต่างๆ ก็ได้ทั้งสิ้น
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ควรจะตระหนักเป็นอย่างยิ่งว่า สังคมไทย ณ วันนี้ เสมือนฝูงแกะที่เคลื่อนไปอย่างไร้ทิศทาง ไร้จุดหมาย ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นซึ่งจำเป็นที่จะต้องมีผู้ดูแล นำพา และให้ทิศทาง
แม้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ อาจจะไม่ใช่คนที่ทะเยอทะยาน หรือมักใหญ่ใฝ่สูง พึงพอใจต่อการทำงานทำการรับใช้บ้านเมืองแบบอยู่หลังฉาก เพราะมีความถนัดกับงานในลักษณะนี้ มากกว่าที่จะออกมาเล่นเป็นตัวเอกหน้าฉาก ซึ่งก็ได้รับบทบาทนี้มาเป็นเวลา 8 ปี
แต่เมื่อสถานการณ์บังคับ ทำให้พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ต้องขึ้นมารักษาการตำแหน่งผู้นำประเทศไทยแทนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ฉะนั้น พลเอกประวิตรวงษ์สุวรรณ ก็หนีไม่พ้น ที่จะต้องเลิกเล่นบทผู้อยู่เบื้องหลัง และหันมารับบทเบื้องหน้า เริ่มต้นพูดจากับประชาชนพลเมือง แสดงความคิดเห็น และความปรารถนา ว่าจะนำพาบ้านเมืองให้ไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและสง่างามได้อย่างไร
ก็ถือเป็นโอกาสของ พลเอกประวิตรวงษ์สุวรรณ ที่จะได้แสดงฝีไม้ลายมือและตอบสนองความคาดหวังของประชาชนพลเมืองแบบเต็มๆ กันเสียที
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี