วันนี้ ขอขีด “เส้นใต้บรรทัด” ที่คำว่า “ปากกับสมองไม่เชื่อมกัน” ซึ่งมีที่มาจากวิวาทะ 3 เส้า ระหว่าง “ทักษิณ ชินวัตร” กับรองโฆษกประจำสำนักนายกฯ นางสาวทิพานัน ศิริชนะ และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา

ขอไล่เลียงเหตุการณ์ให้ทราบดังต่อไปนี้

1) ช่วงค่ำวันที่ 30 สิงหาคม เฟซบุ๊ค CARE • แคร์คิด เคลื่อน ไทย ได้ไลฟ์สด การพูดคุยกับ โทนี่ วู้ดซัม หรือ นายทักษิณ ชินวัตร ในหัวข้อ “ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่..แล้วไงต่อ?” โดยช่วงหนึ่ง นายทักษิณ ได้พูดถึงกรณี น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สวนกลับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยซึ่งออกมาเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ยังคงปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยเรื่องวาระดำรงตำแหน่ง 8 ปี ให้ลาออกโดยไม่ต้องรอฟังคำวินิจฉัย

โดย น.ส.ทิพานันกล่าวว่า ข้อเรียกร้องดังกล่าว เป็นข้อเรียกร้องที่ไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมอย่างแท้จริง สิ่งที่ นพ.ชลน่าน ควรทำคือเรียกร้องให้อดีตนายกรัฐมนตรี เช่น นายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับมายอมรับกระบวนยุติธรรมไม่หนีคดีทุจริตต่างๆ เป็นตัวอย่างที่ดีของผู้นำแบบ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ยอมรับในกระบวนศาล

“ขอให้ทำความเข้าใจเสียใหม่ว่านายกเถื่อนนั้นหนีไปอยู่ดูไบ ส่วนนายกฯ ไทยยอมรับกระบวนการศาล คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” น.ส.ทิพานันกล่าว

ซึ่ง นายทักษิณ กล่าวว่า เป็นการพูดที่ปากและสมองไม่เชื่อมกัน

“ปัจจุบันผมไม่ใช่นายกรัฐมนตรี จะเป็นนายกฯเถื่อนได้อย่างไร อดีตคืออดีต อุตส่าห์เรียนหนังสือมาอย่างดี หน้าตาก็โอเค พ่อแม่ก็ชาติตระกูลดี ไม่น่าพูดแบบนี้ สงสัยไปเรียนฝึกพูดมาจากปารีณา และที่ให้เหตุผลการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำตามสัญญาไม่ได้ เพราะต้องนำเงินไปใช้หนี้โครงการรับจำนำข้าวนั้น ถามจริงๆ ว่า การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำใช้เงินอุดหนุนจากรัฐบาลหรือ เงินนั้นต้องมาจากเอกชนเป็นคนจ่ายค่าแรงงานใช่หรือไม่” นายทักษิณกล่าว

2) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่เฟซบุ๊ค CARE คิด เคลื่อน ไทยเผยแพร่ข้อความที่นายทักษิณ ชินวัตร หรือ โทนี่ วู้ดซัม กล่าวพาดพิงด้วยข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ว่า ตนไม่ทราบว่านายทักษิณได้อ่านข่าวด้วยตนเองหรือไม่ ทำให้ออกมาวิจารณ์กันไปคนละเรื่องเช่นนี้ จนเกือบเข้าใจว่า เป็นปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารดิสเครดิตของฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองที่มักนำข้อมูลหรือคำให้สัมภาษณ์ของตนไปบิดเบือน แต่เมื่อตรวจสอบดู ปรากฏว่า เป็นนายทักษิณ ที่ออกมาให้ความเห็นจริงๆ ก็ทำให้รู้สึกเห็นใจนายทักษิณที่หลบหนีโทษจำคุกอยู่ไกลในต่างแดน ต้องขออภัยที่ข่าวสารจริงไม่ถึงท่าน หรือมีผู้นำไปถ่ายทอดให้ฟังแบบผิดๆ ถูกๆ หรืออาจสะเทือนใจกับคำว่า “นายกฯ เถื่อน” ที่เป็นวาทกรรมของพรรคเพื่อไทยเอง ทำให้เข้าใจไขว้เขว แล้วรีบออกมาให้ความเห็น ซึ่งอาจทำให้ประชาชนสับสน จึงอยากชี้แจงความจริงให้พี่น้องประชาชนทราบดังนี้

1.การขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำไม่ได้ขึ้นแค่บางจังหวัด ความจริงคือ ถ้าผ่าน ครม.ก็จะขึ้นทั้งหมด 77 จังหวัดทั่วประเทศ แต่แบ่งเป็น 9 อัตราตามกลุ่มจังหวัดที่แตกต่างกัน เพราะมีสภาพเศรษฐกิจ สังคม ขนาดอุตสาหกรรมและความจำเป็นที่ต่างกัน ตามข้อสรุปการประชุม 3 ฝ่าย

2.ไม่เคยชี้แจงว่า ที่ขึ้นค่าแรงไม่ได้เพราะต้องเอาเงินไปจ่ายหนี้จำนำข้าว ความจริงคือ ได้ชี้แจงประชาชนไปว่า รัฐบาลพยายามหาแนวทางดำเนินการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำมาตลอด แต่เมื่อเจอวิกฤติโควิดจนกระทบธุรกิจของสถานประกอบการในทุกภาคส่วน การขึ้นค่าจ้างในเวลาดังกล่าวจึงไม่เหมาะสม แต่ก็จะทำให้เร็วที่สุดเมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลาย โดยคำนึงผลกระทบทั้งของนายจ้าง-ลูกจ้าง ซึ่งแม้ไม่ใช่เงินของรัฐ เป็นเงินของเอกชนก็ตาม แต่การบริหารนโยบายที่มีหลายส่วนเกี่ยวข้องต้องรอบคอบระมัดระวัง กระทรวงแรงงานจึงมีการประชุมร่วมกันของคณะกรรมการค่าจ้าง 3 ฝ่าย คือ ลูกจ้าง นายจ้าง และรัฐบาล โดยหาสมดุลระหว่าง “ค่าจ้าง-เงินเฟ้อ-ค่าครองชีพ” ก่อนออกนโยบายเพื่อให้ทั้งนายจ้างอยู่ได้และลูกจ้างอยู่ดี จึงมีตัวเลขค่าจ้างขั้นต่ำออกมา

“ขอบคุณที่ท่านชื่นชมเรื่องการเรียน เพราะแสดงความเห็นไปตามหลักของกฎหมายที่เรียนมา จึงอยากฝากให้ท่านอ่านข่าวอีกครั้ง เพราะไม่มีคำไหนที่เอ่ยถึงกรณีโกงจำนำข้าว แต่เข้าใจว่าเรื่องโกงจำนำข้าวคงติดอยู่ในจิตใต้สำนึกท่าน ขอบคุณที่ยังจำได้ว่ารัฐบาลของคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โกงจำนำข้าวไปหลายแสนล้าน แล้วเอาภาษีประชาชนไปเสวยสุข จนทำให้คนไทยต้องชดใช้หนี้หลายปี” น.ส.ทิพานัน กล่าว

น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า ในส่วนกรณีการกล่าวพาดพิงถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องลี้ภัย แล้วให้ไป “เช่าบ้านนายทักษิณอยู่ได้” รวมถึง “เป็นผู้นำต้องมองหลักนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ คนเราต้องรู้จักพอ และเรื่องจริยธรรมเป็นเรื่องที่ผู้นำต้องแคร์” นั้น ต้องขอชี้แจงว่า พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งใจทำประโยชน์ให้ประเทศชาติมาโดยตลอด ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่จำเป็นต้องลี้ภัยใดๆ และยังสามารถทำคุณประโยชน์ให้ชาติในทุกๆ ด้านได้ ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้เป็นเพียงปัญหาข้อกฎหมาย ไม่ใช่ปัญหาที่ผู้นำไม่เคารพกฎหมายหรือไม่มีจริยธรรม เอามาเปรียบเทียบกับการไร้จริยธรรมและการทุจริตคอร์รัปชั่น หนีคดีอย่างนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้ และถึงแม้หาก พล.อ.ประยุทธ์ ต้องยุติหรือไม่ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ท่านยังดำเนินชีวิตตามปกติได้ เพราะเป็นเพียงการกำหนดวาระตาม รธน.ไม่ใช่วาระสุดท้ายแบบใครบางคน

3) น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุถึง ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ในขณะที่ประชาชนเดือดร้อนอย่างหนัก รัฐบาลอยู่ในสภาวะสุญญากาศไม่มีนายกรัฐมนตรี ไม่มีใครอยากตอบโต้ในประเด็นการเมือง แต่เมื่อมีการตัดตอนความจริงบิดเบือนใส่ร้าย จึงต้องขอชี้แจงความจริงให้ประชาชนรับทราบ คือ ตำแหน่งรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กินภาษีประชาชน ไม่ควรมุ่งตอบโต้บิดเบือนเพื่อปกป้องบุคคลหนึ่งบุคคลใด โดยละทิ้งประโยชน์ของประชาชน

ตรีชฎา กล่าวว่า การที่ ทักษิณ ระบุว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องลี้ภัยให้ไปเช่าบ้านทักษิณอยู่ได้นั้น ตนไม่เห็นเจตนาร้ายเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้นำหลังการรัฐประหารยึดอำนาจ อาจไม่มีเพื่อน ไม่มีผู้นำต่างประเทศให้คำแนะนำปรึกษาเวลาต้องลี้ภัย และการรีบร้อนบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่จำเป็นต้องลี้ภัยใดๆ เพราะไม่ได้ทุจริต ได้ถาม พล.อ.ประยุทธ์ หรือยัง การทำรัฐประหารยึดอำนาจฉีกรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดถือเป็นกบฏ โทษหนักยิ่งกว่าคดีทุจริตทุกประเทศต่อต้าน เดินทางไปไหนก็ไม่ได้

ตรีชฎากล่าวต่อว่า ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ มั่นใจว่าไม่ผิด ไปเขียนกฎหมายนิรโทษกรรมให้ตัวเองทั้งในรัฐธรรมนูญชั่วคราว และฉบับปี 2560 เพื่ออะไร ทำไมไม่เสนอยกเลิกกฎหมายนิรโทษกรรมการรัฐประหารทั้งหมด อีกทั้งการกล่าวหาว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทุจริตคดีจำนำข้าว เป็นการบิดเบือนใส่ร้ายชัดเจน กลับไปอ่านคำพิพากษาให้ชัดยิ่งลักษณ์ ไม่เคยต้องคำพิพากษาทุจริตในคดีจำนำข้าว

“ทิพานัน จะชื่นชอบการสืบทอดอำนาจ อยู่ในตำแหน่งจนรากงอก ติดยึดกับตำแหน่ง ไม่ว่าจะรัฐบาลสืบทอดอำนาจ หรือ อธิการติดยึดตำแหน่งก็เป็นสิทธิ แต่ไม่ควรไปบิดเบือนด้อยค่าคนอื่น น่าอนาถใจที่นายกฯ ถูกสั่งหยุด แต่รองโฆษกฯ ไม่ยอมหยุดสร้างความขัดแย้งแตกแยกในสังคม เอาเวลาที่เหลืออยู่อย่างน้อยนิดไปผลักดันนโยบายที่หาเสียงไว้แล้วไม่ได้ทำดีกว่า”ตรีชฎา กล่าว (ที่มา : voicetv.co.th)

เอาละครับ มาดูภาวะ “ปากไม่เชื่อมกับสมอง” กัน ที่สำคัญ “ไม่มีต่อมจริยธรรม” อยู่ในสมองน้อยๆ นั้นด้วย

1. ทิพานัน พูดถึงหมอชลน่านถูกแล้ว หมอชลน่านยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยวาระ 8 ปีของการดำรงตำแหน่งนายกฯ แต่กลับบอกว่า ลาออกไปเถอะ ไม่ต้องรอศาลหรอก ประเด็นคือ แล้วยื่นให้ศาลวินิจฉัยทำไม? ในเมื่อกฎหมายมีความคลุมเครือในทางปฏิบัติ ผู้คนในชาติถกเถียงกัน ขัดแย้งกัน ดีที่สุดก็ต้องให้องค์กรที่มีอำนาจวินิจฉัยตัดสิน เพื่อเป็นที่ยุติ และเป็นบรรทัดฐานของการปฏิบัติ หมอชลน่านอยู่ฝ่ายนิติบัญญัติ ยื่นเรื่องให้ศาลวินิจฉัยเป็นสิ่งที่ดีแล้ว ชอบแล้ว ถูกต้องแล้ว อยู่ๆ มาบอกว่าลาออกไปเถอะ ไม่ต้องรอศาลหรอก ลาออกแล้วบ้านเมือง “ได้คำตอบ” อะไรไหม ว่าจะนับอายุการดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปีกันอย่างไร ในเมื่อนอกจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้ว ยังมีอดีตนายกฯ อย่างนายชวน หลีกภัย,นายอานันท์ ปันยารชุน, นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อีก ที่หากวันหนึ่งวันใดกลับมาเป็นนายกฯ แล้วรัฐธรรมนูญยังไม่มีการแก้ไขเรื่องนี้ เราจะนับอายุการดำรงตำแหน่งนายกฯก่อนหน้ารัฐธรรมนูญนี้ของท่านเหล่านี้ด้วยไหม ดังนั้น หมอชลน่าน เป็น “ฝ่ายนิติบัญญัติ” ที่ “ปากไม่เชื่อมกับสมอง” แน่ๆ

2.ส่วนทักษิณ ไม่ใช่คนที่มีความคิดเป็นบรรทัดฐานอะไรได้ ทั้งในทางกฎหมายและทางจริยธรรม ณ ที่นี้จึงไม่ขอเสียเวลาวิจารณ์

3.ตรีชฎานี้แหละ เหมาะกับคำว่า “ปากไม่เชื่อมกับสมอง” ที่สุด

3.1 ตรีชฎาถามทิพานันว่าเป็นโฆษกประจำสำนักนายกฯ ทำไมมาแก้ตัวให้คนคนเดียว ก็เขา “ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี” เขาแก้ตัวให้นายกรัฐมนตรี มันผิดฝา
ผิดตัวตรงไหนล่ะ? แล้วตรีชฎาเป็นรองโฆษกพรรคเพื่อไทยมาแก้ตัวแทนทักษิณทำไม ทักษิณเป็นอะไรกับพรรคเพื่อไทยหรือ? เขาจ่ายเงินเดือนคุณหรือ? เช่นกัน...แก้ตัวให้ยิ่งลักษณ์ทำไม เกี่ยวกับหน้าที่รองโฆษกพรรคเพื่อไทยอย่างไรหรือ ลองเอา “ปากเชื่อมกับสมอง” แล้วอธิบายมาหน่อยเถิด ส่วน “ประโยชน์ของประชาชน” นั้นเกิดแน่เพราะทิพานันให้ “ข้อเท็จจริง” เพื่อให้ประชาชนไม่หลงเชื่อคำบิดเบือนและตรรกะที่บิดเบี้ยว นั่นแหละ หน้าที่คนเป็น “โฆษก” ที่ไม่ใช่ “โคกระบือ”

3.2 การบอกให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไปเช่าบ้าน ถ้าต้องลี้ภัยก็ไม่ใช่เรื่อง “เจตนาร้าย” อะไรหรอก แต่มันเป็นอาการ “หลอน” น่ะ ทักษิณคงมีสติสัมปชัญญะ “ผิดหลง” นึกว่านายกฯ ทุกคน จะมีมาตรฐานเดียวกันกับตนเสียหมดละกระมัง ทิพานันเขาคงจะนึกสมเพช จึงให้สติว่า “ปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้เป็นเพียงปัญหาข้อกฎหมาย ไม่ใช่ปัญหาที่ผู้นำไม่เคารพกฎหมายหรือไม่มีจริยธรรม เอามาเปรียบเทียบกับการไร้จริยธรรมและการทุจริตคอร์รัปชั่น หนีคดีอย่างนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้”นี่ก็ได้แต่หวังว่า สติปัญญาของตรีชฎา น่าจะมีพอให้ใช้งาน เพื่อจะเข้าใจประเด็นนี้ได้นะครับ

3.3 ที่ตรีชฎาบอกว่า “การทำรัฐประหารยึดอำนาจฉีกรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดถือเป็นกบฏ โทษหนักยิ่งกว่าคดีทุจริต ทุกประเทศต่อต้าน เดินทางไปไหนก็ไม่ได้” นี่ก็ปากไม่เชื่อมกับสมองอีก กบฏ คือ รัฐประหารไม่สำเร็จครับ นี่เขาทำสำเร็จ เขาจึงเป็น “รัฏฐาธิปัตย์” ความรู้พื้นฐานง่ายๆ แค่นี้ ไม่มีในคลังสมองเลยหรือครับ หรือว่าสมองมีพื้นที่จำกัด จุอะไรได้ไม่มาก?

3.4 เกือบจะเคลิ้มตามตรีชฎาแล้วเชียวว่า เธอรังเกียจการ “นิรโทษกรรม” แต่พอนึกได้ว่า เธอเป็นโฆษกพรรคเพื่อไทยนี่หว่า ก็ไม่ใช่พรรคเพื่อไทยหรอกหรือ ที่ออกกฎหมายนิรโทษกรรม โดยใช้เสียงข้างมากที่ประชาชน ซึ่งส่วนมากเป็น “คนเสื้อแดง” เลือกมา หวังให้ปกป้องพวกเขา นำความจริงและความยุติธรรมมาคืนให้แก่พวกเขา แต่สิ่งที่พรรคเพื่อไทยทำ คือใช้พวกเขาเป็นข้ออ้าง ว่าควรต้องสร้างความปรองดองในสังคม ด้วยการออกกฎหมายไม่เอาผิดฆาตกร ไม่ค้นหาความจริง ขนาดคดีคนเสื้อแดงและผู้ชุมนุมถูกฆ่า ที่อยู่ในศาลแล้ว กฎหมายดังกล่าวยังสั่งให้ยุติเลยนี่คือสิ่งที่ตรีชฎา “รับได้” ไม่รู้ไม่ชี้ ไม่สะดุ้งสะเทือนอย่างนั้นหรือ แล้วคนเสื้อแดงเขาจะนึกในใจว่า อีเนรคุณ พรรคทรยศ กันบ้างไหมนะ? ยิ่งการแอบยัดการนิรโทษคดีทุจริตคอร์รัปชั่นนิรโทษแกนนำที่บุกโรงพยาบาล รุมพยายามฆ่านายกรัฐมนตรีที่กระทรวงมหาดไทย ฯลฯ เป็นสิ่งดีงามสำหรับตรีชฎาหรืออย่างไร อยากให้เธออธิบายเรื่องนี้ให้ “คนเสื้อแดง” ฟังจริงๆ

3.5 ตรีชฎาเคยย้อนดูการทำหน้าที่ “โฆษกประจำสำนักนายกฯ” ของคนในพรรคตัวเอง สมัยเป็นรัฐบาลบ้างไหม ว่า ทำอะไรต่างไปจากทิพานัน หรือดีกว่าที่ทิพานันทำคนส่วนหนึ่งในพรรคนี้มี “สันดาน” ตรงกันอยู่อย่างหนึ่งคือ พยายามซ่อนเร้นอดีต ทำเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นและชอบ “เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น” ราวกับเป็น “วัฒนธรรมองค์กร”

3.6 หากตรีชฎาจะมองว่า ทิพานัน “จะชื่นชอบการสืบทอดอำนาจ อยู่ในตำแหน่งจนรากงอก ติดยึดกับตำแหน่ง” แล้วตรีชฎาชื่นชอบอะไร คนหนีคุก คนขี้โกง คนที่ไม่เคารพกระบวนการยุติธรรม? ทิพานันใช้คำว่า “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ก็หน้ามืดตามัวแก้ตัวแทนว่า ยิ่งลักษณ์ไม่ได้โกง คือยอมรับก่อนไหม ว่าการโกงมีจริง แล้วเอาสติปัญญาทั้งหมดเท่าที่มี ใช้ให้หมดเลยนะ อ่านคำพิพากษาศาลอีกครั้ง ว่ายิ่งลักษณ์สามารถระงับยับยั้ง ปิดกั้นป้องกันการโกงได้ แต่ก็ไม่ทำ และคนที่โกงบางคนนั้น โกงมาตั้งแต่รุ่นพี่ชายของเธอแล้ว ยังกลับมาโกงได้อีก นี่คือการ “สืบทอดการโกง” เลยเชียวนะ น่ารังเกียจน้อยกว่าการสืบทอดอำนาจอย่างไรหรือ คุณตรีชฎา

3.7 รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็ไม่ได้ทำนโยบายที่ประกาศไว้หลายนโยบายครับ

สรุป : ขอบอกกล่าวแก่ทุกๆ คนว่า โฆษกที่ดี คือโฆษกที่มีความรู้ มียางอาย ทุกสิ่งที่จะแถลงต้องไม่บิดเบือนความจริง หลักการ ทั้งหลักกฎหมายและหลักจริยธรรม โฆษกคุณภาพไม่ใช่แม่ค้าปากตลาด หิวแสง อยากดัง อยากมีผลงาน แต่ต้องเป็น “สารตั้งต้น” ของความรู้ ความจริง ความดี ความมีปัญญา ให้แก่ผู้คนในสังคม

เอาหลักนี้ไปพิจารณา ทั้งบทบาทของตรีชฎาและทิพานันพร้อมๆ กันเลยนะครับ

แล้วดูซิว่า ใครที่ “ปากไม่เชื่อมกับสมอง”