นานพอหรือยัง ที่ประชาชนโอนอ่อนผ่อนตามไปกับการปลุกปั่นทางการเมือง แบกขั้ว แบ่งข้าง อุปโลกน์สมมุติตนเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ฝ่ายนั้น ฝ่ายดี แบ่งแยก
ประชาชน เพื่อใช้เป็นเสียงสนับสนุนด้วยการ “ขับเน้นอารมณ์” มากกว่าจะให้คำตอบว่า พรรคการเมืองและนักการเมืองของพรรคจะเข้ามา “สร้างอะไร” ให้ดีกว่าเดิม
เป็นสิบๆ ปีแล้วใช่ไหมครับ ที่เราถูกบีบความคิดให้เลือก ไม้กันหมา ยันต์กันผี อยู่กับการเมืองแบบ “หมาหวงที่”รวมฝูงนี้ไว้ยันกับอีกฝูงหนึ่ง
สัปดาห์นี้จึงขอขีด “เส้นใต้บรรทัด” ให้แก่คำว่า“ไทยสร้างไทย” และ “สร้างอนาคตไทย” ซึ่งหัวใจหรือสินค้าที่พวกเขาขาย คือ “สร้าง” จากเดิมการเมืองวนอยู่กับคำว่า “กันมันไว้ อย่าให้มันมา” หรือ “เอาคืนมาจากพวกมัน”
ถึงเวลาที่ฝ่ายการเมืองควรจะคิด “สร้าง” และขายการ “สร้าง” และสำคัญที่คิด ประชาชนควรมีมุมมองในการเลือกใหม่ได้แล้ว
1) ผมพยายามมองดูว่า พรรคการเมืองแต่ละพรรคทั้งเก่าและใหม่ ที่กำลังจะลงสนามการเลือกตั้ง อย่างช้าคือต้นปี 2566 เขา “ขายอะไร” และ “ขายใคร”
2) พรรคเพื่อไทย ขนโคตรญาติตระกูลชินวัตรไป “ขาย” ที่เชียงใหม่ นักปราศรัยอย่าง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว กับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ยังคงขายแนวคิดเดิม คือ เลือกเพื่อไล่ เลือกเราเถอะ เพื่อปิดฉากการสืบทอดอำนาจ 3 ป. แล้วไงต่อ? ได้รัฐมนตรีมานั่งดื่มน้ำเอื๊อกๆ เวลาที่ตอบคำถามสื่อไม่ได้อย่างนั้นหรือ?
3) จึงไม่แปลกที่เมื่ออีสานโพล ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสานมหาวิทยาลัยขอนแก่น สอบถามประชาชนว่าถ้ามีการเลือกตั้งใหม่ ท่านอยากให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจพบว่า อันดับ 1 เป็นของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ร้อยละ 23.4 รองลงมา คือแพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 21.1 เพราะพรรคเพื่อไทย มัวแต่เล่นกับอารมณ์โกรธ เกลียด เบื่อ แต่ไม่สร้างความหวังในอนาคต พอพูดถึงอนาคต ก็จะมีแต่คำถามว่า “ทักษิณจะกลับบ้านไหม” ในขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์ ไปไกลกว่านั้นแล้ว
4) (9 ก.ย.) ที่โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศคุณหญิงสุดารัตน์ ได้ขึ้นแสดงวิสัยทัศน์ โดยกล่าวถึงความมุ่งมั่นในการเชิญชวนพี่น้องประชาชน “มาร่วมกันเปลี่ยนแปลงประเทศ สร้างชีวิตที่ดีกว่ากับพรรคไทยสร้างไทย”โดยระบุว่า ขอบคุณพี่น้องชาวไทยสร้างไทย ที่ได้ให้ความไว้วางใจเลือกเป็นผู้นำพรรค ขอให้คำมั่นว่าจะทุ่มเททำงานอย่างสุดความสามารถ ขอนำประสบการณ์ 30 ปีที่ทำงานรับใช้พี่น้องประชาชน มานำทัพไทยสร้างไทย ให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่เราได้ตั้งปณิธานไว้ โดยเราจะมุ่งมั่นทำงานอย่างหนัก เพื่อร่วมกันเปลี่ยนประเทศ สร้างชีวิตที่ดีกว่าให้กับพี่น้องคนไทยทุกคน เพราะพี่น้องชาวไทยเหนื่อยมามากแล้ว ถูกละเลย ถูกทอดทิ้ง ปล่อยให้สู้ปัญหาเพียงลำพัง โดยขาดการเหลียวแลจากผู้มีอำนาจ
“จากนี้ไปพรรคไทยสร้างไทยขออาสาที่จะเหนื่อยแทนพี่น้องประชาชนทุกคน ทำให้ชีวิตของพี่น้องดีขึ้น จะไม่ปล่อยให้พี่น้องประชาชนต้องสู้กับความยากลำบากตามยถากรรมอีกต่อไป เราขอสู้เคียงข้างพี่น้อง ดิฉันขอสัญญา”
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวต่อว่า 90 ปี ประชาธิปไตย ประชาชนยังถูกบั่นทอนและคุกคามสิทธิเสรีภาพด้อยค่าประชาธิปไตยประชาธิปไตยถูกบิดเบือนด้วยอำนาจเงินอิทธิพลและวาทกรรมต่างๆ ไม่เคยคิดต่อสู้กับระบอบอำนาจนิยมแต่กลับร่วมมือ และกดทับประชาชนโดยเฉพาะคนตัวเล็ก 8 ปีที่ผ่านมาคือการตกผลึกว่าไม่มียุคใดสมัยใดที่ประชาชนโดยเฉพาะคนตัวเล็กถูกละเลย และย่ำยีได้เท่านี้อีกแล้ว กระบวนการยุติธรรมถูกบิดเบือนการคอร์รัปชั่นเป็นไปอย่างมโหฬารไม่มียางอายเพราะระบบตรวจสอบมาจากอำนาจนิยมระบบราชการมุ่งรับใช้อำนาจนิยมประชาชนจึงแทบไม่เหลือตัวตน กระทบถึงภาพรวมทางเศรษฐกิจ จึงได้ประกาศที่จะปลดล็อก อุปสรรคที่ขัดขวางการพัฒนาประเทศทั้งปวง
โดยเริ่มจากการ ปลดล็อกความขัดแย้งทางการเมือง ที่ดำเนินมากว่า 16 ปี เลือกฝั่งหนึ่งก็ติดหล่มเลือกอีกฝั่งก็ติดล็อก ประเทศไปต่อไม่ได้ ไทยสร้างไทยจึงไม่สามารถปล่อยให้ประเทศเป็นเช่นนี้ได้ จึงต้องคืนอำนาจให้กับประชาชน ในการสร้างรัฐธรรมนูญของประชาชนเพื่อประชาชน ผลักดันให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ที่สำคัญที่สุดรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนจะต้องมีบทบัญญัติให้คนล้มล้างรัฐธรรมนูญเป็นกบฏ และต้องรับโทษทัณฑ์สูงสุด ที่ย่ำยีอำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทย
ต่อมาคือการ ปลดล็อกกฎหมายที่เป็นอุปสรรคขัดขวางการทำมาหากินของประชาชน ซึ่งพรรคไทยสร้างไทยได้ร่างกฎหมายพักใช้กฎหมายที่เกี่ยวกับการอนุมัติ อนุญาตรวมถึงโทษอาญาหรือทางปกครองไว้ชั่วคราว3-5 ปี ประมาณ 1,300 ฉบับ ควบคู่กับการทำกิโยตินกฎหมายเพื่อให้เหลือแต่กฎหมายที่จำเป็น
ปลดล็อกที่ 3 คือ การเปลี่ยนรัฐราชการให้เป็นรัฐประชาชนให้สำเร็จ อำนวยความสะดวกให้ประชาชนและส่งเสริมให้ประชาชนในการดำรงชีวิตและการทำมาหากินของประชาชนให้ง่ายขึ้น
ปลดล็อกที่ 4 จากการทุจริตคอร์รัปชั่นอันเปรียบเสมือนมะเร็งร้ายเป็นรากเหง้าของปัญหา ซึ่งได้ฝังรากลึกไปทุกวงการโดยเฉพาะนักการเมืองระดับประเทศนักการเมืองท้องถิ่นราชการและรัฐวิสาหกิจ
“เมื่อปลดล็อกออกจากสิ่งกดทับทั้งปวง พรรคไทยสร้างไทยจะสร้างอำนาจให้ประชาชน ด้วยการส่งเสริมประชาชนคนตัวเล็ก เพื่อรวมตัวกันให้มีอำนาจต่อรอง
ส่งเสริมให้เข้าถึงแหล่งทุนความรู้และการตลาด ซึ่งมั่นใจว่าเมื่อปลดล็อกสิ่งต่างๆ แล้วคนไทยจะสามารถระเบิดศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่เศรษฐกิจไทยจะแล่นทะยานอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ขอให้คนไทยมาร่วมกันเปลี่ยนแปลงประเทศลุกขึ้นมาปฏิวัติไม่ยอมจำนนต่ออำนาจเงินอำนาจรัฐ และใช้ความกล้าหาญกาพรรคไทยสร้างไทยในทุกเขตเลือกตั้ง” หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าว
5) เธอไม่ขายความคั่งแค้นในอดีต แต่พยายามพูดถึงการแก้ปัญหาที่คั่งค้าง และสร้างโอกาสใหม่
6) เช่นเดียวกับ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย ที่กล่าวในวันเปิดตัวว่า การสร้างพรรคการเมืองที่ดีมันมีจริงมันไม่ใช่ของง่าย ตนต้องกลับมาช่วยเหลือน้องๆ ทั้งหมดล้วนเป็นภารกิจหน้าที่ทั้งนั้น ไม่ใช่เพราะตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตำแหน่งนายกฯไม่มีความหมายเลย แต่ที่มีคือ การเป็นผู้นำที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศไทย ประเทศไทยมีนายกฯมาทุกสมัย ดีบ้าง อ่อนบ้าง แต่ยากจริงๆ ที่จะหาผู้นำที่สร้างความเปลี่ยนแปลงในการพัฒนาบ้านเมือง บางทีไม่ใช่เพราะไม่กล้า แต่พลังไม่ถึง บางคนพลังถึงแต่ไม่คิดที่จะทำ เพราะอาเจนด้ามันมีมากกว่า
นายสมคิดกล่าวว่า วันนี้มาด้วยสองวัตถุประสงค์ วัตถุประสงค์แรก มาเพื่อให้กำลังใจพรรค ขอบคุณทางพรรคที่มีความตั้งใจ มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเมืองเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง เพื่อเป็นหลักยึดแก้ไข เพื่อเป็นอนาคตให้กับคนรุ่นหลาน ซึ่งหายากจริงๆ ไม่คิดถึงอนาคต คิดถึงแต่ปัจจุบัน ถ้าเป็นอย่างนั้นบ้านเมืองไปไม่ได้ขอบคุณจริงๆ ที่มีความเด็ดเดี่ยวที่กล้าประกาศว่าเป็นพรรคสายกลาง ไม่คิดสุดโต่ง สุดขั้ว เพราะความคิดแบบนั้น แบ่งฝักแบ่งฝ่าย แบ่งสีแบ่งกลุ่มมันมีแต่ทำลายตัวเอง ทำลายบ้านเมืองจุดสำคัญคือ คุณต้องเป็นกลาง เพื่อเป็นตัวยึดโยงให้พลังในชาติสามารถเป็นพลังแห่งชาติ คิดในสิ่งที่มีประโยชน์ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อชาติบ้านเมืองเป็นใหญ่
สิ่งสำคัญที่สุด ท่านมีความกล้าหาญเพียงพอที่กล้าตั้งพรรคการเมืองในขณะนี้ทั้งที่สถานการณ์ทางการเมืองมันค่อนข้างเละเทะจริงๆ สถานการณ์ที่เงินตราเริ่มเข้ามามีบทบาทสูงมาก การแข่งขันทางการเมืองเริ่มมีลักษณะเหมือนการแข่งขันในสนามม้า มีม้าแข่งที่ต้องซื้อ มีคอกที่ต้องมีเจ้าของ และคอกก็ต้องหาเงินมาเลี้ยงม้า สิ่งเหล่านี้ที่ผ่านมาแม้มีมาตลอด แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่ทุกคนรู้ว่ามันมีอยู่ โจ่งครึ่มเกินไป เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีเลย แล้วคนรุ่นหลังจะหันหลังให้การเมืองไทยตลอด จะไม่ได้คนดีเลย รุ่นใหม่จะไม่อยากเข้ามา ฉะนั้น ความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ ที่จะรวบรวมความคิดอ่านเพื่อเข้าไปช่วยเหลือประชาชนคือความกล้าหาญที่แท้จริง ไม่ต้องไปคำนึง ไปกลัวว่าจะได้กี่เสียง จำนวนเสียงไม่ได้บอกอะไร แต่ศรัทธาของประชาชนคือหัวใจ อย่าคิดว่าเงินตราจะซื้อคอกม้าใหญ่ได้แล้วจะมีพลังในการบริหารประเทศ ถ้าเล่นการเมือง สร้างพรรคการเมือง คิดแต่สร้างผลทางอำนาจ แต่ถ้าไม่มีโครงสร้างทางปัญญา ไม่สั่งสมคนมีความสามารถ สุดท้ายจะไปไม่รอด จะพาบ้านเมืองไปไม่รอดด้วย
“มีคนเคยบอกว่าสมคิดไม่มาแน่นอน เพราะต้นทุนทางสังคมเยอะพอสมควร จะมาอยู่กับพรรคเล็กทำไมผมมาที่นี่ไม่ใช่เพราะตำแหน่งแคนดิเดตนายกฯ แต่ต้องการช่วยพรรคครั้งนี้ เป็นตัวอย่าง เป็นตัวขับเคลื่อน สร้างความเปลี่ยนแปลงกับประเทศไทยในทางที่ถูกต้อง”นายสมคิด ระบุ
นายสมคิดกล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยสถานการณ์หนักกว่าที่คิด และอ่อนเปลี้ยเพลียแรง จำได้ว่ารัฐบาลที่แล้วเมื่อปี 2557 ก่อนที่จะส่งทีม 4 กุมารเข้าไป จีดีพีเหลือเพียง 1% เพราะมีการรัฐประหาร ทำให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องช่วยกันทำงานจนลากจีดีพีขึ้นมาถึง 3-4% แต่ต่อมาต้องมาเจอพิษโควิด-19 และพิษการเมืองที่แสวงหาอำนาจ แต่ไม่แสวงปัญญา เป็นรัฐบาลผสม หรือบุฟเฟ่ต์คาบิเนต มีที่ไหนที่นโยบายประเทศแบ่งกันตามกระทรวง ทางใครทางมัน จึงวอล์กเอาท์ ที่คือความเป็นจริงของประเทศไทย ทำให้จีดีพีหดตัว วันนั้นเรายังไม่มีปัญหาเรื่องการส่งออก และพลังงาน มาวันนี้การส่งออกเริ่มชะลอตัว เมื่อมองไปข้างหน้า เราจะพบมรสุมลูกใหญ่ แล้วเราจะถึงฝั่งได้อย่างไร
นายสมคิดกล่าวว่า วันนี้เรามีนายกฯ แต่คนไหนตัวจริงยังไม่รู้เลย ที่น่ากังวลเพราะว่าเราต้องการนายกฯจริงๆ อย่างไรก็แล้วแต่ต้องมีจริงๆ เพื่อให้โฟกัสไปที่ตัวผู้นำไม่อย่างนั้นใครนำเรือลำนี้ หรือจะให้ข้าราชการนำ ข้าราชการนำไม่ได้ สมัยก่อนนำได้ แต่สิบกว่าปีมานี้ให้หลังไม่ได้ เพราะการเมืองไม่ไหว ทำมากผิดมาก ไม่ทำเลยไม่ผิด คนดีมีความสามารถนิ่งเสียตำลึงทอง ฉะนั้น ทั้งหมดอยู่ที่ผู้นำที่ต้องทุบโต๊ะ ถ้าไม่ช่วยเหลือให้ยุบสภาเลย เก็บไว้ทำไมเมืองไทยจะไปไม่ไหว ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ไม่ใช่ว่าทำไม่เป็น ไม่ใช่ว่าคนไทยไม่ดี คนไทยมีความอดทนสูงมากอายุขนาดนี้ คนไทยไม่เคยบ่น ลำบากก็ไม่บ่น เขามองหาความหวังว่าใครจะมาช่วยเขา ที่น่าเป็นห่วงคือ ถ้าเขามองแล้วความหวังไม่มี พรุ่งนี้ไปตายเอาดาบหน้า อันนี้เป็นส่งที่น่าเป็นห่วง ยิ่งวันยิ่งจน เมื่อจนไม่มีข้าวสารกรอกหม้อการจะเป็นเหยื่อของการปลุกปั่นเกลียดชังจะเกิดขึ้น เพราะจะมีคนปลุกปั่นอยู่ การปลุกปั่นยุยงให้แตกแยกกันไม่มีใครได้ประโยชน์นอกจากคนปลุกปั่น การเป็นปฏิปักษ์กันเองของคนในชาติเป็นสิ่งที่พรรคนี้อย่าให้เกิดขึ้น ต้องมุ่งมั่นเอาคนดีมาร่วมมือกันทั้งในพรรคและนอกพรรค
นายสมคิดกล่าวว่า อยากให้พรรคนี้พยายามเข้าไปกอบกู้และสร้างอนาคตของประเทศไทย ได้ยินว่านายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค จะตั้งกองทุนสร้างอนาคตไทย จึงขอให้แบ่งเป็น 2 ส่วน คือส่วนเร่งด่วน ช่วยเหลือคนยากลำบาก ไม่เช่นนั้นจะอยู่ไม่ได้ ส่วนกองที่สอง คือกองทุนเพื่ออนาคต คนไทยกว่า 60% อยู่ในภาคเกษตรกรรม แต่กลับมีส่วนในจีดีพีน้อย จึงไม่มีอำนาจซื้อ เราจึงต้องเปลี่ยนแปลงและช่วยเหลือคนกลุ่มนี้ นอกจากนี้ ยังต้องปฏิรูปการท่องเที่ยว และทำให้เกิดการหมุนเวียนเม็ดเงินในชุมชุน เมื่อเชื่อมต่อระหว่างการเกษตรยุคใหม่ และการท่องเที่ยว มีหรือที่ชีวิตความเป็นอยู่จะไม่ดีขึ้น ทั้งนี้ ความผิดไม่ได้อยู่ที่การประกัน หรือการจำนำ แต่อยู่ที่การคอร์รัปชั่น จึงต้องปฏิรูปให้ชัดเจน อนาคตข้างหน้าเครื่องยนต์เศรษฐกิจไม่ได้อยู่ที่บริษัทใหญ่ๆ แต่อยู่ที่ทุกคน จึงต้องมีเรื่องของอินเตอร์เนต บิ๊กดาต้าและเทคโนโลยี กองทุนกองที่สองจะต้องเข้าไปหนุน และยกเครื่องทั้งหมด
นายสมคิดกล่าวว่า ทั้งนี้ ผู้นำต้องสร้างความเปลี่ยนแปลง พรรคการเมืองต้องร่วมมือสนับสนุน ต้องสามารถเข้ามาเปลี่ยนแปลงการเมืองได้ ไม่ใช่เลือกตั้งกี่ครั้งก็เหมือนเดิม สภาคือหัวใจ ที่ต้องรื้อกฎหมายเก่า และสร้างกฎหมายใหม่ ถ้าคุณต้องการเปลี่ยนแปลง จะต้องเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ที่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงกติกาเลือกตั้ง แต่ต้องรีฟอร์มครั้งใหญ่ ทั้งการกระจายอำนาจงบประมาณ และระบบราชการ เพื่อให้ไปสู่ทิศทางข้างหน้าให้ได้ ต้องไม่ใช่จากใครที่มาเขียนรัฐธรรมนูญ ต้องให้คนทุกเพศทุกวัยเข้ามามีส่วนร่วม รวมถึงคนรุ่นใหม่ พรรคสร้างอนาคตไทยจะต้องดึงภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม เพราะพรรคจะโตขึ้นจากการที่ประชาชนให้การสนับสนุน กลายเป็นพลังที่อยู่ข้างหลัง จนพรรคใหญ่ก็ต้องฟัง
นายสมคิดกล่าวว่า อย่าหวงอำนาจ หวงตำแหน่ง การที่ประสบความสำเร็จ อย่าแสวงหาอำนาจ ต้องแสวงหาคนอย่ามาบอก 7 คน 1 ที่นั่ง ตนไม่ฟัง ถ้ามี สส.คนไหนในพรรคที่เดินออกนอกลู่นอกทาง พร้อมทรยศอุดมการณ์ พร้อมขอนายอุตตมใช้มติกรรมการบริหารพรรคไล่เขาไป เราต้องเป็นพรรคของประชาชนที่แท้จริง ต้องทำให้ดีที่สุด และเราต้องไม่มีศัตรู ต้องมีมิตร เราไม่ได้เก่งคนเดียว คนอื่นเขาก็เก่งเหมือนกัน คนไทยรอไม่ได้ มันถึงจุดนี้ถ้ารอต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง มิเช่นนั้นลูกหลานคงไปอยู่เมืองนอก
“ผมมาที่นี่ อย่าพูดไปเรื่อยๆ ว่าจะให้ผมเป็นนายกฯเพราะการเป็นนายกฯฟ้าลิขิตครับ แต่ผมพร้อมที่จะเป็นผู้นำให้พวกคุณ ฉะนั้น ถ้าหากว่ายอมรับสิ่งเหล่านี้ได้ ผมพร้อมจะเป็นประธานพรรคให้ท่าน รับหรือไม่รับ” ทำให้นายอุตตม นำสมาชิกลุกขึ้นตะโกนว่า “รับๆ” พร้อมตะโกนว่า “สมคิด”
7) ต่อมา นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์เฟซบุ๊คว่า
“อยู่ที่ประชาชนพอใจวันนี้ และวางใจในอนาคตหรือไม่ แม้เราอยากเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจ แต่ประชาชนไม่เปลี่ยน ก็จบ!!”
จึงเป็นเรื่องท้าทายอย่างยิ่ง ว่า ประชาชนจะเคลื่อนตัวเข้าหา “อนาคต” พลิกโฉมประเทศผ่านการเลือกตั้งด้วยโจทย์ของการเลือกที่เปลี่ยนไป หรือจะเลือกเฉพาะขั้วไหนขั้วนั้นกันอย่างเดิม โดยมองเรื่องนโยบายเป็นเรื่องสำคัญน้อยกว่า หรือถึงขั้นไม่สำคัญเลย!!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี