หนังสือพิมพ์นิกเกอิเอเชียเสนอรายงานพิเศษเรื่อง “จับอดีตทูตอังกฤษประจำเมียนมาเป็นสัญญาณว่าในพม่าไม่มีใครปลอดภัยอีกต่อไป”
นิกเกอิให้รายละเอียดว่า นางวิกกี โบว์แมนถือเป็นบุคคลผู้ทรงอิทธิพลทางความคิดในหมู่นักลงทุนต่างชาติที่อยู่ในประเทศเมียนมา ตลอดถึงคนธรรมดาสามัญทั่วไป เธอเป็นผู้กว้างขวาง และมีคอนเนคชั่นหลากหลายทั้งในวงการทูตและเครือข่ายทางการเมืองจากสามีที่เคยเป็นนักโทษการเมือง เป็นนักกิจกรรมการเมืองที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่สมัยที่นักศึกษาถูกปราบปรามครั้งใหญ่ปี 888 (เหตุการณ์ 8 ส.ค.2531 ที่รัฐบาลพลเอกซอ หม่องปราบปรามผู้ประท้วงอย่างรุนแรง=ผู้เขียน)
อดีตทูตอังกฤษประจำเมียนมา ผู้ผันตัวเป็นเอ็นจีโอ และก่อตั้ง “ศูนย์ความรับผิดชอบทางธุรกิจ” (Responsibility Business) โบว์แมน อุทิศตนอย่างมุ่งมั่นในการเคลื่อนไหว เพื่อให้มีความรับผิดชอบทางธุรกิจทั้งจากนักลงทุนต่างชาติและนักธุรกิจพม่า
นิกเกอิ รายงานด้วยว่า “ศูนย์ความรับผิดชอบทางธุรกิจ” ของเธอได้รับทุนสนับสนุนจากองค์กรต่างประเทศทั้งภาครัฐ และเอกชน อาทิ จากประเทศอังกฤษ นอร์เวย์ สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก และอื่นๆ ศูนย์ฯนี้เป็นที่จัดการอบรมสัมมนา วิจัยและแลกเปลี่ยนประสานงานออกแถลงการณ์ร่วมระหว่างองค์กรธุรกิจ ผู้บริหารและแรงงาน เร็วๆ นี้ วิกกี โบว์แมน ออกแถลงการณ์แสดงความไม่พอใจการจำกัดใช้อินเตอร์เนต ตลอดถึงกิจกรรมของรัฐบาลทหาร ฯลฯ
นักลงทุนต่างชาติในเมืองย่างกุ้ง ผู้ไม่ประสงค์เปิดเผยนามกล่าวกับนิกเกอิว่า “การจับโบว์แมนอดีตนักทูตผู้กว้างขวางและศาลตัดสินจำคุกเธอแสดงให้เห็นว่า ไม่มีใครปลอดภัยในพม่าอีกต่อไป” เขากล่าว
นักการทูตจากประเทศตะวันตกกล่าวกับนิกเกอิ ว่า การที่ศาลตัดสินคดีอย่างรีบเร่งแสดงว่ารัฐบาลทหารพม่ากำลังหาทางเนรเทศ โบว์แมนและสามีของเธอให้ได้กลับไปอยู่กับลูกสาวของพวกเขาในลอนดอน “#อย่างไรก็ตามการจับกุมอดีตทูตครั้งนี้ เป็นสัญญาณเตือนที่แข็งกร้าวว่า คนต่างชาติไม่ควรยุ่มย่ามกับกิจการภายในพม่า” นักการทูตผู้ไม่ประสงค์เปิดนามกล่าว
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่าเมื่อวันศุกร์ที่ 2 ก.ย.ว่า ศาลที่ควบคุม โดยรัฐบาลทหารเมียนมาตัดสินจำคุก วิกกี โบว์แมน อดีตเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำเมียนมา และ เถิ่ง ลิน สามี ซึ่งเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงชาวเมียนมาคนละ 1 ปี จากความผิดละเมิดกฎหมายคนเข้าเมือง
โบว์แมน เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำเมียนมาระหว่างปี 2545-2549 โดนจับกุมพร้อมสามีที่บ้านพักในนครย่างกุ้งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในความผิด ไม่ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าเธอพักอาศัยอยู่ในอีกเมืองของเมียนมา ต่างจากที่อยู่ในนครย่างกุ้ง ซึ่งระบุไว้ในใบรับรองการลงทะเบียนชาวต่างชาติของเธอ ส่วนสามีของเธอโดนจับ ในข้อหาให้การช่วยเหลือเธอ
แหล่งข่าวจากกลุ่มชาติพันธุ์บอก กับแนวหน้าว่า หลังจากพลเอกมิน อ่อง หลาย ยึดอำนาจจากพรรคเอ็นแอลดีของ นางออง ซาน ซู จี โบว์แมน กับเถิ่งลินสามี ซึ่งเป็นนักกิจกรรมทางการเมืองใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่ กะโล้ เมืองชนบททางภาคใต้ของรัฐฉาน ที่มีการเคลื่อนไหวของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารพม่าที่เรียกว่า “กองกำลังพิทักษ์ประชาชน” (People Defense force=PDF)
“บางทีการที่อดีตทูตไปอาศัยอยู่บ้านกะโล้ อาจทำให้รัฐบาลทหารสงสัยว่า เธอเกี่ยวข้องกับ พีดีเอฟ ก็เป็นไปได้” แหล่งข่าวในกลุ่มชาติพันธุ์ กล่าว
พีดีเอฟ เป็นกองกำลังติดอาวุธของรัฐบาลสามัคคีแห่งชาติ (National Unity Government=NUG) พรรคเอ็นแอลดี เป็นรัฐบาลเงาที่ได้รับการสนับสนุนจากตะวันตกโดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐอเมริกา
ในขณะที่ตะวันตกโหมกระแสกดดันให้ปล่อยตัวอดีตทูต และนักการทูตมีความเห็นว่าการที่ศาลตัดสินคดีอย่างฉับไวเป็นสัญญาณว่าอดีตทูตอาจถูกเนรเทศในไม่ช้า แต่สื่อออนไลน์ฝ่ายที่สนับสนุนรัฐบาลทหารพม่า สงสัยว่า วิกกี โบว์แมน เป็นสปายให้ประเทศตะวันตก
เอนพีนิวส์ สื่อออนไลน์ที่สนับสนุนรัฐบาลทหารพม่า รายงานเมื่อวันที่ 5 สิงหาคมว่า “วิกกี โบแมนอาจเป็นหน่วยข่าวกรอง เอ็มไอ 6 เพราะเอกอัครราชทูตและเลขานุการ คือ สายลับ เอ็มไอ 6 หรือหน่วยข่าวกรองของประเทศนั้นๆ วิกกี โบว์แมน อาจไม่ได้ออกจากประเทศเร็วๆ นี้ ดังที่พวกเขาคิด เพราะการกระทำของเธอที่ส่อไปในทางที่เป็นสายลับจึงถูกจับ ดังนั้น การกระทำของวิกกี โบว์แมน อาจมีคดีอื่นๆ ตามมาก็ได้..”
พิเคราะห์จากพฤติกรรมของอดีตทูตอังกฤษประจำประเทศเมียนมา ซึ่งนำมาสู่การจับกุมและศาลสั่งจำคุกเธอ ทำให้นึกถึงนสพ.เดอะ การ์เดี้ยน ประเทศอังกฤษ ที่เสนอรายงานพิเศษเรื่อง “สาวสังคมผู้ทำให้เจ้าหน้าที่นาโตในเมืองเนเปิลส์หลงเสน่ห์เป็นสายลับรัสเซีย”
เดอะ การ์เดี้ยน อ้างคณะผู้สอบสวนชุดหนึ่งว่า พวกเขาได้ฉีกหน้ากากสายลับของหน่วยงานมั่นคงรัสเซีย ที่ฝังตัวอยู่ลึกมากของ GRU รัสเซียว่า “สายลับสาวใช้เวลานานเป็นทศวรรษปลอมตัว เป็นนักออกแบบเครื่องประดับเชื้อสายลาตินอเมริกา และ ทำตัวหรูเป็นสาวสังคมเข้าร่วมสังสรรค์กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของนาโตที่ประจำการอยู่ในเมืองเนเปิลส์
ทีมสอบสวนเปิดเผยว่าสายสับผู้ใช้ชื่อจัดตั้งว่า #มาเรีย อเดลา คูห์เฟต ริเวอร่า ซึ่งบอกคนทั่วไปว่าเธอเกิดจากพ่อเยอรมันและแม่เปรูในเมืองคาเลาประเทศเปรู ความจริงคือเธอเป็นสายลับ GRU ของรัสเซีย
จากข้อมูลของสื่อสอบสวนร่วมมือกันรวมทั้ง Le Republica ในอิตาลี และ The spiegal ในเยอรมนีและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับ เดอะ การ์เดี้ยน ก่อนที่จะเผยแพร่เรื่อง “ริเวอร่า” ต่อสาธารณะ เปิดเผยว่า
GRU วางสายลับนอกกฎหมายมานานหลายปีกล่าวคือ คนที่ GRU ให้ทำงานโดยไม่ได้รับความคุ้มครองทางการทูต และคนที่อาศัยอยู่ภายใต้การปลอมตัวในต่างประเทศ เป็นสายลับที่ฝังตัวลึกมากและปลอมตัวเป็นคนต่างชาติ
หน่วยงานลับของรัสเซีย ใช้คนพวกนี้นอกกฎหมายตั้งแต่ยุคโซเวียตในบางกรณีพวกเขาใช้ชีวิตภายใต้ชื่อปลอม อยู่นานเป็นทศวรรษ
สายลับผู้ใช้ชื่อ “ริเวอร่า” เคลื่อนไหวไป-มาระหว่างกรุงโรม มอลตา และปารีส ในที่สุดก็ตั้งฐานปฏิบัติการในเมืองเนเปิลส์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางกองบัญชาการปฏิบัติการร่วมพันธมิตรนาโต ราวปี 2556สายลับรหัส “ริเวอร่า” เปิดร้านอัญมณีเครื่องประดับ วางตัวในบทบาทของสาวสังคมชั้นสูง
ผู้คุ้นเคยกับเธอกล่าวว่า การได้รับตำแหน่งเลขาฯสโมสรไลออนส์สากลสาขาเนเปิลส์ ริเวอร่า ได้มีโอกาสใกล้ชิดเป็นเพื่อนสนิทกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของนาโต และได้แทรกซึมเข้าไปในหมู่ลูกจ้างนาโต เจ้าหน้าที่ระดับสูงนาโตคนหนึ่งบอกสื่อสืบสวนสอบสวนว่าเขาเคยมีสัมพันธ์ลึกซึ่งกับริเวอร่า ในระยะเวลาสั้นๆ
โดยประเพณีปฏิบัติแล้ว พวกสายลับนอกกฎหมายปลอมตัว ได้แนบเนียนยากมากที่ฝ่ายต่อต้านจารชนจะค้นพบ แต่ในโลกของข้อมูลชีวะมิติ(biometric data) ที่ ซอฟต์แวร์ จดจำใบหน้า และอัตลักษณ์บุคคลตลอดถึงลายนิ้วมือได้ ทำให้การสอบสวนเป็นไปได้ และทำให้รัสเซียยากมากที่จะเก็บความลับของสายลับนอกกฎหมายคนนี้เอาไว้ได้
ครัสโต โครเซฟ ผู้นำทีมสอบสวนที่ชื่อเบลลิงแคต ให้สัมภาษณ์ว่า เขาได้พบร่องรอยของ GRU จากข้อมูลการผ่านแดนเบลารุส ที่แฮกเกอร์ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลจัดให้
การค้นหาเส้นทางผู้ถือหนังสือเดินทางรัสเซียซึ่งมีเลขรหัสบ่งชี้ระดับปฏิบัติการ GRU เขาพบหมายเลขที่สะดุดตาจำนวนหนึ่ง ส่วนใหญ่เป็นชื่อชาวรัสเซีย แต่ที่เด่นชัดมากเป็นพิเศษชื่อ มาเรียอเดลา คูห์เฟต ริเวอร่า
เมื่อเจาะลึกลงไป โครเซฟ พบว่า ริเวอร่า ใช้หนังสือเดินทางรัสเซีย ที่มีเลขรหัสเคยใช้ในฝ่ายปฏิบัติการของผู้อื่น รวมถึงเลขรหัสของจารชน
ผู้ถูกสั่งฟ้องข้อหาใช้ยาพิษสังหารพ่อค้าอาวุธชาวบัลกาเรีย ชื่อ อิมิเลี่ยน เกเบรพ และจารชนของ GRU คนอื่นๆ ที่โจมตี นายเชอร์ไก สครีปอล และลูกสาวเขาใน Salisbury ในปี 2561
รายงานสืบสวนสอบสวนของทีมเฉพาะกิจครั้งนี้ยาวและลึกลับซับซ้อนมาก จำเป็นต้องสรุปสั้นๆ ว่า “สายลับรัสเซีย รหัส “ริเวอร่า” ใช้เวลาหลายปีแทรกซึมเช้าไปในกองบัญชาการร่วมพันธมิตรนาโต และมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงนาโต ก่อนหายตัวไปจากจุดนั้นในปี 2562 ฝ่ายสอบสวนได้พบร่องรอยของเธออีกครั้งจากเฟซบุ๊คโพสต์จากประเทศมอลตา
จึงพิเคราะห์ได้ว่า “ริเวอร่า” ได้ข้อมูลบางส่วนจากกองบัญชาการปฏิบัติการร่วมพันธมิตรนาโต และอาจเป็นข้อมูลบางส่วนที่ทำให้รัสเซียเปิดฉากปฏิบัติการพิเศษทางทหารกับยูเครน เมื่อวันที่ 24 ก.พ.เป็นปฏิบัติการเปิดฉากก่อนหน้าที่นาโต คาดการณ์ไว้หลายสัปดาห์
ในกรณีศาลสั่งจำคุกอดีตทูตอังกฤษประจำเมียนมา จะเหมือน “ริเวอร่า” หรือ ไม่ขึ้นอยู่กับเมียนมาเป็นผู้พิจารณาแต่ที่แน่ๆ คือ รัฐบาลทหารพม่า สงสัยในพฤติกรรมของคนต่างชาติมากถึงได้จับขังคุกมาแล้วหลายรายไม่ว่าจะเป็น ออสเตรเลีย อเมริกัน อังกฤษ และญี่ปุ่น
หนึ่งในข้อกล่าวหานางออง ซาน ซู จี ในการยึดอำนาจคือสมคบกับต่างชาติละเมิดกฎหมายความมั่นคงแห่งรัฐว่าด้วยความลับทางราชการ
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี