นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตเจ้าพ่ออ่าง ออกมาแขวะคดีโรงพักทดแทน หลังศาลฎีกาฯ พิพากษายกฟ้อง
ทำทีพูดจาเทียบเคียงกับคดีจำนำข้าวของยิ่งลักษณ์
อ้างว่า ยิ่งลักษณ์ผิด แต่สุเทพไม่ผิด ทั้งๆ ที่ เป็นผู้กำกับดูแลระดับนโยบายเหมือนกัน
1. นายสันติสุข มะโรงศรี ผู้ดำเนินรายการข่าวสถานีท็อปนิวส์ และคอลัมนิสต์แนวหน้า โพสต์เฟซบุ๊คว่า
“มีคนพยายามเอาคดีกำนันสุเทพ ไปเทียบคดียิ่งลักษณ์
อ้างว่า ระดับกำกับดูแลเหมือนกัน แต่ยิ่งลักษณ์กลับไม่รอด สุเทพรอด
เปรียบเทียบมั่วๆ โยงมั่วๆ
1. ยิ่งลักษณ์ไม่รอด เพราะไม่ระงับยับยั้งการขายข้าวจีทูเจี๊ยะ นางรับรู้ยุทธศาสตร์การขายข้าวจีทูจีจากรมต.พาณิชย์โดยตรงก่อนหน้านั้นด้วยนะ แล้วในสภาอภิปรายแฉชัดเจน สตง.ก็เตือน ถ้ารู้แล้วระงับยับยั้งเสียตอนนั้น ยังส่งมอบข้าวกันไม่หมดเลย แต่นางก็ไม่ (ศาลยังยกประโยชน์เรื่องข้าวถุง นางรู้ แล้วยังยกเลิกตอนท้าย)
2. สุเทพรอด เพราะ สตช.เปลี่ยนรูปแบบวิธีการจัดจ้างสร้างโรงพัก 6,200 ล้าน เป็นอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบของหน่วยงาน ไม่ต้องเสนอ ครม. แล้วก็ประมูลได้ต่ำกว่าราคากลาง 540 ล้าน ไม่พบการเรียกรับเงิน ไม่พบการฮั้วประมูล แถมมีการบิดราคาแข่งกันหลายครั้ง ทำสัญญากันปี’52 ส่วนที่มีการอภิปรายในสภากันน่ะ นั่นมันปี’55ยุครัฐบาลเพื่อไทย ภายหลังจากการก่อสร้างไม่เป็นไปตามสัญญา ปัญหาอยู่ที่การติดตามควบคุมการก่อสร้างให้เป็นไปตามสัญญาต่างหาก
แม้จะเกลียดใครยังไง เมื่อไม่มีหลักฐานเอาผิดเขา แล้วเขายืนหยัดพิสูจน์ตัวเองในศาล ไม่หนีคดีไปไหน ถ้าเป็นลูกผู้ชายหรือวิญญูชน ก็ต้องยอมรับ ไม่ใช่ยังพยายามบิดเบือนโจมตีเพื่อให้สังคมเข้าใจผิด”
2. การที่นายชูวิทย์อ้างว่า ไม่มีหลักฐานถึงยิ่งลักษณ์ในคดีจำนำข้าวนั้นไม่เป็นความจริง
ควรไปศึกษาคดีจำนำข้าวเสียใหม่
จะได้เข้าใจว่า ยิ่งลักษณ์ละเว้น ไม่ระงับยับยั้งความเสียหายจากการดำเนินโครงการจำนำข้าวอย่างไร?
อายเด็กรุ่นหลังมันบ้าง
3. พูดถึงเรื่องหลักฐาน ที่พยายามจะให้คนสับสน เข้าใจผิดในคดีโรงพัก
ก็ในเมื่อศาลชี้ว่า ไม่ผิดในเรื่องฮั้วประมูล ก็แสดงว่าการประมูลจัดซื้อจัดจ้างนั้นไม่ผิด ทำไมไม่คิดอย่างเป็นเหตุผลเสียล่ะว่า การก่อสร้างทำไมจึงไม่แล้วเสร็จตามสัญญา ใครบริหารจัดการสัญญาย่างไร ใครไปขยายเวลาให้ทำไม แล้วใครควรจะโดนไล่เบี้ยเรียกค่าเสียหายอย่างไร
การจะเอาผิดใครได้ จะต้องมีหลักฐาน จึงจะเป็นธรรม เป็นไปตามกฎหมาย
อย่างกรณีการจะเอาผิด หรือยึดทรัพย์นักธุรกิจอาบอบนวด ที่ได้ชื่อว่า เหยียบหิมะไร้ร่องรอย แต่ย่อมสามารถดำเนินการได้เมื่อปรากฏพยานหลักฐานชัดเจน
เรียนรู้จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1800/2554 อัยการร้องให้ศาลยึดทรัพย์คดีนักธุรกิจอาบอบนวด
ศาลฎีกาพิพากษาให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินได้ เพราะเห็นว่ามีหลักฐานชัดเจน
ศาลฎีกาวินิจฉัยไว้อย่างน่าสนใจ เป็นอุทาหรณ์สอนใจ
ศาลฎีกาพิเคราะห์ว่า ผู้ร้อง (อัยการ) มีนางสาวสุมาลี ฝุ่นทอง และนางสาวจงกลณี จันต๊ะมูล มาเบิกความได้ความในทำนองเดียวกันว่า ก่อนเกิดเหตุพยานทั้งสองต่างทำงานเป็นพนักงานอาบอบนวดอยู่ที่สถานบริการอาบอบนวดจูเลียน่าต่อมานายสมชาย เจนใจ พาพยานทั้งสองไปทำงานที่สถานบริการอาบอบนวดฮอนโนลูลู โดยนายสมชายทำบัตรประจำตัวประชาชนปลอมให้แก่พยานทั้งสองเพื่อให้มีอายุสิบแปดปี จากนั้นพาพยานทั้งสองไปสมัครงานที่สถานบริการอาบอบนวดฮอนโนลูลู โดยกรอกใบสมัครระบุอายุตามบัตรประจำตัวประชาชน และฝึกงานกับพนักงานอาบอบนวดผู้มีประสบการณ์หรือแม่ครู โดยฝึกให้อมอวัยวะเพศแก่ลูกค้า ให้เน้นบริการทางเพศแก่ลูกค้า มีเพศสัมพันธ์กับลูกค้าโดยให้เอาใจลูกค้า จากนั้นพยานทั้งสองไปพบคนเชียร์แขก ถอดเสื้อผ้าให้ดู ติดเบอร์และเข้าไปในห้องกระจกโดยมีค่าตัวหนึ่งพันเก้าร้อยบาทต่อรอบ ซึ่งพยานจะได้รับเก้าร้อยบาท สถานบริการดังกล่าวจะได้รับหนึ่งพันบาท แต่นายสมชายเป็นผู้รับค่าตัวจำนวนเก้าร้อยบาท แทนพยานทั้งสองทุกครั้ง ในการทำงานมีค่าใช้จ่ายในการแต่งหน้าหนึ่งร้อยบาท ค่าทำผมหนึ่งร้อยบาท ค่าเช่าชุดหนึ่งร้อยบาท ค่าตะกร้าใส่อุปกรณ์อาบอบนวดโดยมีถุงยางอนามัยรวมอยู่ด้วยคิดเป็นเงินหนึ่งพันบาท แต่หากของในตะกร้าหมดพยานทั้งสองจะต้องให้แม่บ้านซื้อจากคลังสินค้าของสถานบริการดังกล่าว โดยหักเงินจากพยานทั้งสองและต้องจ่ายค่าตะกร้าอีกรอบละยี่สิบบาท และค่าแม่บ้านซึ่งถือตะกร้ารอบละยี่สิบบาท ค่าพนักงานเชียร์แขกรอบละสองร้อยบาท สถานบริการดังกล่าวจัดให้มีการตรวจเลือดทุกสองเดือน เสียค่าใช้จ่ายครั้งละประมาณสองร้อยบาท ในแต่ละวันหลังจากพยานทั้งสองแต่งหน้าทำผมและเปลี่ยนชุดแล้วจะเข้าไปนั่งในห้องกระจก เมื่อลูกค้าเลือกใช้บริการ พยานทั้งสองจะมาพบพนักงานเชียร์แขกและลูกค้าพนักงานที่เคาน์เตอร์จะมอบป้ายห้องและใบลงเวลาทำงานรอบละสองชั่วโมง จากนั้น พยานจะพาลูกค้าขึ้นไปบนห้องตามป้ายห้อง ภายในห้องมีโทรทัศน์ อ่างอาบน้ำ โซฟา และเตียงนอนแม่บ้านจะนำตะกร้าอุปกรณ์มาให้ โดยแม่บ้านจะเตรียมอ่างอาบน้ำ โดยเปิดน้ำลงในอ่างแล้วใส่สบู่ตีฟอง เมื่อแม่บ้านออกไปแล้ว พยานและลูกค้าจะถอดเสื้อผ้าออและลงไปในอ่างอาบน้ำ พยานจะอาบน้ำให้ลูกค้า เช็ดตัวให้ลูกค้าและพาไปที่เตียงนอน พยานจะใช้ปากอมอวัยวะเพศให้ลูกค้า และร่วมประเวณีกับลูกค้าโดยให้ลูกค้าสวมถุงยางอนามัย นอกจากนี้ ยังได้ความจากพยานทั้งสองว่า พยานทั้งสองทำงานในสถานบริการอาบอบนวดฮอนโนลูลูได้ประมาณสิบห้าวัน แล้วไม่ได้ทำงานต่อ เนื่องจากนายสมชายไม่แบ่งเงินให้ ในการทำงานพยานทั้งสองจะถูกนายสมชายบังคับให้ทำงาน บางครั้งเวลามีรอบประจำเดือน นายสมชายจะบังคับให้ใช้ยาเลื่อนประจำเดือน บางครั้งให้ใช้ฟองน้ำสอดเข้าไปในช่องคลอดเพื่อไม่ให้ประจำเดือนไหลออกมา สำหรับรายได้จากค่าบริการของพยานทั้งสองนั้นนายสมชายจะรับจากสถานบริการ โดยนายสมชายจะต้องจ่ายเงินให้แก่คนเชียร์แขกด้วยหากพยานทั้งสองไม่ยอมให้บริการทางเพศแก่ลูกค้า ลูกค้าจะแจ้งให้คนเชียร์แขกทราบ คนเชียร์แขกจะแจ้งให้นายสมชาย นายสมชายก็จะทำร้ายพยานทั้งสอง
ผู้ร้อง (อัยการ) ยังมีนายพรชัย บริบูรณ์ไพโรจน์ มาเบิกความว่า พยานได้รับการติดต่อจากสารวัตรอานนท์เจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจนครบาลมักกะสันให้ไปเที่ยวสถานบริการอาบอบนวดฮอนโนลูลู โดยสารวัตรอานนท์มอบเงินค่าใช้จ่ายจำนวนสองพันบาทให้พยานด้วย ต่อมา วันที่ 28 สิงหาคม 2546 เวลาประมาณ 22 นาฬิกา พยานไปสถานบริการดังกล่าวซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนพระราม 9 สภาพตึกถูกสร้างเป็นรูปเรือใช้ชื่อว่า เลิฟ โบ๊ท คลับ แต่มีป้ายขนาดใหญ่ชื่อ ฮอนโนลูลู สภาพภายในปูด้วยพรมสีแดง ด้านซ้ายมือมีตู้กระจกสำหรับให้ผู้หญิงบริการนั่ง แต่ในวันดังกล่าวไม่มีผู้หญิงบริการนั่ง พยานเดินไปถามพนักงานของสถานบริการหรือคนเชียร์แขกว่า เหตุใดไม่มีหญิงบริการนั่งอยู่ในตู้กระจก ได้รับแจ้งว่า วันนี้มีลูกค้ามาเที่ยวจำนวนมาก ให้พยานรออยู่ก่อน หลังจากนั้นประมาณสิบห้านาที มีหญิงบริการลงมาพบพยานที่หน้าประตูลิฟต์ใกล้บริเวณที่จ่ายเงิน ขณะนั้น เป็นรอบสุดท้ายของการให้บริการ ซึ่งลูกค้าจะต้องจ่ายเงินค่าบริการก่อน หากเป็นการบริการรอบอื่นๆ ลูกค้าจะจ่ายเงินเมื่อใช้บริการเสร็จแล้ว เหตุที่ต้องจ่ายเงินก่อนใช้บริการรอบสุดท้าย เนื่องจากพนักงานรับเงินจะกลับบ้านก่อน
เมื่อพยานจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว ผู้หญิงบริการที่จะนวดให้พยานจะได้รับบัตรพลาสติกสีแดงหรือซิปจากพนักงานเก็บเงิน หลังจากนั้น พยานกับผู้หญิงได้ขึ้นไปที่ชั้น 3 ห้องหมายเลข 307 ภายในห้องดังกล่าวมีสภาพเหมือนโรงแรม อ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ แต่ไม่มีฉากกั้น มีเตียงนอนขนาดสองคน ห้องดังกล่าวไม่มีกลอนประตู พยานสอบถามหญิงบริการแจ้งว่า เจ้าของสถานบริการให้ถอดกลอนประตูออก แต่พยานไม่พบเห็นป้ายปิดประกาศว่าห้ามค้าประเวณี เหมือนกับที่พยานเคยพบป้ายดังกล่าวที่สถานนวดแผนโบราณ เมื่อเข้าไปในห้องแล้ว พยานต้องรอพนักงานหรือแม่บ้านของสถานบริการดังกล่าวนำตะกร้าใส่ครีมอาบน้ำ ยาสระผม น้ำยาบ้วนปาก ถุงยางอนามัย และกระดาษชำระ ซึ่งเป็นตะกร้าประจำตัวของหญิงบริการมาให้ ระหว่างนั้น พยานกับหญิงบริการจะพูดจาทำความรู้จักกัน แล้วหญิงบริการชวนพยานอาบน้ำ โดยหญิงบริการและพยานต่างถอดเสื้อผ้าออกทุกชิ้น หญิงบริการอาบน้ำให้พยานเสร็จแล้วเช็ดตัวให้พยานขึ้นไปนอนรอบนเตียง หญิงบริการขึ้นไปบนเตียงแล้วใช้ปากเล้าโลมตามร่างกายพยานเพื่อกระตุ้นความรู้สึกทางเพศ เมื่ออวัยวะเพศของพยานแข็งตัว หญิงบริการจะสวมถุงยางอนามัยให้แก่พยานแล้วร่วมประเวณีกัน จนพยานสำเร็จความใคร่ หลังจากนั้น พยานให้หญิงบริการทำความสะอาดร่างกายให้พยาน ในวันนั้น พยานใช้เวลาในการรับบริการประมาณหนึ่งชั่วโมง สามสิบนาที ในวันรุ่งขึ้น พยานจึงรายงานให้สารวัตรอานนท์ทราบ...
นี่ต้องมีพยานหลักฐานถึงขนาดนี้
ในที่สุด ศาลจึงพิพากษายึดทรัพย์ได้
อาบอบนวดของใคร กระทำการอล่างฉ่างอย่างนั้น ชูวิทย์รู้มั้ย?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี