“คนเพ้อเจ้อจะทำนั่นโน่นนี่มากมาย มักไม่ได้ทำจริงเพราะมัวแต่เพ้อ คนจริงทำงานสำเร็จ โดยไม่มีเวลาโอ้อวด” โอวาทธรรมพระเกจิชื่อดังสายปฏิบัติ วิปัสสนากรรมฐาน “หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ” วัดสะแก อำเภออุทัย พระนครศรีอยุธยา ใช้ได้กับนักการเมืองจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง เกือบ 20 ปีของ “ระบอบทักษิณ”เกิดเสียงเห่าหอนที่เป็นนามธรรมมากกว่าผลงานที่เป็นรูปธรรม
ดูได้จากคดีทุจริตคอร์รัปชั่นที่ศาลฎีกาแผนกคดี อาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาจำคุกในหลายคดีการันตีข้อเท็จจริงมิใช่หรือ
ในวันที่แน่นอนว่า “นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไม่อาจตีตนเสมอ “ทายาทสัมภเวสีโทนี่วู้ดซัม” อย่าง “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เพื่อไปเป็นเบอร์ 1 ในชื่อ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้ง ปี 2566 ทั้งพรรคเพื่อไทยยังใช้นโยบายเศรษฐกิจนำในการหาเสียงในสนามเลือกตั้งอีกต่างหาก
ทำให้ชื่อของนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่าง “เสี่ยนิด-เศรษฐา ทวีสิน บิ๊กบอส บจม.แสนศิริ” ที่หอมฟุ้งเข้ามาอยู่ในลำดับที่มีการคาดหมายว่า จะถูกเสนอชื่อเป็นเบอร์ 1 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 88 ในรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 เพื่อบรรลุเป้าหมาย “แลนด์สไลด์”เพื่อไทย
“เศรษฐา”ที่ไม่ค่อยแสดงความคิดเห็นทางการเมืองนักก็แสดงภูมิปัญญาถี่ขึ้นผ่านสื่อโซเชียลยอดฮิตทั้งเฟซบุ๊คและทวิตเตอร์ ยิ่ง “ทายาท 35 กะรัต-อุ๊งอิ๊ง แพทองธารชินวัตร” หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แบ่งรับแบ่งสู้พร้อมสนับสนุนคนพร้อมมาทำหน้าที่ “นายกรัฐมนตรี” ทำให้กระแส “เจ้าพ่ออสังหาฯ”แรงขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
แต่เป็นไปได้หรือที่ “แลนด์สไลด์” ครั้งนี้เพื่อ “ขี้นอกไส้” อย่าลืมว่าเป้าประสงค์ครั้งนี้ เพื่อการกลับประเทศไทยอย่างไร้มลทินเป็นสำคัญ และที่ผ่านมาการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจากพรรคการเมืองถูกกำหนดใต้ลมหายใจของ “นายใหญ่สัมภเวสี”มีลักษณะส่งต่ออำนาจตระกูลแบบรุ่นต่อรุ่น
ครั้ง “ท่านสมัคร สุนทรเวช” เป็นนอมินีนำพรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้งเป็นรัฐบาล ต่อมาประสบอุบัติเหตุทางการเมืองต้องเว้นวรรคชั่วขณะหนึ่ง เมื่อมีการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีสืบต่อ ท่าน “สมัคร สุนทรเวช”กลับถูกทุรยศให้บรรดาส่ำสัตว์ในคอก “จันทร์ส่องหล้า” สนับสนุน “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” สามีเจ๊แดง-เยาวภาวงศ์สวัสดิ์” น้องสาวสายโลหิตนายใหญ่ให้ขึ้นมานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ก่อนส่งไม้นี้ต่อให้ “ปู-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรีแบบ “แลนด์สไลด์” ในวาระต่อมาจนเกิดหายนะจาก “นโยบายทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ต้องหลบหนีคดีไปต่างประเทศจนถึงทุกวันนี้
ยิ่งเป้าหมายการชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ชัดเจนที่สุดคือการเข้ามาแก้กลไกกฎหมายเพื่อให้ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”กลับประเทศอย่างไร้มลทินไม่ต้องชดใช้กรรมที่ก่อเยี่ยงสมุนทุนสามานย์ด้วยแล้ว
ปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “เห็นขี้ดีกว่าไส้” จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ยิ่งกระแสตอบรับของพี่น้องประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ฐานที่มั่นสำคัญในระบอบทักษิณไม่เออออห่อหมกด้วย ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่เก้าอี้นายกรัฐมนตรีตัวนี้นายใหญ่จะสนับสนุนขี้ให้ได้ดีกว่าไส้
สุภาษิตไทยบทหนึ่งสอนว่า “อย่าเห็นขี้ดีกว่าไส้, ไส้เป็นหนอน”ที่แปลว่า อย่าเห็นคนอื่นดีกว่าญาติพี่น้องของตนเอง ด้วยแล้ว ยิ่งน่าตอกย้ำว่า “โทนี่ เห็นขี้ดีกว่าไส้”
เป็นไปไม่ได้แน่นอน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี