ในขณะที่สงครามยูเครนดำเนินมาเป็นเดือนที่ 9 และย่างเข้าสู่ฤดูหนาว การทำสงครามในพื้นที่ที่หนาวเหน็บเป็นน้ำแข็งนั้นก็มีลักษณะเฉพาะแตกต่างกับพื้นที่อื่น โดยเฉพาะพื้นที่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเป็นเขตร้อน
ตัวอย่างสงครามไทย-พม่า ก็มีลักษณะเฉพาะของตน นั่นคือเมื่อถึงเทศกาลหน้าน้ำหลากมา กองทัพพม่าที่ล้อมกรุงศรีฯอยู่ก็ต้องล่าทัพกลับไปเมืองพม่าทุกครั้งไป ยกเว้นเมื่อครั้งเสียกรุงศรีฯครั้งที่สอง ที่มังมหานรธาและเนเมียวสีหบดีปรับยุทธศาสตร์ใหม่ โดยเตรียมทำสงครามข้ามปี
เมื่อน้ำหลากมาก็ไม่ล่าถอยหนีกลับพม่าเพราะได้เตรียมการไว้อย่างดี โดยเฉพาะพื้นที่ตั้งทัพ การจัดหาเสบียงอาหารสำหรับเทศกาลหน้าน้ำ ดังนั้น เมื่อน้ำลด
กรุงศรีอยุธยาที่ถูกล้อมอยู่หลายเดือนก็อดอยากขาดแคลนจนแตกสามัคคีกันภายใน พม่าจึงสามารถโหมกำลังโจมตีจนกรุงศรีอยุธยาแตกในที่สุด
กองทัพรัสเซียได้ถอนกำลังออกจากหลายพื้นที่ ทำให้ทหารไม่ต้องได้ยากลำบากและไม่ต้องเสี่ยงที่จะถูกถล่มเอาฝ่ายเดียว จนนัก IO สงครามตะวันตกบ้องตื้นเสนอข่าวลวงโลกว่ากองทัพรัสเซียพ่ายแพ้แล้ว แต่กระนั้นก็ปรากฏว่ากองทัพนาโตในคราบของทหารรับจ้างต่างๆ และทหารยูเครนก็ไม่กล้าเคลื่อนกำลังเข้ามาในพื้นที่ที่รัสเซียถอนกำลังออก
คงมีแต่บางช่วงบางเวลาและบางพื้นที่ที่ฝ่ายนาโตและยูเครนมั่นใจว่าจะสามารถเคลื่อนกำลังเข้าปฏิบัติการได้ โดยเฉพาะการเคลื่อนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์ที่กลุ่มนาโตขายให้แก่ยูเครนเข้าไปในพื้นที่ก็กลายเป็นเป้านิ่ง ถูกกองทัพรัสเซียถล่มทำลายจนวายวอด
และบัดนี้ยูเครนกำลังกลายเป็นเมืองร้าง แม้กระทั่งในเมืองหลวงไม่มีไฟฟ้าใช้ กลางคืนมืดสนิท ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นไม่มีเครื่องปรับอากาศที่ให้ความร้อนในเทศกาลหน้าหนาว ทำให้ชาวยูเครนทนความหนาวไม่ได้ ต้องอพยพหลบภัยออกจากยูเครนกันแทบหมดประเทศ
เมื่อประชาชนเคลื่อนย้ายออกไป หน่วยทหารรับจ้างที่แฝงฝังตัวอยู่ก็อยู่ไม่ได้ ต้องยอมจำนนหรือหนีทัพ หรือไม่ก็ถูกกองทัพรัสเซียจับฐานที่ตั้งได้ ก็เปิดฉากถล่มจนราพณาสูร
ดังนั้นช่วงเทศกาลนี้รัสเซียจึงเตรียมกำลังครั้งใหญ่ และในที่สุดก็จะยึดยูเครนได้ ในขณะที่กลุ่มนาโตได้แต่มองตาปริบๆ แม้มีความคิดที่จะระดมกำลังเข้าไปเสริม แต่ก็ไม่เห็นทางที่จะได้รับชัยชนะ
มิหนำซ้ำ สถานการณ์สงครามระหว่างนาโตกับขั้ว SCO ก็กำลังบานปลายขยายตัวออกไป เกิดความตึงเครียดขึ้นทั้งในตะวันออกกลาง ทะเลจีนใต้ และลาตินอเมริกา รวมทั้งด้านเหนือของสหรัฐ ทั้งคาบสมุทรคัมชัตกาและวลาดิวอสตอคซึ่งรัสเซียชุมนุมกำลังเพิ่มขึ้นอย่างผิดหูผิดตา นอกจากนั้นความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลีก็ยกระดับขึ้น ถึงขั้นยิงถล่มกันในเขตเศรษฐกิจพิเศษจำเพาะกันแล้ว และไม่มีวี่แววว่าจะลดราวาศอกแก่กัน
เมื่อความขัดแย้งขยายตัวไปหลายสมรภูมิ สหรัฐและนาโตซึ่งไม่มีประสบการณ์ในการทำสงครามหลายสมรภูมิก็ละล้าละลัง
ที่หนักหนาสาหัสก็คือสมรภูมิตะวันออกกลาง ซึ่งบัดนี้ “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” แบบเดียวกับที่รัสเซียจัดการกับยูเครนก็เกิดขึ้นระหว่างอิหร่านกับขบวนการก่อการร้ายที่ประเทศตะวันตกสนับสนุนก่อวินาศกรรมและทำร้ายอิหร่านก่อน และตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ด้านเหนือของอิรักก็ได้ระเบิดขึ้นแล้ว
อิหร่านถือว่าบัดนี้คำสั่งเสียของอิหม่ามอาลี ปฐมอิหม่ามของชาวชีอะห์ ที่ห้ามกองทัพอิหร่านเคลื่อนที่ออกนอกประเทศสิ้นสุดลงแล้ว กองทัพอิหร่านสามารถเคลื่อนพลปฏิบัติการออกนอกประเทศได้แล้ว อุปมายักษ์ใหญ่อยู่ในตะเกียงและบัดนี้ได้ออกจากตะเกียงมาแล้ว
กองกำลังปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน ซึ่งเป็นกองทัพหลักในการปลดแอกดินแดนอิสลามและการพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามได้เคลื่อนพลและปฏิบัติการทางทหารนอกประเทศอิหร่านเป็นครั้งแรก
ด้วยการเปิดฉากโจมตีกองกำลังฝ่ายก่อการร้ายหลายขบวนการ ซึ่งประเทศตะวันตกสนับสนุนในการบ่อนทำลายและทำร้ายอิหร่านมาเป็นเวลานานแล้ว โดยใช้ชื่อปฏิบัติการนี้ว่า “ปฏิบัติการพิเศษทางการทหาร” ซึ่งใช้ชื่อและวิธีการเช่นเดียวกันกับที่รัสเซียปฏิบัติต่อยูเครน
กองกำลังปฏิวัติอิสลามซึ่งมีแสนยานุภาพเข้มแข็งเกรียงไกรที่สุดในตะวันออกกลางได้เปิดปฏิบัติการเบื้องต้นแล้ว ได้ทำลายกองบัญชาการใหญ่ของขบวนการก่อการร้ายในภาคเหนือของซีเรียอย่างยับเยิน แต่เห็นจะไม่จบอยู่แค่นี้ ยังคงไล่ล่าปฏิบัติการกวาดล้างต่อไปจนไม่เหลือซาก
แต่ทว่ารัฐบาลอิรักนั้นไม่เหมือนรัฐบาลหุ่นของยูเครน ซึ่งผู้นำฝ่ายศาสนาได้ออกคำฟัตตวาให้ชาวอิรักทั้งมวลเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำบัญชาของผู้นำสูงสุดของชาวชีอะห์ ซึ่งก็คือผู้นำสูงสุดของอิหร่านนั่นเอง ดังนั้นแม้รัฐบาลอิรักจะเกรงใจตะวันตก แต่พลังอำนาจทางศาสนาที่ชาวอิรักกว่า4 ล้านคน เข้าชื่อกันพร้อมทำสงครามทางศาสนาเพื่อจะได้เข้าสู่ฐานะนักบุญ ทำให้รัฐบาลอิรักต้องทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
อิหร่านได้ประกาศนโยบายสงครามตลอดมาว่าเป้าหมายที่สุดของสงครามของอิหร่านคืออิสราเอลและการยึดดินแดนทั้งหมดของอิสลามกลับคืนมา และด้วยเป้าหมายนี้บรรดากองกำลังปฏิวัติอิสลามทั้งหลาย ทั้งในอิรัก ซีเรีย ปาเลสไตน์ เลบานอน และเยเมน ก็พร้อมเข้าสู่สมรภูมิอย่างเต็มที่ ดังนั้น สงครามขั้นนี้เกิดขึ้นในวันใดก็เป็นไปได้ว่าจะเป็นการเริ่มต้นของสงครามโลกในวันนั้น
ซาอุดีอาระเบียรู้สถานการณ์ดี ดังนั้น จึงเปลี่ยนขั้วการเมืองหันไปจับมือกับรัสเซียและจีน เพื่อฟื้นความสัมพันธ์กับอิหร่าน แต่ไม่ใช่เพื่อให้จีน รัสเซีย ช่วยเหลือในการสงคราม ขอกันแค่ช่วยปรามอิหร่านอย่าให้ทำอันตรายแก่ซาอุดีอาระเบียเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ซาอุดีอาระเบียจึงถอนกำลังที่ส่งไปรบในเยเมน จนทำให้กองทัพฮูติขยายตัวเติบใหญ่อย่างรวดเร็ว
เป็นผลให้เจ้ามือตัวจริงคือสหรัฐและอังกฤษต้องส่งกำลังทหารเข้าไปทดแทนกองทัพซาอุดีอาระเบีย และนั่นก็หมายความว่าเป้าหมายของสงครามตะวันออกกลาง นอกจากอิสราเอลแล้วก็ยังรวมถึงกองทัพสหรัฐและอังกฤษในภูมิภาคนั้นด้วย
เมื่อสงครามขยายตัวเช่นนี้ก็ดูกันต่อไปว่าสหรัฐและอังกฤษจะทำอย่างไร?
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี