ในภูมิภาคตะวันออกกลางนั้นมีหลายประเทศหลายเผ่าพันธุ์ แม้ว่าจะนับถือศาสนาอิสลามเหมือนกันแต่ก็ต่างสำนักคิดกัน มีผลประโยชน์มหาศาล และมีความขัดแย้งที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน แต่ก็อาจจำแนกได้เป็นสองกลุ่มใหญ่คือกลุ่มอาหรับและกลุ่มที่ไม่ใช่อาหรับ
กลุ่มอาหรับนั้นนำโดยซาอุดีอาระเบีย มียูเออี กาตาร์ บาห์เรน โอมาน จอร์แดน เป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดส่วนอีกกลุ่มก็คือ อิหร่าน อิรัก และซีเรีย และยังมีพันธมิตรคือปาเลสไตน์ เลบานอน
สำหรับปาเลสไตน์นั้นเป็นดินแดนพิพาท เพราะพื้นที่ถูกยึดครองโดยอิสราเอลเป็นจำนวนมากและเป็นชนวนสงครามในตะวันออกกลางตลอดมา ส่วนเลบานอนนั้นแม้ไม่ได้ถูกยึดครองโดยตรงแต่ก็ถูกครอบงำและช่วงชิงโดยภาคประชาชนนั้นเป็นฝ่ายที่ไม่ใช่กลุ่มอาหรับ ในขณะที่ฝ่ายที่มีอำนาจรัฐประพฤติตนเป็นฝักฝ่ายของประเทศล่าอาณานิคม
อิรักเคยถูกหลอกใช้ให้ทำสงคราม 8 ปี กับอิหร่านจนทำให้อิรักต้องอ่อนแอลง แต่แม้กระนั้นผู้นำอิรัก
ในยุคนั้นก็มีความทะเยอทะยานสูง จึงยกกองทัพเข้ายึดครองคูเวต และในที่สุดสหรัฐก็เข้าช่วยคูเวตปลดแอกจากการยึดครองของอิรัก
จากนั้นประธานาธิบดีซัดดัมของอิรักก็ถูกตราหน้าว่าเป็นหัวโจกก่อการร้ายที่สั่งสมอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งถือว่าเป็นภัยคุกคามต่อผลประโยชน์ของอังกฤษและสหรัฐ ดังนั้นอิรักจึงถูกกองทัพตะวันตกเข้ายึดครอง และประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน ก็ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต เป็นตัวอย่างให้กับนักการเมืองที่ทรยศชาติ ยอมตนเป็นมือไม้ของต่างชาติมาจนถึงทุกวันนี้
ต่างชาติได้ส่งกำลังทหารเข้าไปยึดครองอิรักตั้งแต่บัดนั้น และในท่ามกลางการยึดครองนั้นก็มีการขุดน้ำมันขนออกไปขายเป็นรายได้ของผู้ยึดครองอย่างหน้าตาเฉย รัฐบาลอิรักซึ่งเป็นเพียงรัฐบาลหุ่นก็ยอมจำนน ในขณะที่ผู้นำทางศาสนาก็อ่อนแอ ไม่สามารถนำประชาชนลุกขึ้นต่อสู้ได้
การยึดครองได้ขยายตัวเข้าไปถึงซีเรียในลักษณะและรูปแบบเดียวกัน และในที่สุดนักล่าอาณานิคมก็วางแผนจะแยกแผ่นดินอิรักและแผ่นดินซีเรียบริเวณที่เป็นรอยต่อกันซึ่งอุดมด้วยน้ำมันมากที่สุดในภูมิภาคนั้นเพื่อตั้งเป็นประเทศใหม่ชื่อว่าสาธารณรัฐอิสลามแห่งไอซิส
เป็นการประกาศกันโต้งๆ ในเวทีประชุมสหประชาชาติสมัยที่ 72 โดยไม่ละอายใจ ไม่ละอายปาก ในการสนับสนุนให้มีการจัดตั้งรัฐไอซิสขึ้นในภูมิภาคนั้น ซึ่งก็รู้ๆ กันอยู่ว่ารัฐไอซิสที่ว่านี้แท้จริงก็คือหุ่นเชิดของนักล่าอาณานิคมเท่านั้น และเป้าหมายแท้จริงคือผลประโยชน์จากน้ำมันที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งนี้
ปรากฏว่าในขณะที่จักแหล่นจะมีมติให้มีการจัดตั้งสาธารณรัฐอิสลามแห่งไอซิสนั้น ประธานาธิบดีปูตินได้ทะลุขึ้นกลางปล้องประกาศไม่ยอมรับแผนการจัดตั้งรัฐไอซิสดังกล่าว ประกาศเสร็จก็เดินทางกลับประเทศ เรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ
แล้วทำความร่วมมือกับซีเรียเพื่อขับไล่ผู้รุกรานออกจากดินแดนซีเรีย โดยเฉพาะในพื้นที่ที่จะจัดตั้งสาธารณรัฐอิสลามแห่งไอซิสด้วย จากนั้นรัสเซียก็ส่งกองทัพทั้งทัพบกทัพเรือ ทัพอากาศ เข้าไปช่วยซีเรียและทำให้ซีเรียได้รับการปลดแอกมาโดยลำดับ จนเหลือพื้นที่ถูกยึดครองเพียง
ส่วนน้อย
สำหรับอิรักนั้นก็ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน เนื่องจากผู้นำสูงสุดของอิรักคืออยาตุลเลาะห์ซิสตานีนั้นเป็นผู้นำนิกายชีอะห์ลำดับสองของโลก รองลงมาจากอยาตุลเลาะห์ซัยยิดอาลีคาเมนี ผู้นำสูงสุดแห่งอิหร่าน ดังนั้นกองทัพกุซซึ่งเป็นกองกำลังปฏิวัติอิสลามอาสาสมัครที่มีพื้นที่ปฏิบัติการนอกประเทศอิหร่านจึงได้เข้าสู่สงครามเพื่อการปลดแอกอิรัก
และได้ช่วยจัดตั้งกองกำลังปฏิวัติอิสลามจำนวนมากขึ้นในอิรัก และประสานงานกองกำลังปฏิวัติอิสลามต่างๆในภูมิภาคนั้น ไม่ว่าเลบานอน ปาเลสไตน์ เยเมน เพื่อภารกิจสำคัญที่สุดคือปลดแอกอิรักออกจากการยึดครองของต่างชาติ
ปฏิบัติการของรัสเซียและอิหร่านได้ทำลายแผนการจัดตั้งสาธารณรัฐอิสลามแห่งไอซิส และได้เกิดสงคราม
กองโจรขึ้นในพื้นที่อิรักและซีเรียอย่างต่อเนื่อง โดยมีตุรกีคอยสนับสนุนนักล่าอาณานิคมในระยะต้น แต่ในปัจจุบันนี้ก็ได้เปลี่ยนท่าทีมาสนับสนุนรัฐบาลซีเรียและอิรัก ซึ่งเท่ากับเป็นการหนุนช่วยรัสเซียและอิหร่านนั่นเอง
พันธมิตรรัสเซีย อิหร่าน จีน เกาหลีเหนือ ได้ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ เพื่อช่วยเหลืออิรักและซีเรีย โดยเฉพาะแผนการทางทหาร และแผนปฏิบัติการด้วยกำลังอาวุธ โดยใช้ยุทธศาสตร์สงครามจรยุทธ์และสงครามยืดเยื้ออันลือลั่นของประธานเหมา เจ๋อตุง เป็นเครื่องมือในปฏิบัติการแห่งสงครามปลดแอกครั้งนี้
ในพื้นที่ซีเรีย คณะฝ่ายเสนาธิการผสมได้กำหนดยุทธการ “ตีแต่ไม่ล้อม” ส่วนอิรักนั้นได้กำหนดยุทธการ “ล้อมแต่ไม่ตี” โดยใช้สงครามจรยุทธ์ปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องในลักษณะสงครามยืดเยื้อ และปรับเปลี่ยนสงครามจรยุทธ์ในเขตป่าเขาเป็นสงครามจรยุทธ์ในทะเลทราย
สงครามแตกหักทำลายล้างที่ปะทะกันอย่างซึ่งหน้าในลักษณะตีโดยไม่ล้อมในซีเรียนั้นได้คืบหน้าไปอย่างรวดเร็วจนทำให้พื้นที่ยึดครองของต่างชาติในซีเรียหดแคบลงทุกวัน โดยมีการเชื่อมโยงโครงข่ายปฏิบัติการทางอากาศระหว่างรัสเซีย อิหร่าน อย่างแนบแน่น
สำหรับในอิรักนั้นได้มีการจัดตั้งมวลชนอย่างกว้างขวางทำให้มวลชนอิรักกลายเป็นมวลชนปฏิวัติ แต่เป็นมวลชนปฏิวัติอิสลาม โดยมีกองทัพกุซและกองกำลังจรยุทธ์จำนวนมากเป็นหน่วยรบที่ทำสงครามจรยุทธ์กับฐานทัพ ฐานที่มั่น และกองกำลังต่างชาติในอิรัก
ในขณะเดียวกัน การเคลื่อนไหวมวลชนก็ขยายผลไปอย่างรวดเร็ว ผู้นำทางศาสนาลำดับสองซึ่งเป็นผู้บัญชาการกองกำลังมวลชนถูกปฏิเสธการนำและต้องลาออกจากตำแหน่ง ทำให้ผู้นำลำดับที่สองขึ้นสู่ฐานะผู้นำทางศาสนาในอิรักภายใต้ผู้นำสูงสุด คือ อยาตุลเลาะห์ซิสตานี
เมื่อ 4 เดือนก่อนหน้านี้ผู้นำคนใหม่ของอิรักได้ออกคำฟัตตวาให้ประชาชาติอิรักทั้งมวลเชื่อฟังและปฏิบัติตามการนำของผู้นำสูงสุดแห่งนิกายชีอะห์ คือ ผู้นำสูงสุดแห่งอิหร่าน จึงทำให้ชาวอิรักทั้งประเทศเป็นเอกภาพ กลายเป็นมวลชนปฏิวัติอิสลามทั้งประเทศ
กดดันรัฐบาลที่เหยียบเรือสองแคมจนต้องพลิกท่าทีเป็นประจำ และในที่สุดก็จำเป็นต้องจับมือกับอิหร่านและพันธมิตรเพื่อต่อต้านต่างชาติผู้รุกราน ทำให้ทั้งรัฐบาลและประชาชนอิรักเป็นเอกภาพ ร่วมมือกับอิหร่านรวมทั้งพันธมิตรเปิดฉากปฏิบัติการทางทหารและมวลชนกับต่างชาติผู้รุกรานอย่างเต็มรูปแบบ
แรงกดดันดังกล่าวทำให้กองกำลังก่อการร้ายที่ต่างชาติจัดตั้งขึ้นที่ชายแดนอิรักเปิดฉากรุกโจมตีอิหร่าน ทำให้อิหร่านประกาศว่าบัดนี้กองกำลังปฏิวัติอิสลามของอิหร่านซึ่งไม่สามารถเคลื่อนพลออกรบนอกประเทศได้ตามคำสั่งเสียของท่านอิหม่ามอาลีได้พ้นจากเงื่อนไขที่กำหนดแล้ว เพราะอิหร่านถูกรุกรานก่อน ดังนั้น กองกำลังปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่านจึงประกาศ “ปฏิบัติการพิเศษทางทหารต่อกองกำลังผู้รุกรานในอิรักอย่างเป็นทางการ”
ยักษ์ใหญ่ออกจากตะเกียงมาแล้ว จึงพลิกโฉมสงครามในอิรักอย่างรวดเร็ว ทั้งกองกำลังปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน กองทัพกุซ และกองกำลังปฏิวัติอิสลามในอิรักทุกหน่วยได้ร่วมปฏิบัติการทางทหารต่อกองกำลังผู้รุกรานต่างชาติอย่างดุเดือดรวดเร็ว
โดยเฉพาะการใช้กำลังอำนาจทางแสนยานุภาพทางทหารที่อิหร่านได้ชื่อว่าเป็นชาติมหาอำนาจทางทหารชาติหนึ่งของโลกปฏิบัติต่อกองกำลังอย่างดุเดือดตามคำฟัตตวาของผู้นำสูงสุดแห่งอิหร่านว่า มุสลิมทั้งปวงต้องทำสงครามศาสนาหรือจีฮัดกับศัตรูผู้รุกรานดินแดนอิสลามในอิรักจนถึงที่สุด และต้องพร้อมที่จะชาฮีดหรือพร้อมพลีชีพเพื่อความเป็นนักบุญ
ดังนั้น มวลชนปฏิวัติในอิรักเรือนล้านจึงจัดการฉลองกันเป็นการใหญ่เพื่อเข้าสู่สงครามศักดิ์สิทธิ์ตามคำฟัตตวา สถานการณ์จีฮัดเกิดขึ้นทั่วประเทศอิรักผู้เสียชีวิตได้ถูกประกาศเป็นชะฮีดหรือนักบุญที่ครอบครัวต่างยินดีปรีดาเฉลิมฉลองกันเป็นการใหญ่
ล่าสุด ณ บัดนี้กองกำลังของต่างชาติผู้รุกรานได้ล่าถอยหรือถอนกำลังออกจากอิรักเป็นส่วนใหญ่แล้วอย่างเงียบๆ คงเหลือกำลังเพียงเล็กน้อยอยู่ในพื้นที่กรีนโซนของแบกแดด และเป็นหย่อมๆ เล็กๆ ที่รอการถอนกำลังกลับเท่านั้น
สถานการณ์ปลดแอกอิรักด้วยสงครามศักดิ์สิทธิ์กำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว ยุทธการล้อมแต่ไม่ตีกำลังได้ชัยชนะอย่างเด็ดขาด และทำให้ยุทธการตีแต่ไม่ล้อมในซีเรียได้รับผลดีและใกล้จะสิ้นสุดลงแล้วเช่นเดียวกัน
สภาพเช่นนี้โฉมหน้าของสงครามจึงพุ่งเป้าไปสู่อิสราเอลและดินแดนปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครองอย่างไม่ต้องสงสัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี