เมื่อไม่กี่วันมานี้บรรดาสื่อได้ออกข่าวเกี่ยวกับการให้สัมภาษณ์ของคุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติว่า ที่ได้ตั้งพรรคด้วยชื่อนี้ก็เพราะ ได้รับแรงบันดาลใจจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผู้ที่คุณพีระพันธุ์ มีความนิยมชมชอบ เชื่อถือ ในฐานะที่เป็นบุคคลที่อุทิศกายและใจให้กับประเทศชาติอย่างไม่เป็นที่สงสัย
และเมื่อพลเอกประยุทธ์ ได้กล่าวถึงคำว่า“รวมไทย” ว่าหมายถึง การที่ทุกหมู่เหล่าต้องมารวมกัน มีความสมัครสมานสามัคคี เพื่อสร้างและขับเคลื่อนชาติ ซึ่งคุณพีระพันธุ์ ก็มิได้ออกมาแจกแจงว่าจะรวมกันอย่างไร แล้วจะมีใครมารวมด้วย และจะทำอะไรเมื่อรวมกันแล้ว หรือนัยหนึ่งเมื่อมารวมกันก็จะต้องรู้ว่า จะต้องร่วมมือกันอย่างไร หรือนัยหนึ่งก็เล่นสำนวนได้ว่า รวมไทยแล้ว ก็ต้องร่วมไทย
ในสังคมไทย ณ วันนี้ ก็มีประเด็นปัญหาของความแตกแยกทางความคิดต่างๆ และบางครั้งบางคราวก็มีการกระทบกระทั่งกันระหว่างฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐ กับกลุ่มผู้ใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออก ไปจนถึงบทบาทกระบวนการยุติธรรมว่า จะต้องมีความเป็นอิสระ ไม่ตกอยู่ในอำนาจการเมือง และไม่เป็นเครื่องมือของฝ่ายการเมือง โดยจะต้องยืนเคียงข้างกับความถูกต้องและความยุติธรรม
สังคมไทยได้เห็นการเรียกร้องต่างๆ ซึ่งความเป็นราชอาณาจักรของไทย ความสัมพันธ์ระหว่างราชอาณาจักรไทย กับความเป็นประชาธิปไตย การปฏิรูปกองทัพเพื่อให้สอดคล้องกับบริบทโลกและประเทศ การยกเครื่องกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้เป็นผู้พิทักษ์ราษฎรอย่างแท้จริง ไปจนถึงเรื่องการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนพลเมือง เช่น การกระจายอำนาจ และการร่วมลงมติในการใช้จ่ายงบประมาณในกิจการหรือโครงการหนึ่งใดที่มีผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้างเหล่านี้ เป็นต้น
แต่สิ่งที่ได้เกิดขึ้นในสังคมไทยเป็นที่ประจักษ์ก็คือ ฝ่ายผู้กุมอำนาจรัฐก็ไปทางหนึ่ง ในขณะที่ฝ่ายผู้เห็นต่างก็ไปอีกทางหนึ่ง และหากเกิดกรณีผิดเส้น ผิดทิศทางกัน ก็จะมุ่งแก้หรือยุติปัญหาด้วยการตั้งคดีจับกุม และการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งประเด็นปัญหาต่างๆ นั้นก็ยังลอยอยู่ในอากาศ เพราะไม่มีการรับลูกโดยฝ่ายผู้มีอำนาจรัฐ และไม่มีการสนทนากัน เพื่อลดความต่างและหาจุดร่วม เสมือนกับว่าต่างฝ่ายต่างอยู่ และฝ่ายผู้มีอำนาจรัฐก็ใช้วิธีป้อมปรามด้วยตัวบทกฎหมาย คำสั่งกระทรวง และการสกัดกั้นการเคลื่อนไหวบนท้องถนน ไปจนถึงการตั้งข้อหาการละเมิดกฎหมายคอมพิวเตอร์โดยไม่มีการจำกัดขอบเขตว่า เรื่องใดเป็นสิทธิเสรีภาพ และเรื่องใดกระทบต่อประเทศชาติ
อีกทั้งสังคมเรายังไม่มีการแยกแยะว่า การกระทำใดที่กระทบต่อสถานะของรัฐบาลผู้มีอำนาจรัฐนั้น เป็นคนละเรื่องกับผลกระทบต่อประเทศโดยรวม เพราะผู้มีอำนาจรัฐไม่ใช่ตัวประเทศ และไม่ใช่เจ้าของประเทศ ซึ่งความเห็นต่าง ความเคลือบแคลงใจ แม้กระทั่งความไม่เข้าอกเข้าใจต่างๆ นานา นี้ จำเป็นต้องมีการพูดจากัน ซึ่งก็หมายถึงจะต้องมีการมารวมกัน และหาทางร่วมมือกัน รวมกันอย่างเดียวจึงไม่เป็นการเพียงพอ และอาจมีนัยเพื่อการเข้ามาแทรกแซงของลัทธิผู้นำ นำพา การบีบบังคับให้ทุกคนเข้าแถว และโอนอ่อนปรับตัวตามแบบฉบับ (Conformity) มากกว่าการร่วมคิดร่วมทำ และร่วมกันหาทางออก
ในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมาก็มีการปฏิวัติรัฐประหารถึง 2 ครั้ง และผู้ที่ได้เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติรัฐประหาร ส่วนใหญ่ก็ยังมีชีวิตอยู่ และอีกส่วนหนึ่งก็ยังมีบทบาททางการเมือง ในขณะที่การปรองดองสมานฉันท์ และการเลิกรากันไปเพื่อตั้งต้นกันใหม่ กลับยังค้างคากันอยู่ และดูเสมือนว่าจะเพิ่มความขัดแย้งเข้มข้นขึ้นไปอีก เพราะดารานำก็ยังเฉิดฉายอยู่ในสังคมและเวทีการเมือง
แล้วฉะนั้น สังคมไทย จะรวมไทยกันได้อย่างไร? และหากรวมไม่ได้ ความร่วมมือก็ย่อมไม่สามารถเกิดขึ้น คำว่า รวมไทย และคำว่าร่วมไทย หรือไทยร่วมกัน ก็จะกลายเป็นแค่วาทกรรมและความฝันอันสูงส่ง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้มีอำนาจมายาวนาน แต่ดูว่ามีการรวมพรรคพวกได้เท่านั้น และมีความยากลำบากในเรื่องความคิดอ่านว่าด้วยความร่วมมือ
ก็น่าจะยังไม่สายเกินไปที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะยื่นมือไปทั่วสารทิศ และก่อให้เกิดการพูดจากันถึงแก่นถึงสารว่า อะไรคือความเป็นตัวตนของราชอาณาจักรไทย และขอบเขตที่ประชาชนพลเมืองหนึ่งใดที่พึงจะมีสิทธิและหน้าที่ในกรอบของสังคมประชาธิปไตย
อีกทั้งการประท้วงและการแสดงออกต่างๆ ที่เป็นเรื่องการเมือง ก็ต้องถูกแก้ไขด้วยวิถีทางทางการเมือง มิใช่การออกกฎหมาย หรือการอ้างกฎหมาย เพื่อจะตีกรอบประชาชนพลเมือง ให้มีความเข็ดหลาบ จนไม่สามารถสะท้อนความเป็นไปของบ้านเมืองได้ ซึ่งก็เท่ากับว่าเป็นประชาชนที่ไม่สามารถมีส่วนร่วมทางการเมือง
จะรวมกันก็ต้องร่วมมือกันควบคู่กันไปด้วย
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี