อันวิชาว่าด้วยฤกษ์พานาทีนั้นมีมาตั้งแต่สมัยพระเวท โดยมีคัมภีร์พรหมชาติเป็นหลักแล้วแต่งเติมเสริมต่อแตกแขนงออกไปมากมาย และเมื่อเป็นเรื่องของฤกษ์แล้วก็เชื่อมต่อกับเรื่องของยามคือเรื่องของเวลา และเรื่องยามนั้นก็แตกแขนงออกไปอีกมากมาย
แต่ทั้งเรื่องฤกษ์และเรื่องยามตามคัมภีร์พรหมชาติก็ยังเป็นเรื่องของภาคพิธีการในภาคพื้นดินที่ถือเอาจากการกำหนดว่าวันใดเป็นวันดีหรือไม่ดีดังที่เรียกว่ากาลโยค แล้วเรียกวันดีว่าวันธงชัยบ้าง วันอธิบดีบ้าง วันอุบาทว์บ้าง วันโลกาวินาศบ้าง หมายความว่าในเรื่องของวันนั้นได้กำหนดให้เป็นวันดีสองวัน คือวันอธิบดีและวันธงชัย วันที่ไม่ดีก็จะมีสองวัน คือวันอุบาทว์และวันโลกาวินาศ
ส่วนวันใดจะเป็นวันประเภทไหนก็จะถือเกณฑ์คำนวณจากฐานศักราชซึ่งถือเป็นเกณฑ์คำนวณนั้น และพร้อมๆ กันก็จะกำหนดยามเป็น 4 ประเภทอย่างเดียวกันด้วย และยามที่ว่านั้นก็แบ่งออกเป็นกลางวัน 4 ยาม กลางคืน 4 ยาม ยามละประมาณ 3 ชั่วโมง
ครั้นเวลาผ่านเนิ่นนานไปความรู้เรื่องยามก็แพร่ขยายไปในหลายพื้นที่ แต่ละที่แต่ละแห่งก็ดัดแปลงเป็นยามของตน ดังเช่นพม่าก็กำหนดยามอุบากองขึ้นใช้และยังมีชื่อเสียงอยู่ในทุกวันนี้ ในขณะที่จีนก็สามารถกำหนดเรื่องยามของตนเองได้ แต่ละเอียดมากขึ้น เป็นกลางวัน 9 ปูม กลางคืน 9 ปูม หรือที่เรียกว่าอี้จิง ซึ่งความจริงอี้จิงนั้นมีแค่ 8 แต่ได้เพิ่มปูมกลางขึ้นเป็นปูมที่ 9 โดยถือว่าเป็นปูมแห่งวิญญาณธาตุ
หลักของวิชาอี้จิงนี่แหละต่อมาได้กลายเป็นโป๊ยก่วย ซึ่งแตกแขนงออกไปอีกหลายสาขา รวมทั้งสาขาค่ายกลพยุหะ ดังเช่นค่ายกลพยุหะประตูทองคำแปดทิศในยุคสามก๊ก โดยเฉพาะเมื่อครั้งที่โจหยินนายทัพของโจโฉตั้งค่ายกลแล้วชีซีสั่งให้จูล่งเข้าตีค่ายกลนั้นจนแตกไป
หรือเมื่อครั้งการประลองค่ายกลพยุหะครั้งสำคัญระหว่างขงเบ้งกับสุมาอี้ ซึ่งตอนแรกสุมาอี้ตั้งค่ายกลก่อนก็ตั้งเป็นค่ายกลพยุหะประตูทองคำแปดทิศ แล้วถามขงเบ้งว่ารู้จักชื่อค่ายกลนี้หรือไม่ ครั้นขงเบ้งตอบชื่อค่ายกลถูกต้องแล้วถามกลับว่าจะให้เราเข้าตีค่ายกลนี้หรือไม่
สุมาอี้เห็นว่าเมื่อขงเบ้งรู้จักค่ายกลก็ย่อมรู้วิธีตีค่ายกล จึงให้ขงเบ้งตั้งค่ายกลพยุหะบ้าง ขงเบ้งก็ตั้งค่ายกลพยุหะประตูทองคำแปดทิศเช่นเดียวกัน สุมาอี้เห็นก็หัวเราะแล้วบอกชื่อค่ายกลถูกต้อง ขงเบ้งจึงถามว่ารู้จักแต่ชื่อนั้นไม่พอ ท่านกล้าเข้าตีค่ายกลนี้หรือไม่ สุมาอี้ก็รับคำท้า และบัญชาทหารให้เข้าตีค่ายกลซึ่งเป็นวิธีการเดียวกันกับเมื่อครั้งชีซีสั่งจูล่งให้ตีค่ายกลของโจหยิน
ปรากฏว่าเมื่อฝ่ายสุมาอี้เข้าตีค่ายกล ขงเบ้งก็โบกธงสัญญาณ ค่ายพลพยุหะนั้นก็แปรเปลี่ยนจาก 8 จักร เป็น 16 จักร เช่น เพิ่มประตูเป็น เพิ่มประตูตาย ย้ายประตูเปิด เปลี่ยนประตูปิด เป็นต้น ฝ่ายทหารสุมาอี้ซึ่งเข้าตีตามแนวทางที่สุมาอี้สั่งการก็เผชิญกับประตูปิด ประตูตาย จึงถูกฝ่ายขงเบ้งจับทหารฝ่ายสุมาอี้ได้ทั้งหมด
มีการเฉลยในเรื่องนี้ในภายหลังว่าเหตุที่ค่ายกลของโจหยินตีแตก แต่ค่ายกลของขงเบ้งตีไม่แตก และยังสามารถสำแดงอานุภาพจับทหารสุมาอี้ได้ทั้งหมดก็เพราะตรงจักรที่ 9 หรือปูมกลาง หรือปูมหยินหยางนั้น เป็นปูมสำคัญที่ทำให้ค่ายกลมีชีวิต สามารถผันแปรเปลี่ยนแปลงได้ไร้ข้อจำกัด
การตั้งค่ายกลของโจหยินและสุมาอี้ไม่ได้วางกำลังส่วนบัญชาการไว้ที่ปูมหยินหยางจึงเป็นค่ายกลตาย เมื่อเข้าตีตามทิศทางที่กำหนดจึงไม่สามารถแปรพยุหะได้ค่ายกลจึงแตก
ส่วนค่ายกลพยุหะที่ขงเบ้งตั้งนั้นได้วางศูนย์บัญชาการไว้ที่ปูมหยินหยาง ดังนั้นเมื่อทหาร สุมาอี้เข้าทางประตูเปิดตรงจักรที่สั่งให้เข้าตี ค่ายกลก็แปรพยุหะเปลี่ยนเปิดเป็นปิด เปลี่ยนปิดเป็นเปิด เปลี่ยนตายเป็นเป็น เปลี่ยนเป็นเป็นตาย ทหารสุมาอี้ก็ไปไม่เป็น ไปทางไหนก็เจอแต่กำแพงโล่ของทหารขงเบ้งจึงปราชัยย่อยยับ
ในหนังสือเรื่องมังกรหยกที่เจ้าเกาะดอกท้อภูตบูรพา อึ้งเอี๊ยะซือ ตั้งค่ายกลตายตามลักษณะค่ายกลประตูทองคำแปดทิศไว้ที่เกาะดอกท้อก็มีอานุภาพมากซึ่ง อึ้งย้ง บุตรสาวผู้อ่อนวัยก็เคยใช้ค่ายกลพยุหะนี้กักตัว บ๊วยทิวฮวงศิษย์ ผู้พี่ไว้ได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
ดังนั้นสิ่งที่เรียกว่าวันราชาโชคหรืออมฤตโชคจึงไม่มีมาแต่โบราณ ไม่มีในคัมภีร์วิชาการหลักแห่งฤกษ์พานาที เพราะเมื่อเป็นเรื่องวันก็มีแต่เรื่องวันธงชัย วันอธิบดี วันอุบาทว์ และวันโลกาวินาศ
สิ่งที่เรียกว่าฤกษ์นั้นเกี่ยวข้องกับจุดสมผุดหรืออาจเรียกได้ว่าจุดสัมผัสของดาวเดือนในอากาศ ซึ่งเป็นภาคนภาดลหรือนพดล ไม่ใช่เรื่องของภาคพื้นดินหรือภาคภูมิดล
บรรดาดาวทั้งหลายที่เห็นปรากฏในอากาศนั้นโดยทั่วไปเป็นดาวฤกษ์ที่กลาดเกลื่อนไปทั้งจักรวาล แต่ในทางวิชาการโหราศาสตร์ได้แบ่งดาวฤกษ์นั้นออกเป็น 27 กลุ่ม มีชื่อกลุ่มดาวเฉพาะตั้งแต่ดาวอัศวินีเป็นต้น จนถึงดาวเรวตี หรือดาวปลาตะเพียนเป็นที่สุด
และกลุ่มดาวฤกษ์เหล่านั้นก็ถูกสมมุติให้วางเรียงรายอยู่ตามราศีทั้ง 12 ราศี ตั้งแต่ราศีเมษเวียนซ้ายวนไปจนถึงราศีมีน นั่นเป็นเรื่องของดาวฤกษ์
ส่วนสิ่งที่เรียกว่าฤกษ์นั้นมีสองอย่าง คือฤกษ์อันเป็นจุดสมผุดหรือสัมผัสของลัคนากำเนิด ว่าสถิตอยู่ ณ ฤกษ์ใด ซึ่งมีอยู่ 9 ฤกษ์ เช่น ราชาฤกษ์ สมโณฤกษ์ ทลิทโทฤกษ์ เป็นต้น และฤกษ์อันถูกกำหนดตามเวลานาทีโคจรของดวงจันทร์ ซึ่งเรียกว่าฤกษ์บน ฤกษ์ล่าง ซึ่งใช้สำหรับการคำนวณดวงพิชัยสงคราม
ดังนั้นเมื่อพูดถึงฤกษ์ว่าเป็นวันราชาโชคแล้ว ก็เป็นเรื่องที่ชวนงวยงงสงสัย เพราะนอกจากไม่เป็นไปตามพระพุทธวจนของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ก็อาจจะเป็นเรื่องของการลวงโลก ซึ่งแทนที่จะได้ฤกษ์ จะกลายเป็นได้เลิกเสียมากกว่า
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี