วันอังคาร ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / เขียนให้คิด
เขียนให้คิด

เขียนให้คิด

เฉลิมชัย ยอดมาลัย
วันอาทิตย์ ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2566, 02.00 น.
ทำไมผู้บริหารจุฬาฯ ยุคนี้ จึงเปลี่ยนตราสัญลักษณ์มหาวิทยาลัย

ดูทั้งหมด

  •  

การเปลี่ยนแปลงในเรื่องสำคัญและจำเป็นต่อองค์กรและต่อสังคมเป็นเรื่องดี เป็นเรื่องสมควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง แต่ทว่าการเปลี่ยนแปลง จนถึงขั้นลบล้างในสิ่งที่เป็นพื้นฐาน รากเหง้า ประวัติศาสตร์ และความเป็นมา เป็นเสมือนการลบล้างรากเหง้าความเป็นมาของตนเอง ทั้งๆ ที่รากเหง้าและความเป็นมานั้น มิได้ก่อให้เกิดความเสื่อมเสีย เสียหายประการใดแม้แต่น้อย จึงเป็นเรื่องไม่บังควรเข้าไปเปลี่ยนแปลงด้วยประการทั้งปวง ดังนั้นผู้ที่มีความเป็นมนุษย์โดยแท้ จึงไม่บังควรเปลี่ยนแปลงรากเหง้าของตนเอง

ประเด็นอันสืบเนื่องมาจากการเปลี่ยแปลงรากเหง้า ความเป็นมาของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงตราสัญลักษณ์มหาวิทยาลัยจากพระเกี้ยวที่จำลองมาจากของจริง จนผิดเพี้ยนกลางเป็นโลโก้ของเล่นที่ดูเสมือนว่าเป็นพระเกี้ยว แต่ทว่าโดยเนื้อแท้แล้วมิใช่พระเกี้ยว จึงเป็นคำถามที่สาธารณชนพุ่งประเด็นไปยังผู้บริหารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยยุคปัจจุบันว่า ใช้ตรรกะ หรือเหตุผลใดในการสั่งเปลี่ยนแปลงตราสัญลักษณ์จากพระเกี้ยวเดิมเป็นสิ่งที่ดูเสมือนพระเกี้ยว แต่ในความจริงมิใช้พระเกี้ยว


พระเกี้ยว หรือพระเกี้ยวยอด คือเครื่องประดับครอบพระเกศาจุก ที่ใช้เฉพาะพระราชโอรสและพระราชธิดาเท่านั้น รูปทรงเหมือนมงกุฎขนาดเล็กหรือจุลมงกุฎ ซึ่งมีความหมายตรงกับคำว่าจุลจอมเกล้า พระเกี้ยวคือตราประจำพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้รูปพระเกี้ยวเป็นตราประจำโรงเรียนมหาดเล็ก มาตั้งแต่ พ.ศ. 2445 จนกระทั่งได้สถาปนาขึ้นเป็นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6

พระราชบัญญัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2551 มาตรา 67 มีความว่า ..ตราประจำมหาวิทยาลัยเป็นรูปพระเกี้ยววางบนหมอน ซึ่งมีที่มาจากพระราชลัญจกรประจำพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์..

ประชาคมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคนทั่วไปที่ศรัทธาในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยต่างตระหนักดีโดยทั่วกันว่า ตราพระเกี้ยวคือสัญลักษณ์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเป็นเสมือนเครื่องเตือนใจให้ตระหนักว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในวันนี้ถือกำเนิดมาจากพระมหากรุณาธิคุณในสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า 

แต่ทว่าในระยะ 3-4 ปีที่ผ่านมานี้ ผู้ที่ใส่ใจในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสังเกตและพบว่าตราพระเกี้ยวของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยผิดแผกแตกต่างไปจากตราสัญลักษณ์เดิม แต่ทว่าเมื่อพินิจพิเคราะห์แล้วจะพบว่าสัญลักษณ์นั้นมิใช่พระเกี้ยวแต่เป็นการจงใจทำขึ้นมาให้ดูเสมือนว่าเป็นพระเกี้ยว

คำถามคือทำไมจึงต้องเปลี่ยนแปลงตราสัญลักษณ์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำไมจึงไม่คงตราสัญลักษณ์เดิมไว้ตราสัญลักษณ์เดิมทำให้ภาพลักษณ์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเสื่อมเสียอย่างไรหรือ จึงต้องเปลี่ยนแปลง แต่ที่สำคัญคือเมื่อเปลี่ยนแปลงแล้ว เหตุใดจึงเปลี่ยนแปลงเสียจนไม่เหลือความเป็นพระเกี้ยวที่แท้จริงอีกต่อไป 

ย้อนเมื่อสาม-สี่ปีก่อน ผู้บริหารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ทำโครงการ Re-Branding Chula (ปรับภาพลักษณ์องค์กร) ดำเนินการโดยศูนย์สื่อสารองค์กร ซึ่งขึ้นตรงต่ออธิการบดีคนปัจจุบัน (บัณฑิต เอื้ออาภรณ์) โดยมีผู้สอนวิชาด้านการตลาด จากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ชื่อ เอกก์ ภทรธนกุล เป็นตัวการคนสำคัญ 

เอกก์ ภทรธนกุล สอนด้าน Brand (ตราสัญลักษณ์สินค้า) มีตำแหน่งผู้ช่วยอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และหัวหน้าภาควิชาการตลาด แล้วยังมีตำแหน่ง Chief Brand Officer หรือ CBO คนแรกของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 

จากการสืบค้นพบว่าเอกก์เป็นผู้เสนอให้เปลี่ยนแปลงแบบทั้งรูป Logo & Logotype ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยเสนอให้สร้างตราพระเกี้ยวแบบใหม่ขึ้นมา และเปลี่ยนตัวอักษร CU เป็น Chula ดังที่ปรากฏอยู่ทั่วไปในเขตมหาวิทยาลัย โดยประกาศเป็น Official Logo Brand Signature ซึ่งเรียกว่า Brand Chula 

มีคำถามว่า คำว่า Chula หมายถึงจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจริงหรือ เพราะมีสินค้าอื่นๆ มากมายใช้ชื่อว่าจุฬา ดังนั้นสิ่งที่ประชาคมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยถามกันอย่างมากคือ Chula คือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กระนั้นหรือ

มีผู้ตั้งข้อสังเกตสัญลักษณ์ที่อ้างว่าเป็นพระเกี้ยวที่ถูกสร้างขึ้นใหม่หลายประการ เช่น ตราสัญลักษณ์ใหม่ไม่ใช่พระเกี้ยว เพราะไม่มีความเป็นลายไทยเหมือนตราพระเกี้ยวดั้งเดิม โดยเฉพาะส่วนที่เป็นองค์พระเกี้ยว (ไม่นับรัศมี 31 เส้น และหมอนรอง ที่ทำให้ดูเสมือนตราพระเกี้ยวแบบเดิม) คือลายกราฟิก ที่ปราศจากลักษณะเส้นสายลายไทย อันเป็นรูปแบบศิลปะไทยของพระเกี้ยวมาตั้งแต่ถูกใช้เป็นตราประจำพระองค์ในรัชกาลที่ 5 ส่วนรูปทรงของตราใหม่มิใช่พระเกี้ยวยอด แต่คือรูปทรงสามเหลี่ยมเสมือนหมวก (pointed hat) ทรงกรวยปลายแหลม ในขณะเดียวกัน มีผู้มองว่าเป็นเสมือนรูปทรงสถูปเจดีย์มากกว่าพระเกี้ยว ส่วนอักษรคำว่า Chula ก็ดัดแปลงมาจาก Font Eboracum ที่แจกฟรีทั่วไปอันหาได้แสดงถึงเอกลักษณ์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแต่ประการใด แต่ที่สำคัญคือมีการยกเลิกการใช้ Font Chulalongkorn ภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโดยแท้ นอกจากนี้ ยังมีเสียงวิจารณ์ว่าการออกแบบไร้ความประณีต ไม่ได้มาตรฐานงานออกแบบตัวอักษร (Typography) ขณะเดียวกัน มีเสียงวิพากษ์ด้วยว่าคำว่า Chula ที่ทำขึ้นใหม่ผิดหลักฮวงจุ้ยซึ่งไม่เป็นมงคล ไม่เหมาะกับการใช้เป็นตราประกอบชื่อของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เนื่องจากเห็นได้ชัดเจนว่า อักษร h ที่ต่อจาก c ถูกตัดขาดออกจากกัน ส่วนอักษร u มีลักษณะเหมือนหันหลังกลับหรือถอยหลังขนาดความกว้างของขาตัวอักษรและแนวเส้นโค้งผิดสัดส่วนไม่ลงตัว ซึ่งประเด็นนี้อาจารย์อาวุโส ผู้เคยสอนวิชา Identity & Typographic Design คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขานี้ ได้วิจารณ์ความผิดเพี้ยนของงานชิ้นนี้ผ่านสื่อมวลชนไปแล้วเมื่อปลายปี 2563 แต่ทว่าผู้บริหารจุฬาฯ กลับเพิกเฉยไม่ให้ความสนใจ ไม่ทบทวนการใช้ตราสัญลักษณ์ใหม่ โดยอ้างว่าเป็นการ Re-Branding Chula เพื่อให้เป็นสากล และทันสมัยยิ่งขึ้น จนนำไปสู่คำถามว่า ตกลงแล้ว Chula ที่ว่านั้นคือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ใช่หรือไม่ และมีคำถามตามมาอีกว่า การRe-Branding Chula ด้วยการเปลี่ยนตราพระเกี้ยวจากแบบที่มีความเป็นไทยให้กลายหมดความเป็นไทย คือการรักษารากเหง้าแห่งความเป็นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กระนั้นหรือ

สามารถประมวลคำถามจากประชาคมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนตราพระเกี้ยว ได้โดยสรุปดังนี้ เช่น

- เหตุใดผู้บริหารจุฬาฯ ยุคปัจจุบัน ตัดสินใจ Re-Branding ทำไปเพราะ Brand ดั้งเดิมของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีปัญหาใดกระนั้นหรือ 

- ผู้บริหารจุฬาฯ ชุดปัจจุบันมีอำนาจเปลี่ยน หรือสร้างตราสัญลักษณ์ใหม่ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้หรือ

- ตราพระเกี้ยว แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สามารถถูกเปลี่ยนแปลงไปตามจินตนาการของปัจเจกได้กระนั้นหรือ 

- ตราพระเกี้ยว ซึ่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้รับพระราชทานจากพระมหากษัตริย์ สามารถถูกเปลี่ยนแปลงได้โดยพลการได้หรือ 

การปรับแก้ เปลี่ยนแปลง หรือการสร้าง Brand ใหม่ เพื่อให้ผู้คนจดจำความสำคัญของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไม่ใช่แค่เพียงการเปลี่ยนตราพระเกี้ยว แล้วตัดชื่อเต็มของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยออก จนชื่อนั้นกลายเป็นชื่อสินค้าที่มีอยู่ดาษดื่นทั่วไป 

อันที่จริงผู้บริหารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยต้องสำเหนียกไว้เสมอว่า พระนามจุฬาลงกรณ์คือพระนามที่มีความสำคัญต่อจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมากที่สุด และตราพระเกี้ยวก็คือตราประจำพระองค์ในพระเจ้าแผ่นดิน ผู้พระราชทานกำเนิดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอันเป็นปฐมบทของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในยุคปัจจุบัน ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงใดๆ อันนำไปสู่การลบล้างเรื่องราวและรากเหง้าอันดีงามของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คือสิ่งที่ผู้บริหารของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยต้องไม่กระทำเป็นอันขาด เพราะนอกจากจะได้ชื่อว่าไม่รักษารากเหง้าความเป็นมาแล้ว ยังถูกมองได้ว่าไม่มีความกตัญญูกตเวทิตาต่อผู้มีพระคุณ

ขอย้ำเช่นเดิมว่าการเปลี่ยนแปลงเพื่อนำไปสู่การพัฒนา เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องกระทำเป็นอย่างยิ่ง แต่หากเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ได้นำไปสู่การพัฒนา มิหนำซ้ำยังเป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อลบล้างรากเหง้าความเป็นมาที่ดีงามของตนเอง คือสิ่งที่ผู้มีปัญญาต้องไม่กระทำเป็นอันขาด 

ข้ออ้างเรื่อง Re-Branding Chula ถูกตั้งคำถามโดยประชาคมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาโดยตลอด แต่ทว่าผู้บริหารจุฬาฯ ไม่สนใจรับฟัง และไม่เคยสำเหนียกถึงรากเหง้าความเป็นมาของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแม้แต่น้อย

คุณค่าและความสำคัญของตราสัญลักษณ์แห่งสถาบันการศึกษา (Academic Brand) ต้องมีความเฉพาะซึ่งแตกต่างจากตราสินค้าหรือตราขององค์กรธุรกิจทั่วไป (Corporate Brand) ซึ่งเพราะองค์กรธุรกิจทั่วไปเน้นการใช้หลักการตลาดเป็นตัวกำหนดความนิยมทางการตลาดเป็นสำคัญ ดังนั้นจึงสามารถปรับเปลี่ยนตราสัญลักษณ์ให้ไหลไปตามกระแสนิยมของตลาดได้โดยไม่มีข้อจำกัดมากนัก ซึ่งผิดกับสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่ได้มาตรฐานสากล มหาวิทยาลัยที่มีคุณภาพทางวิชาการในระดับมาตรฐานโลกคือสถานที่สร้างภูมิปัญญา และการตระหนักในเรื่องคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมอันดีงาม มากกว่าการเน้นสร้างรายได้เชิงการตลาดตามกระแสนิยมที่ไหลไปไหลมา หาความคงที่ไม่ได้ 

หัวใจของมหาวิทยาลัยคือแก่นของความจริงแท้ (Truth) อันนำไปสู่การเสริมสร้างและบ่มเพาะสติปัญญาให้กับประชาชน อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครปฏิเสธว่ามหาวิทยาลัยจำเป็นต้องอยู่รอดให้ได้ในเชิงธุรกิจ แต่ก็ต้องไม่ลืมว่ามหาวิทยาลัยคือแหล่งสร้างสติปัญญา ไม่ใช่แหล่งการสร้างรายได้โดยละเลยสติปัญญาหรือความมีคุณธรรม 

ผู้บริหารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยยุคนี้เคยตั้งคำถามกับตนเองบ้างไหมว่า เหตุใดมหาวิทยาลัยชั้นนำที่เก่าแก่มีอายุหลายร้อยปีที่นานาชาติให้การยอมรับ (โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยที่ถูกจัดอันดับไว้สูงกว่า ทันสมัยกว่า และเก่าแก่กว่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มากมาย) จึงยังคงเก็บรักษาตราสัญลักษณ์ดั้งเดิมเอาไว้ เช่น Oxford, Cambridge, Imperial College, King College,Harvard, Peking, Tokyo หรืออีกหลายสิบมหาวิทยาลัยในสเปน อิตาลี เยอรมนี จึงไม่เปลี่ยนแปลงตราประจำมหาวิทยาลัย

แล้วหากจะสำเหนียกอีกสักนิด ก็คงจะเห็นว่า แม้แต่มหาวิทยาลัยเก่าแก่ในประเทศไทย เช่น ธรรมศาสตร์ ศิลปากร เกษตรศาสตร์ มหิดล เชียงใหม่ ต่างก็ยังคงเก็บรักษาตราสัญลักษณ์ดั้งเดิมของมหาวิทยาลัยเอาไว้ แล้วเหตุใดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดและแนบแน่นกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นอย่างมาก แต่กลับจงใจเปลี่ยนแปลงตราพระเกี้ยว

ระยะเวลา 105 ปีของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยยังไม่นับรวมไปถึงรากเหง้าของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเมื่อครั้งก่อนที่จะใช้ชื่อจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไม่มีความสำคัญใด ๆ เลยในสายตาของผู้บริหารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยยุคปัจจุบันหรือ

ขอย้ำอีกครั้งว่า การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องปกติธรรมดาของสิ่งมีชีวิต แต่ต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อนำความเจริญมาสู่องค์กร ไม่ใช่เปลี่ยนแปลงโดยลบล้างรากเหง้าอันดีงามทิ้งไป ไม่ใช่เปลี่ยนแปลงโดยอ้างว่าเพื่อให้องค์กรทันสมัยโดยวิ่งตามกระแสความต้องการของตลาด แต่หลงลืมเอกลักษณ์อันดีงามของตนเอง

การเปลี่ยนตราสัญลักษณ์ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงให้องค์กรดีขึ้นมาได้ หากเนื้อในยังคงไม่ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงให้ดีขึ้น การเปลี่ยนเสื้อผ้า การแต่งหน้าตาให้ดูผิดแผกแตกต่างไปจากเดิม แต่จิตใจยังไม่ได้พัฒนาให้สูงขึ้น ดีขึ้น ไม่ได้ทำให้คนผู้นั้นเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญของชีวิต แต่เพียงแค่เปลี่ยนเปลือกนอกเท่านั้น หากผู้บริหารมหาวิทยาลัยไม่ให้ความสำคัญกับสาระของความจริงและเอกลักษณ์ของตนเอง มั่วแต่วิ่งตามความทันสมัยของโลกโดยที่ไม่ดูเนื้อแท้ของตนเอง ก็เป็นได้แค่เพียงนักลองเลียนแบบเท่านั้น คนชนิดนี้หาได้มีความน่าเคารพศรัทธาเลื่อมใสไม่

คำถามทิ้งท้ายคือ เหตุใดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยต้องเปลี่ยนตราสัญลักษณ์เดิมของมหาวิทยาลัย หรือคิดว่าการเปลี่ยนเพียงเท่านี้จะทำให้มหาวิทยาลัยมีภูมิปัญญาสูงขึ้น และเป็นที่ยอมรับของนานาสากลหรือ ทำไมจึงไมรักษาเอกลักษณ์ อัตลักษณ์ที่ดีงามและทรงคุณค่าของตัวเองไว้ หรือว่ารังเกียจรากเหง้าความเป็นมาของตนเองจนทนรับไม่ได้ จึงต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อหลอกตัวเอง

 น้องใหม่ จุฬาฯ 2520

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
17:23 น. แฟนคลับเป็นห่วง! 'ตั้ม วราวุธ'ประสบอุบัติเหตุ เจ็บหนักปากฉีก-จมูกหัก
17:02 น. ชาวเน็ตเดือด! รมว.เกษตรญี่ปุ่นพูด'ไม่เคยต้องซื้อข้าว' ท่ามกลางวิกฤตข้าวแพง
17:00 น. ‘ณฐพร’ร้อง กกต.ชงศาลรธน. สั่ง‘138 สว.’สิ้นสภาพ-หยุดปฏิบัติหน้าที่
17:00 น. กอดกันร่ำไห้! ‘บ้านถูกไฟไหม้วอด’ เพื่อนบ้านช่วยเข็นรถยนต์-จยย.ออกมาได้
16:57 น. ผอ.ช่วยทันที! ครอบครัวรันทดนอนร้านซักรีด รับพ่อแม่เข้าทำงาน-หาทุนให้เด็ก
ดูทั้งหมด
พระลูกวัดฟันเปรี้ยง‘ทิดแย้ม’ทำแต่กิจของสงฆ์ ไม่ว่างนั่งปั่นบาคาร่า ลั่นยัง‘สึก’ไม่สำเร็จ
หนาวทั้งบาง! ‘ดิเรกฤทธิ์’ชี้หากราชทัณฑ์ไร้หลักฐานปมชั้น 14 คาดคนผิดรับโทษเพียบ
ประวัติศาสตร์! ไทยพลิกนรกโค่นจีน3-2คว้าตั๋วฟุตซอลโลก
ยิปซีพยากรณ์ดวงรายวัน ประจำวันศุกร์ 16​ ​พฤษภาคม​ ​2568
ชีวิตครอบครัวพัง! อดีตเมียพลทหารขับไรเดอร์เผย เลิกกันเพราะผัวขอยืมเงินเอาไปปิดยอดส่งนาย
ดูทั้งหมด
เรื่องประหลาดของชาติหน้า
สติพระ
เงินทอน
อย่าให้เศรษฐกิจย่อยยับ คามือ ‘นายกฯ ชินวัตร’
‘แพทองโพย’ทัวร์อังกฤษผลาญเงินหลวง
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

แฟนคลับเป็นห่วง! 'ตั้ม วราวุธ'ประสบอุบัติเหตุ เจ็บหนักปากฉีก-จมูกหัก

ผอ.ช่วยทันที! ครอบครัวรันทดนอนร้านซักรีด รับพ่อแม่เข้าทำงาน-หาทุนให้เด็ก

ชาวเน็ตเดือด! รมว.เกษตรญี่ปุ่นพูด'ไม่เคยต้องซื้อข้าว' ท่ามกลางวิกฤตข้าวแพง

‘พิมล เจริญยิ่ง’วัย 85 ปี ผู้ต้องขังคดี‘ตึกสตง.’ถล่ม เครียด ซีกซ้ายอ่อนแรง หามส่งรพ.ภูมิพล

เช็ครายชื่อ! ครม.มีมติแต่งตั้งข้าราชการหลายตำแหน่ง

'ลีเดียร์'หวดดุ!ทะลุ16คนเทนนิสไทยแลนด์ฯ

  • Breaking News
  • แฟนคลับเป็นห่วง! \'ตั้ม วราวุธ\'ประสบอุบัติเหตุ เจ็บหนักปากฉีก-จมูกหัก แฟนคลับเป็นห่วง! 'ตั้ม วราวุธ'ประสบอุบัติเหตุ เจ็บหนักปากฉีก-จมูกหัก
  • ชาวเน็ตเดือด! รมว.เกษตรญี่ปุ่นพูด\'ไม่เคยต้องซื้อข้าว\' ท่ามกลางวิกฤตข้าวแพง ชาวเน็ตเดือด! รมว.เกษตรญี่ปุ่นพูด'ไม่เคยต้องซื้อข้าว' ท่ามกลางวิกฤตข้าวแพง
  • ‘ณฐพร’ร้อง กกต.ชงศาลรธน. สั่ง‘138 สว.’สิ้นสภาพ-หยุดปฏิบัติหน้าที่ ‘ณฐพร’ร้อง กกต.ชงศาลรธน. สั่ง‘138 สว.’สิ้นสภาพ-หยุดปฏิบัติหน้าที่
  • กอดกันร่ำไห้! ‘บ้านถูกไฟไหม้วอด’ เพื่อนบ้านช่วยเข็นรถยนต์-จยย.ออกมาได้ กอดกันร่ำไห้! ‘บ้านถูกไฟไหม้วอด’ เพื่อนบ้านช่วยเข็นรถยนต์-จยย.ออกมาได้
  • ผอ.ช่วยทันที! ครอบครัวรันทดนอนร้านซักรีด รับพ่อแม่เข้าทำงาน-หาทุนให้เด็ก ผอ.ช่วยทันที! ครอบครัวรันทดนอนร้านซักรีด รับพ่อแม่เข้าทำงาน-หาทุนให้เด็ก
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

ทิดแย้ม ไร่ขิง ปัญหาบนยอดภูเขาน้ำแข็ง

ทิดแย้ม ไร่ขิง ปัญหาบนยอดภูเขาน้ำแข็ง

18 พ.ค. 2568

บ่อนกาสิโน-แพทองธาร ชินวัตร : ภาพลักษณ์ไทย

บ่อนกาสิโน-แพทองธาร ชินวัตร : ภาพลักษณ์ไทย

11 พ.ค. 2568

ปากแจ๋ว ปากพล่อย อ้างวิชาการบังหน้า

ปากแจ๋ว ปากพล่อย อ้างวิชาการบังหน้า

4 พ.ค. 2568

ประเทศวิบัติ เพราะนักการเมืองโง่มีอำนาจรัฐ

ประเทศวิบัติ เพราะนักการเมืองโง่มีอำนาจรัฐ

27 เม.ย. 2568

อันวาร์, มิน อ่อง หล่าย, ทักษิณ และแพทองธาร

อันวาร์, มิน อ่อง หล่าย, ทักษิณ และแพทองธาร

20 เม.ย. 2568

แพทองธารไม่เห็นปัญหา reciprocal tariff

แพทองธารไม่เห็นปัญหา reciprocal tariff

13 เม.ย. 2568

แก้ปัญหา US tariff ด้วยสติปัญญาของแพทองธาร!!!

แก้ปัญหา US tariff ด้วยสติปัญญาของแพทองธาร!!!

6 เม.ย. 2568

แผ่นดินไหว ภัยพิบัติที่รัฐบาลไทยไม่เคยเตรียมตัว

แผ่นดินไหว ภัยพิบัติที่รัฐบาลไทยไม่เคยเตรียมตัว

30 มี.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved