l วันนี้ เราลองมาดู ความคิดของสังคมไทย ในช่วงนี้กัน
ว่า ผู้นำ และชาวบ้าน คิดอย่างไร ต่อ เรื่องราวที่เกิดขึ้นในสังคมไทย
มีหลัก และกรอบคิดอย่างไร ถูกต้องสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงไหม
ตามหลักการที่เป็นหัวใจ คือ “การแสวงหาสัจจะ จากความเป็นจริง”
ผู้นำของประเทศ ที่นำพาประชาชนไปสู่ความสำเร็จเจริญก้าวหน้า พ้นทุกข์ เพราะ เขายึดหลักนี้
ยกตัวอย่างมาบางเรื่อง คือ
1.เรื่องโควิด-19 และ วัคซีน
2.เรื่องสถานการณ์ทางการเมือง
l 1. เรื่องโควิด-19 และ วัคซีน
(1) การวิจารณ์ และการเสนอข่าว เรื่องโควิด-19 และวัคซีน (เน้น ที่สังคมไทย)
ขึ้นอยู่กับ กรอบคิด และความเข้าใจ เรื่องโควิด-19 และ วัคซีน อย่างไร?
มี ๓ กระแสหลัก ในการให้ความคิดเห็นในเรื่องนี้
๑. องค์กรอนามัยโลก WHO องค์กรหน่วยงานของประเทศชั้นนำฯ รวมทั้ง อย. ของไทย
จะเป็นคนส่วนใหญ่ของโลกและประเทศ มีงานวิชาการ งานวิจัย ข้อมูล และผลสำเร็จที่เกิดขึ้นรองรับ
ผลสำเร็จ มิใช่ว่า “ถูกต้องครบถ้วน ๑๐๐%” แต่อยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ ประมาณ ๗๐% ขึ้นไป
เพราะ “โควิด-19” รวมทั้ง “วัคซีน” เป็นเรื่องใหม่ ยังไม่จบ งานยังไม่สมบูรณ์
แต่ เราดู จากผลงาน ที่ได้ดำเนินการไป มีคุณค่า และมีประโยชน์ สามารถป้องกันผู้คนไว้ได้เป็นส่วนใหญ่
๒.กลุ่มที่มีความคิดเห็น ในเชิงปฏิเสธ ไม่ยอมรับ ข้อ ๑.
ผู้นำทางความคิดนี้
เป็นผู้นำของสังคมที่หลากหลายจำนวนหนึ่ง เป็นหมอนักวิชาการ ดารา นักเคลื่อนไหวฯ
แบ่งกรอบความคิดความเชื่อ แบบคร่าวๆได้
(๑) มีข้อมูล และผลงานที่ผ่านการปฏิบัติ จากงานวิจัย และ การตรวจสอบผลของผู้ติดโควิด-19
ใช้วัคซีน และไม่ใช้วัคซีน ใช้ยา สมุนไพร ฯลฯ อื่นๆ
และมีการ ยกเอา “ยา และสมุนไพร” ที่คนบางกลุ่ม ใช้แล้วประสบผลดี
รวมทั้ง การหยิบยกข้อบกพร่อง และผลเสียของวัคซีนที่มีต่อคนบางส่วน มาหนุน
(๒) กรอบคิดของกลุ่ม บางส่วน
ปฏิเสธ ระบบสาธารณสุข และการแพทย์ปัจจุบัน
ปฏิเสธ บริษัทยักษ์ใหญ่ ผู้ผลิตวัคซีน และ
ปฏิเสธ รัฐ หรือ รัฐบาล ฯลฯ
กลุ่มเหล่านี้ เป็นส่วนน้อย แต่ มีการเคลื่อนไหว อย่างต่อเนื่อง อาศัยสื่อ สื่อออนไลน์ เป็นเครื่องมือ
๓.ผู้คนส่วนใหญ่ ที่คล้อยตามกระแสหลักของสังคมเน้นไปทาง ที่ ๑.
โดยคิดแบบง่ายๆ ตามสภาพความเป็นจริงที่เขาเห็น โดยเฉพาะ
การฉีดวัคซีน และมาตรการต่างๆของรัฐบาล อย. กระทรวงสาธารณสุข หมอ พยาบาล ฯลฯ
ที่ได้ทำให้เขา มีชีวิตอยู่ หายจากโควิด-19 มีภูมิต้านทาน และ
การได้รับรู้ว่า “ประเทศไทย ได้รับการยกย่อง ในเรื่องการรักษาป้องกันโควิด-19ในระดับที่สูงของโลก
(2) ผลลัพธ์ และความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ในสังคมไทย
๑.สะท้อนความเชื่อและการยอมรับของคนส่วนใหญ่ ใน WHO และ อย.ของไทย
๒.แต่ สำหรับคนไม่เชื่อ หรือ มีกรอบคิดที่ต่างออกไป ส่วนใหญ่ก็ยังคงไม่ยอมรับ
และมีการนำเสนอ ความคิดต่างออกมาประจำ ต่อเนื่อง
ที่น่าเศร้าใจ คือ “ไม่เคยยอมรับผิด” เมื่อมีข้อเท็จจริงออกมา
๓.ที่น่าเศร้าหนัก คือ มีผู้นำ คนทั่วไป และเพื่อนบางคนต้องจากไป เพราะ ปฏิเสธวัคซีนฯ
(3) มีข้อสรุป ณ วันนี้
มาถึงปัจจุบัน เรื่องนี้ฯ ยังไม่จบ ยังไม่มีบทสรุปที่ถูกต้อง 100%
มีการนำเสนอความคิดหลากหลาย, สรุป ได้ คร่าวๆ ดังนี้
๑.โควิด-19 มีการกลายพันธุ์ และพัฒนาตนเอง
จากมีความรุนแรงมากขึ้น มาทรงตัว แล้วค่อยๆ ลดลง และยังมีบางแห่งที่เริ่มสูงขึ้นอีก
๒.โควิด-19 เกิดจาก การพัฒนาของเชื้อโรคไวรัสฯ(เป็นประเด็นหลัก)
โควิด-19 มิได้เกิด ตามสภาพปกติ
แต่เป็นการสร้างของมนุษย์ เป็นผลประโยชน์ ของบางกลุ่มบางประเทศ (เป็นประเด็นรอง)
๓.วัคซีน ที่มีการใช้กันทั่วโลก มีคุณค่า ได้ประโยชน์ต่อชาวโลก เป็นส่วนข้างมาก
แม้ไม่สมบูรณ์ มีผลข้างเคียง (เป็นประเด็นหลัก)
๔. วัคซีน ไม่ได้ผล และ อาจจะเป็นตัวอันตราย ฯลฯ (เป็นประเด็นรอง)
๕. ตอนนี้ทั่วโลก ผู้คนมีภูมิต้านทานมากขึ้น แต่ยังมีส่วนที่ยังไม่มีภูมิต้านทานอยู่ส่วนหนึ่ง
ทั้งต่อ โรคโควิด-19 ทั่วไป หรือ ต่อ โควิด-19 -19 บางประเภท
๖. ยาป้องกันโควิด-19 บางอย่างที่ถูกใช้ (นอกจากวัคซีน) บางกลุ่ม บางส่วน ของบางประเทศ
โดยหลักมิได้รับการรับรองจาก หน่วยงานด้านอนามัยและสาธารณสุขของโลก
มีบางส่วน ได้รับการรับรองเฉพาะบางพื้นที่ แต่ยังมิได้ใช่ทั่วไป
๗. การรักษาป้องกันตนเอง ในรูปแบบต่างๆ ยังคงเป็นเรื่องหลัก
คือ การดูแลรักษาร่างกายให้แข็งแรง การพักผ่อนให้พอเพียง การออกกำลังกาย
การสวม Mass เป็นประจำสม่ำเสมอ ในช่วงที่ต้องออกไปพบผู้คน การเว้นระยะห่าง
หลีกเลี่ยงการไปสถานที่มีความเสี่ยง และมีคนมากที่ไม่จำเป็น
การกินอาหาร และสมุนไพร ที่มีผลดีต่อสุขภาพในการป้องกันเชื้อโควิด-19ฯ
การล้างมือด้วยเจลฯ การกลั้วคอด้วยน้ำยาฯ
การอาบน้ำ สระผม เปลี่ยนชุดใหม่หลังกลับมาจากภายนอก
นอกจากการฉีดวัคซีนให้ครบจำนวน
๘. เราคงต้องศึกษาติดตามต่อไป
โดยไม่ควรสรุป หรือ ฟันธง อย่างใด อย่างหนึ่ง 100%
l 2. เรื่องสถานการณ์ทางการเมืองไทย
(1) การวิจารณ์ และการเสนอข่าว
มีสาระน้อย ไม่สร้างสรรค์
เป็นการสร้างข่าว ของนักการเมือง ของกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง สื่อการเมืองและสังคมออนไลน์
ที่ใช้ข้อมูลเท็จบิดเบือนค่อนข้างมาก
สร้างความสับสน เข้าใจคลาดเคลื่อน ให้กับชาวบ้านที่ตามข่าวสาร
การยกตนและพวกพ้องให้โดดเด่น และ การกดลดฝ่ายอื่นคนอื่นลง
(2) อาจจะเป็นเพราะ
- ความไม่รู้ อวิชชา แล้วไม่ลงทุนแสวงหาความจริง
- ความเชื่อ อคติ ตามที่ได้ฟังมา โดยขาดการวิเคราะห์ด้วยสติปัญญา ความจริง
- มีความเชื่อ เช่นนั้นจริงๆ เพราะ “อ่านแต่ตำรา นั่งอยู่หอคอยงาช้าง ไม่เคยมีประสบการณ์ที่เป็นจริง”
ไม่เคยเสียสละ หรือ เข้าร่วมการต่อสู้ทางการเมือง เพื่อผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่
- เป็นความตั้งใจ ที่จะเอาชนะ คะคาน หวังผลประโยชน์จากการทำให้ชาวบ้านสับสน
- เป็นผลประโยชน์ทางการเมือง ที่ใกล้จะมีการเลือกตั้ง
ที่น่าเศร้าหดหู่ใจ ที่คนส่วนหนึ่งเป็นคนที่มีความรู้ ระดับบัณฑิตใหญ่ ในสังคม ที่ควรจะเป็นผู้นำพาหาทางออก
………………………
(3) แต่ ก็ไม่น่าวิตกกังกลมากไป
เพราะ “คนและกลุ่มเหล่านี้” ไม่ได้มีพลังมากพอ ที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เป็นเพียง “หมาน้อยเห่าเครื่องบิน”
แต่อาจจะทำให้บางส่วนรำคราญ ดุจโดน “แมลงวัน ที่บินเข้ามาในบ้าน และมาดมมาตอมมากวนใจเรา”
ฯลฯ
อย่าใส่ใจให้ค่ามากไป
เราควรคิดและทำ ในเรื่องราวที่มีคุณค่า ความหมายและประโยชน์ ต่อตน และสังคม
โดยการยึดหลัก แสวงหาสัจจะจากความจริง
(4) ฝึกนอกกรอบ
เป็นการคิดในสิ่งที่ออกไปจากกรอบความคิดเดิมๆ วิธีแก้ปัญหาเดิมๆ
ทำให้สามารถค้นพบสิ่งใหม่ๆ หรือสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ (นวัตกรรม) ได้
ช่วยให้สามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้มากขึ้น หลากหลายขึ้น
(5) แสวงหาความจริง จากการศึกษาเรียนรู้ ในกรอบใหม่
ใช้เวลากับ “คนคิดต่าง” โดยการรับฟังอย่างเป็นกลาง มีสติ ใช้ปัญญาความจริงนำ
การรับฟังผู้นำ ที่ไม่กระล่อนและมีประสบการณ์ ที่สามารถวิเคราะห์สถานการณ์ได้ตรงหรือใกล้เคียงกับความจริง
รวมทั้งต้องลงพื้นที่ ในสนามที่เป็นจริง ที่จะให้ความจริงกับเราได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี