การเมืองไทยในสนามเลือกตั้ง เหมือนจะเดือดดาลเข้มข้นขึ้นทุกขณะ พฤติกรรมเดิมๆ สันดานเก่าๆ ที่ไม่เคยถูกขัดสีผุดโผล่ออกมาอย่างตั้งอกตั้งใจ ทั้งจากนักการเมืองในประเทศระดับ “เทพเซียมซู-จตุพร พรหมพันธุ์” คางคกผู้มั่งคั่ง ที่ตอบโต้เปรียบเทียบอย่างมนุษย์ที่ยึดมั่นในสามัญสำนึกกับฝ่ายมนุษย์ที่ไร้สามัญสำนึก สำรอก “ประชาธิปไตย”ราวกับว่าพวกตัวเองเท่านั้นที่สรรสร้างประชาธิปไตยเพื่อพี่น้องประชาชน
ประชาธิปไตย (democracy) เป็นระบอบการปกครองแบบหนึ่งซึ่งประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยและเลือกตัวแทนทำหน้าที่นิติบัญญัติทำหน้าที่บริหาร ... รัฐบาล และฝ่ายตุลาการ ... ศาล แต่ที่ผ่านมาแต่ละรัฐบาลก็ฉกฉวยคำว่าประชาธิปไตยมาหลอกประชาชนเพื่อให้ศรัทธาลุ่มหลง อาทิ รัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง “ทักษิณ ชินวัตร” และพรรคไทยรักไทย ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญฉบับพ.ศ.2540 สร้างปรากฏการณ์ตั้งรัฐบาลพรรคเดียวหลังพรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งภายใต้พิธีกรรมที่ถูกเรียกควบรวมว่า “ประชาธิปไตย”
ครั้งนั้น “พรรคไทยรักไทย, ทักษิณ ชินวัตร”อาศัยจุดโหว่ของรัฐธรรมนูญกวาดต้อนฝูงส่ำสัตว์เข้าคอกตีตราอย่างสนุกสนาน บริหารประเทศภายใต้ทฤษฎี “ทักษิโณมิกส์ และ ระบอบทักษิณ” เป็นที่มาของการนำพาการเมืองเข้าสู่วงจรอุบาทว์จนบานสะพรั่งกระทั่งเกิดการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 โดยคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินที่มีพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน เป็นหัวหน้าคณะ
ระบอบทักษิณไม่ได้สิ้นวาสนาตามผู้นำความคิด เพราะยังส่งไม้ต่อให้วงศาคณาญาติมาออกฤทธิ์เดชจนเกิดการทุจริตฉ้อฉลเชิงนโยบายจาก “โครงการทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ต่ออีกสมัยจนเกิดอาการตาสว่างของ “มวลมหาประชาชน” จึงต่อต้านทั้งการลักหลับออกกฎหมายนิรโทษกรรมและวงจรอุบาทว์ที่เกิดขึ้นจนทำให้ประเทศชาติเสียหายกว่า1 ล้านล้านบาท “โครงการรับจำนำข้าว” สร้างหายนะมหาศาลให้ตลาดข้าวโลก
เกิดการรัฐประหารอีกครั้งโดยคสช.-คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่มี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้าคณะก่อนขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีบริหารประเทศเพื่อให้สังคมไทยสงบและยุติความแตกแยกแบ่งฝักฝ่าย จนจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นำพรรคพลังประชารัฐชนะการเลือกตั้งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศภายใต้ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ท่ามกลางการต่อต้านขัดขวางทุกพิธีกรรมจากฝ่ายตรงข้าม ยัดเยียดคำว่าเผด็จการทหาร สร้างความสับสนให้แก่ประชาชนโหยหวนกระโชกหา “ประชาธิปไตย”ตามนิยามของฝ่ายตนเอง
ประชาธิปไตยแบบ “ชินวัตรสไตล์”...จังหวัดไหนเลือกเราก็จัดงบประมาณช่วยจังหวัดนั้นก่อน สำรากรักประชาธิปไตยโดนวิพากษ์วิจารณ์กลับเดือดดาลกล่าวอ้างว่าหมาเห่า ไม่ฟังเสียงข้างน้อยใช้นโยบายประชานิยมผสมทักษิโณมิกส์ และระบอบทักษิณลวงราษฎรมาเป็นพวก
จนเกิดวลีน่าสนใจ “ถ้าผมหมา ท่านก็หมา หมายังเป็นไม่ได้!?!?! เพราะหมามันซื่อสัตย์กตัญญูรู้คุณนี่แหละ สันดานพ่อค้านักธุรกิจโดยแท้หาใช่นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ... ไร้คุณสมบัติของหมาเพราะไม่ซื่อสัตย์-ทรยศหักหลัง” กับประชาธิปไตยแบบเอ็กซ์สตรีม... สุดโต่งแบบพรรคก้าวไกล ที่พาดพิงจาบจ้วงสถาบันหลักของชาติ ทั้งสถาบันกษัตริย์ สถาบันศาลหนักหน่วงหรือจะเลือกประชาธิปไตยภายใต้ท็อปบู๊ทที่กระจายความเจริญด้านสาธารณูปโภคทั่วประเทศแม้ในจังหวัดที่ไม่เลือกพรรคพลังประชารัฐก็ได้รับงบประมาณช่วยเหลือแก้ไขปัญหาโดยไม่แบ่งแยกฝักฝ่าย
สังคมไทยจะเลือกประชาธิปไตยแต่ลมปากสำรอกสำรากเพื่อสมประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง หรือเลือกประชาธิปไตยที่ถูกใส่ไคล้ว่าเป็นเผด็จการสืบทอดอำนาจกองทัพปกครองประชาชน แต่บ้านเมืองพัฒนารุ่งเรืองเจริญทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ
ประชาธิปไตยเรื่องหมา ... หมา ที่นิยมสำรอกสำรากเห่าหอน
หมาที่หาความซื่อสัตย์สุจริตมุ่งแต่ทรยศหักหลัง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี