วันอังคาร ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์ /

วันจันทร์ ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566, 02.00 น.
โรคโควิด-19 จบลงแล้ว

ดูทั้งหมด

  •  

ต้องบอกว่าตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมานั้น ประชาชนทั่วทั้งโลกรวมทั้งในประเทศไทยด้วย ได้ตกอยู่ในสภาพของความหวั่นวิตกกังวลจากภัยคุกคามที่เกิดจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่เริ่มต้นจากการที่มีผู้ติดเชื้อรายแรกในมณฑลอู่ฮั่นประเทศจีน และหลังจากนั้นก็มีการระบาดอย่างรวดเร็วไปในทุกทวีปและทุกประเทศในโลกใบนี้ จนถือได้ว่าเป็นโรคระบาดใหญ่ร้ายแรงที่คุกคามชีวิตของผู้คนไปอย่างมากมาย โดยมีผู้ป่วยด้วยโรคนี้เป็นจำนวนมากกว่า 680ล้านราย และเสียชีวิตไปมากกว่า 6.7 ล้านราย หรือประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วย โดยในส่วนของประเทศไทยนั้นมีผู้ที่ติดเชื้อและมีอาการที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลต่างๆ มากกว่า 4.7 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตไปรวมทั้งสิ้นมากกว่า 33,000 รายเล็กน้อย

เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์แรกที่ทำให้เกิดการระบาดได้รับการเรียกชื่อว่าสายพันธุ์อู่ฮั่น ซึ่งจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่ทราบอย่างแน่ชัดว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร โดยข่าวที่ออกมาระยะแรก ระบุว่าน่าจะเกิดจากเชื้อไวรัสที่อาศัยอยู่ในค้างคาวและมีการกลายพันธุ์จนติดมายังคนได้ และหลายกระแสก็มีการพูดว่าเป็นเชื้อไวรัสซึ่งถูกมนุษย์กลุ่มหนึ่งพัฒนาขึ้นมา โดยจะหวังผลอย่างไรก็ไม่แน่ชัด ก็คงเป็นเรื่องที่ต้องปล่อยทิ้งไว้ให้เป็นความลับอย่างนี้ไปตลอด


หลังจากการระบาดที่เริ่มต้นในประเทศจีน เชื้อสายพันธุ์อู่ฮั่นก็แพร่กระจายไปยังทุกทวีปดังที่กล่าวมาแล้ว และต่อมาไม่นานนักก็เริ่มมีการกลายพันธุ์เป็นเชื้อสายพันธุ์ต่างๆ อาทิ สายพันธุ์เดลต้า  สายพันธุ์เบต้า สายพันธุ์แกมม่า และในที่สุดก็เป็นสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ก็มีความรุนแรงในระยะเริ่มต้นไม่ต่างกันมากนัก แต่เมื่อเวลาผ่านไปโดยเฉพาะหลังจากที่เริ่มมีการพัฒนาวัคซีนและได้ใช้วัคซีนเพื่อจะสร้างภูมิต้านทานให้เกิดขึ้นเพื่อต่อต้านอาการรุนแรงที่เกิดขึ้นในผู้ที่ติดเชื้อตามลำดับ ก็พบว่าความรุนแรงของอาการที่เกิดขึ้นในเกือบจะทุกสายพันธุ์เริ่มลดน้อยลง ซึ่งรวมทั้งสายพันธุ์โอมิครอนซึ่งยังเป็นสายพันธุ์ที่ยังมีผู้ติดเชื้อเป็นหลักอยู่ในขณะนี้  จนน่าจะถึงระยะเวลาที่บอกได้แล้วว่า game over หรือแปลเป็นไทยว่าโรคนี้ จบลงไปแล้ว ตามคำพูดของศาสตราจารย์นายแพทย์ยง ภู่วรวรรณ ที่เป็นอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรคไวรัสผู้หนึ่งที่ได้มีบทบาทในเรื่องของการศึกษา ค้นคว้า วิจัยและการรักษาตลอดจนการป้องกันโรคนี้ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเป็นอย่างมาก

ข้อมูลล่าสุดของกระทรวงสาธารณสุข เกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อและมีอาการ รวมทั้งจำนวนผู้ที่เสียชีวิตล่าสุดก่อนที่จะมีการเขียนบทความนี้ คือข้อมูลรายงานระหว่างวันที่ 12-18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อที่ต้องเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลทั่วประเทศทั้งหมดมี รวมทั้งสิ้น 203 ราย หรือประมาณ 29 รายต่อวัน มีผู้เสียชีวิตจำนวนรวม 8 ราย หรือเฉลี่ย 1 รายต่อวัน ซึ่งถือว่าน้อยมากและเป็นตัวเลขที่สามารถเทียบเคียงกับผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสชนิดอื่นๆ

จะขออนุญาตนำคำโพสต์ข้อความผ่าน Facebook เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาของศาสตราจารย์นายแพทย์ยง ภู่วรวรรณ ซึ่งอาจารย์ได้ใช้คำว่า game over ของโรคโควิด-19ไว้ ดังนี้

ตามที่ได้เคยกล่าวไว้ในอดีตจะเห็นได้ว่าความจริงต่างๆ ได้เริ่มปรากฏชัดขึ้น

1.วิวัฒนาการของไวรัสเป็นไปเพื่อความอยู่รอด ดังนั้นไวรัสจะปรับตัวเพื่อลดความรุนแรงลงให้อยู่ร่วมกับเจ้าบ้านได้  ความรุนแรงของโควิด-19 จึงลดลงมาโดยตลอดจากอัตราตายสูง 3-5 เปอร์เซ็นต์  จนขณะนี้เหลือน่าจะน้อยกว่า 0.1 เปอร์เซ็นต์เช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่

2.โรคที่มีความรุนแรงสูง เช่น Ebola,Marburg, Lassa โอกาสที่จะระบาดไปทั่วโลกเป็นไปได้ยาก ตรงข้ามกับโรคที่มีความรุนแรงต่ำเช่น ไข้หวัดใหญ่ โควิด-19 สามารถระบาดไปทั่วโลกได้

3.วัคซีนแต่ละชนิดไม่แตกต่างกัน มีการเรียกร้องวัคซีน mRNA ที่กระตุ้นภูมิต้านทานได้สูงและมีผลการทดลองเป็นเพียงระยะสั้น ประสิทธิผลในระยะสั้นเท่านั้น เมื่อติดตามในระยะยาวแล้วภูมิต้านทานลดลงเร็วและไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้  ถ้าดูอัตราการเสียชีวิตของแต่ละประเทศและวัคซีนที่ฉีดก็จะเห็นได้ชัด เมื่อประชากรส่วนใหญ่ติดเชื้อไปแล้วอัตราการเสียชีวิตในประเทศที่ฉีด mRNA ล้วน ก็ไม่ได้ต่ำกว่าประเทศที่ไม่ได้ฉีด ดังนั้นที่ผ่านมาจึงไม่มีวัคซีนเทพ วัคซีนขณะนี้หลายบริษัทได้ลดการผลิตหรือเลิกการผลิต

4.การระบาดของโรคที่สงบลงขณะนี้ เพราะประชากรส่วนใหญ่ติดเชื้อไปแล้ว โดยแต่ละประเทศเชื่อว่าติดเชื้อไปแล้วมากกว่าร้อยละ 70  จึงทำให้การระบาดของโรคทุเลาลง

5.ภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อร่วมกับการฉีดวัคซีนจะเป็นภูมิต้านทานที่ค่อนข้างสมบูรณ์และอยู่นาน เมื่อเปรียบเทียบกับภูมิต้านทานที่เกิดจากวัคซีนอย่างเดียว

6.ทิศทางการระบาดเมื่อโรคเข้าสู่โรคประจำฤดูกาล ฤดูกาลในการระบาดจะเหมือนกับไข้หวัดใหญ่ หรือโรคทางเดินหายใจทั่วไป

7.ความจำเป็นของวัคซีนในอนาคตจะคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ จะมุ่งเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่ติดเชื้อแล้วจะมีอาการรุนแรง ในคนที่แข็งแรงดีและเคยติดเชื้อมาแล้วถึงแม้จะติดเชื้อซ้ำอีกอาการก็จะไม่รุนแรง

8.การแก้ปัญหาโรคระบาด ถ้าย้อนเวลาได้เราควรใช้องค์ความรู้นำสร้างองค์ความรู้ มากกว่าที่จะไปตามกระแสหรือแรงกดดันจากสื่อสังคม

9.ในปีนี้จะต้องถือว่า game over เชื่อว่าองค์การอนามัยโลกคงจะเลิกนับตัวเลข เพราะตัวเลขที่รายงานขององค์การอนามัยโลกและของทุกประเทศ  การติดเชื้อต่ำกว่าความเป็นจริงมาก  และทุกอย่างจะอยู่ในขั้นตอนการเฝ้าระวังและการระบาดเป็นไปตามฤดูกาล

10.สำหรับประเทศไทยตามที่ได้เคยกล่าวไว้ตั้งแต่ปลายปีว่า ตั้งแต่กุมภาพันธ์เป็นต้นไปโรคก็จะสงบ และจะไปพบเพิ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่งในเดือนมิถุนายน ถึงเดือนกันยายน แล้วหลังจากนั้นก็สงบเป็นวงจรระบาดตามฤดูกาล

ทั้ง 10 ข้อนั้นคือบทสรุปเกี่ยวกับโรคโควิดในช่วงระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมาซึ่งนับว่าเป็นข้อสรุป ที่เป็นประโยชน์ยิ่ง

อาจจะมีคำถามตามมาว่าเมื่อโควิด-19 จบลงไปแล้ว การฉีดวัคซีนยังจำเป็นจะต้องมีอยู่ต่อไปหรือไม่ ก็ขอตอบได้เลยว่าโรคนี้ยังคงมีอยู่  เพียงแต่ลดความรุนแรงลงไปและการระบาดจะเกิดขึ้นตามฤดูกาล สำหรับผู้ที่เป็นประชาชนกลุ่มเสี่ยงหรือที่รู้จักกันดีว่ากลุ่ม 608 นั้น การฉีดวัคซีนเป็น Booster dose ทุกระยะ 6 เดือน ยังถือเป็นข้อที่ควรปฏิบัติ และอาจจะรวมไปถึงบุคลากรทางการแพทย์ทั้งหลายด้วย ส่วนในกลุ่มประชาชนทั่วไปนั้น หากเป็นผู้ที่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงดี อาจจะรับการฉีดวัคซีนปีละ 1 โดส ยกเว้นในช่วงที่มีการระบาดเพิ่มเติม ก็อาจจะต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนเช่นกัน ซึ่งรวมทั้งในกลุ่มอื่นๆ ด้วย

ส่วนการสวมหน้ากากอนามัยนั้น เมื่อโรคโควิด-19 กลายเป็นโรคประจำฤดูกาล การสวมหน้ากากอนามัยก็สามารถจะผ่อนคลายลงได้  แต่หากต้องไปอยู่ในกลุ่มคนจำนวนมากการสวมหน้ากากอนามัยก็ยังคงเป็นประโยชน์อยู่ แต่สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต คือคนที่ป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ ควรจะต้องสวมหน้ากากอนามัยเสมอเมื่ออยู่ใกล้ผู้คนอื่นหรือในที่สาธารณะ  เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคไปยังคนอื่น

โรคโควิด-19 ที่จะทำให้เกิดการระบาดใหญ่คงจบลงแล้วอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่กำลังจะเริ่มต้นในประเทศไทย และจะเป็นกระแสที่มาแรงมาก คือการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งใหม่ ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นภายในเดือนพฤษภาคมนี้ จะเห็นว่าพรรคการเมืองแต่ละพรรค ก็เริ่มดำเนินการหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยการประกาศนโยบายที่คิดว่าจะเป็นจุดขายได้ ซึ่งบางนโยบายที่ประกาศออกมานั้น หลายเรื่องเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ จึงได้แต่หวังว่าประชาชนส่วนใหญ่ จะได้ใช้ปัญญาในการพินิจพิจารณาว่าควรจะเชื่อหรือไม่เชื่อ และควรจะเลือกพรรคการเมืองใดให้เข้ามาเป็นหลักในการบริหารประเทศชาติต่อไป โดยหวังให้เป็นรัฐบาลที่สุจริตและทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของประชาชนส่วนรวม ตัดเรื่องที่เป็นประโยชน์ส่วนตนหรือของพรรคพวกออกให้หมด ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติเป็นอย่างยิ่ง

นายแพทย์ปิยะ เนตรวิเชียร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
14:20 น. 'สรวงศ์'บอก'ภูมิใจไทย'การันตีแล้วไม่คว่ำงบฯ 69
14:18 น. ครม.ออก‘G-Token’ 5 พันล้าน เครื่องมือระดมทุนใหม่ผ่านดิจิทัล
14:13 น. 'ชัชชาติ' นำทีมทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล วางดอกไม้ยืนไว้อาลัยผู้เสียชีวิตที่ตึกสตง.
14:11 น. (คลิป) 'อนุทิน' โพสขอบคุณ 'พีระพันธุ์' คุยเพลินจนพยาบาลจับแยก
14:07 น. ‘สุราชุมชน’เฮ! ‘ครม.’ปลดล็อกกฎหมาย เคาะ‘เบียร์สด’ใส่ถัง Keg ขายได้ทั่วประเทศ
ดูทั้งหมด
ชั้น 14 ส่อวุ่นอีก!!! 'รพ.ราชทัณฑ์'เล็งฟ้องศาลเพิกถอนมติ'แพทยสภา'
'ภูมิใจไทย' แตกหัก 'เพื่อไทย' คดีฮั้ว สว.เป็นเหตุ ส่อคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบฯ 69 - ยุบสภา
หยามเกียรติธงชาติไทย! ทนายแจ้งเอาผิด โพสต์เฟสบุ๊คดูหมิ่น'ธงคือผ้าเช็ดเท้า'
เช็คผลที่นี่!!! 'เลือกตั้งเทศบาล'ส่วนใหญ่แชมป์เก่าคว้าชัย
'El Clásico2025' เมื่อเก้าอี้ดนตรีเริ่มบรรเลง
ดูทั้งหมด
กางเกงยีนส์ลีวายในกองทอง
ศึกป่วยทิพย์ใกล้จบ
เรือของคนโง่
หวงแหนปราสาท ‘ตาเมือนธม” รักชาติ สมเหตุสมผล
‘พรรคส้ม’ไปไม่ถึงดวงดาว
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

'สรวงศ์'บอก'ภูมิใจไทย'การันตีแล้วไม่คว่ำงบฯ 69

‘สุราชุมชน’เฮ! ‘ครม.’ปลดล็อกกฎหมาย เคาะ‘เบียร์สด’ใส่ถัง Keg ขายได้ทั่วประเทศ

เปิดเกมรุมกินโต๊ะ! ปูดเบื้องลึก‘สส.กฤษฎิ์’ทิ้ง‘ปชน.’ แฉ‘ส้มตะวันออก’ระส่ำ

ย้ำคำเดิม'ทักษิณ'ป่วยจริง 'อิ๊งค์'แจงปมชั้น 14 เริ่มและจบก่อนเป็นนายกฯ

(คลิป) FCส้มเดือดพลั่ก!! บุกสภาฯ รุมสาป‘สส.กฤษฎิ์’แถลงแยกทาง‘ปชน.’ซบ'กล้าธรรม'

‘พล.ท.ยอดชัย’ร้อง DSI สอบเงินสมัครสว.ส่อผิดปกติ แย้มมีผู้สมัครส่งซิกวันลงคะแนน

  • Breaking News
  • \'สรวงศ์\'บอก\'ภูมิใจไทย\'การันตีแล้วไม่คว่ำงบฯ 69 'สรวงศ์'บอก'ภูมิใจไทย'การันตีแล้วไม่คว่ำงบฯ 69
  • ครม.ออก‘G-Token’ 5 พันล้าน เครื่องมือระดมทุนใหม่ผ่านดิจิทัล ครม.ออก‘G-Token’ 5 พันล้าน เครื่องมือระดมทุนใหม่ผ่านดิจิทัล
  • \'ชัชชาติ\' นำทีมทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล วางดอกไม้ยืนไว้อาลัยผู้เสียชีวิตที่ตึกสตง. 'ชัชชาติ' นำทีมทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล วางดอกไม้ยืนไว้อาลัยผู้เสียชีวิตที่ตึกสตง.
  • (คลิป) \'อนุทิน\' โพสขอบคุณ \'พีระพันธุ์\' คุยเพลินจนพยาบาลจับแยก (คลิป) 'อนุทิน' โพสขอบคุณ 'พีระพันธุ์' คุยเพลินจนพยาบาลจับแยก
  • ‘สุราชุมชน’เฮ! ‘ครม.’ปลดล็อกกฎหมาย เคาะ‘เบียร์สด’ใส่ถัง Keg ขายได้ทั่วประเทศ ‘สุราชุมชน’เฮ! ‘ครม.’ปลดล็อกกฎหมาย เคาะ‘เบียร์สด’ใส่ถัง Keg ขายได้ทั่วประเทศ
ดูทั้งหมด
Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved