•คิดให้ถูกต้อง บทบาท สส. และ สว. ที่จักเกิดผลดีต่อประชาชนและบ้านเมือง ตามรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐
1.การเลือกนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ ฉบับลงประชามติ นักวิชาการ นักการเมือง ผู้นำทางสังคมภาคต่างๆ สื่อ และประชาชนต้องยึด รัฐธรรมนูญไทยเป็นหลักนำในการปฏิบัติตามการอ้างเรื่องใดๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ แสดงถึง “วุฒิภาวะ จรรยาบรรณ และความเคารพต่อ ประชามติของปวงชนชาวไทย”
๑.บุคคลที่สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี จะต้องได้คะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกสภาทั้งหมด หรือ 376 เสียง จากการลงมติของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) 500 คน และสมาชิกวุฒิสภา (สว.) 250 คนชุดเฉพาะกาล
2.ข้อเรียกร้องของนักการเมือง โดยเฉพาะ ฝ่ายค้าน และนักวิชาการที่อ้างสิทธิประชาธิปไตยฝรั่ง
ได้นำเสนอว่า “การเลือกนายกรัฐนตรี ครั้งนี้ ควรใช้สส.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนส่วนสว.ที่มาจากการแต่งตั้งไม่ควรใช้สิทธิ์ เพราะไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน”
เรามาพิจารณา “เจตนาและพฤติกรรมของพวกเขาดูว่า ถูกต้องไหม และทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ จริงหรือไม่?”
(๑) เป็นการไม่เคารพรัฐธรรมนูญ และเสียงประชามติของปวงชนชาวไทย อ่าน รัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ ตาม ข้อ 1
(๒) มาพิจารณา “บทบาทและที่มา ของ สส.”
กกต. ๒๕๕๗ ได้แสดงความคิดเห็น ต่อที่มาของ สส.ได้ชัดเจนถูกต้อง ว่า“ระบบการเลือกตั้งที่มีอยู่ ในยุคนั้น” เป็นระบบการเลือกตั้งที่ไม่สุจริตเที่ยงธรรม หรืออีกนัยหนึ่ง “ที่ไม่ได้ระบุออกมา” แต่ประชาชนไทยรับรู้กันดีว่า เราไม่ได้ สส.ส่วนใหญ่ที่สุจริตเที่ยงธรรม
และแม้ในปัจจุบัน ประชาชนชาวไทย ที่มีสติปัญญา รู้ดีว่า
“การเลือกตั้งครั้งนี้ สส.พรรคการเมืองส่วนใหญ่ยังคงใช้เงินทุน อำนาจกลุ่มธุรกิจ สื่อ สื่อออนไลน์ มวลชน หัวคะแนนรวมทั้งการหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตาม กฎระเบียบการเลือกตั้ง ในเรื่องการใช้เงิน หาเสียง (กกต. กำหนด จำนวนค่าใช้จ่ายเลือกตั้ง สส.แต่ละคนต้องใช้เงินไม่เกิน 1.9 ล้าน และพรรคการเมือง 44 ล้านบาท” ซึ่งตามความเป็นจริง ผู้สมัครและพรรคการเมืองส่วนใหญ่ ใช้เงินเกินหลายสิบเท่าแต่ กกต. และกระบวนการยุติธรรม ในระบบการเมืองปัจจุบันไม่สามารถควบคุมและปฏิบัติได้)
: เป็นเครื่องมือหรือกลไกสำคัญ ในการได้มาเพื่อ สส. เป็นส่วนใหญ่ ให้มีเสียงข้างมาก
ข้อสรุปใหญ่ คือ
สส.จากพรรคการเมือง ที่เข้าสู่สภา ใช้เงินมหาศาล รวมทั้งอำนาจอิทธิพลต่างๆ เพื่อให้ได้มา ซึ่ง สส.และเสียงข้างมาก เพื่อเข้าไปเป็นรัฐบาล และถอนทุน จาก “โครงการของรัฐ” ก่อให้เกิด มหากาพย์การคอร์รัปชั่นโกงกิน อย่างที่ประชาชนรู้เห็นกัน
แต่ถ้าหาก “มีการปฏิรูประบบการเมือง และการเมืองตั้งให้สุจริตเที่ยงธรรมได้จริง”เราก็จะได้ สส.ที่สุจริตเที่ยงธรรม เข้ามาเป็นรัฐบาล และฝ่ายค้านที่ดีมีคุณภาพซึ่งเมื่อถึงตอนนั้น เราก็ไม่มีความจำเป็น ต้องมี สว.แต่งตั้ง หรือสว.เลือกตั้ง
3.ในส่วนของการทำหน้าที่ สส.ในรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี จะเห็นว่า “ทำหน้าที่ ได้ดีระดับหนึ่ง” ที่ได้รับการยอมรับจากประชาชนส่วนใหญ่และองค์กรระดับโลก และประเทศต่างๆ ได้ให้การยอมรับในผลงานแม้ว่า “ยังไม่ได้มีการปฏิรูปการเมือง ให้เป็นประชาธิปไตยเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนได้เต็มที่” ยังมีปัญหา “การคอร์รัปชั่น โกงกิน” อยู่ไม่น้อย ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ จากโครงสร้างและระบบ ที่เหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรม
แสดงให้เห็นภาพใหญ่ที่สำคัญภาพหนึ่ง คือ “บทบาทของผู้นำ (นายกรัฐมนตรี) ที่ไม่โกงกิน คิดและทำเสียสละเพื่อบ้านเมือง”เป็นปัจจัยสำคัญหนึ่ง ที่เป็นแบบอย่างเป็นเรื่องที่จะต้องถูกนำมาคิดพิจารณาต่อไป รวมทั้งการเลือกตั้งทั่วไป ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๖
4.“การทำหน้าที่ของ สว. ตามรัฐธรรมนูญ” ที่มี “นายชวน หลีกภัย เป็นประธานรัฐสภา”
สรุปคือ สว. ทำหน้าที่ ได้ดีระดับหนึ่งในการรักษาผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ และเป็นกลไกที่สำคัญในการส่งเสริมสนับสนุน การทำงานของรัฐสภารวมทั้งการทำหน้าที่ของรัฐบาล ที่มี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี
5.เรา ผู้มีสติปัญญา เห็นความจริง และต้องการรักษาปกป้องผลประโยชน์ ของชาติบ้านเมือง
เราจะต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริง และสภาพความเป็นจริง เพื่อให้เกิดผลดีแก่ชาติบ้านเมือง และประชาชนให้ดีกว่า เราย่อมตระหนักรู้ดีว่า “สว. ชุดนี้ สามารถทำหน้าที่ ในการรักษาปกป้องบ้านเมือง และการคอร์รัปชั่นได้ดีกว่า นักการเมืองหรือ สส.ที่เข้ามาโดยการซื้อเสียง และทำการทุจริตใช้อำนาจอิทธิพล สื่อ ฯลฯ”
“การอ้างว่า สส. มาจากการเลือกตั้ง : ควรจะต้อง ให้เฉพาะ สส. เป็นผู้เลือกนายกรัฐมนตรี
-เป็นการคิดผิด หรือไร้เดียงสาทางการเมืองหรือ
-เป็นการอ้างเพื่อผลประโยชน์ ของพรรคการเมืองโดยเฉพาะฝ่ายค้าน ที่ต้องการเข้ามาเป็นรัฐบาล เพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ครอบครัวและพวกพ้อง
-เป็นการสนับสนุน “เจตนารมณ์และเป้าหมาย มิชอบธรรมของผู้นำและเจ้าของพรรคฝ่ายค้าน” ให้กลับเข้ามามีอำนาจ
-ซึ่งพฤติกรรมของพรรคฝ่ายค้าน เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง
รวมทั้งมีเจตนาที่มิชอบต่อ “การพัฒนาประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”
-เป็นการไม่เคารพรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ ที่มาจากการลงประชามติของประชาชน รวมทั้งเป็นการไม่เคารพ สิทธิและบทบาทหน้าที่ ของสว. ซึ่งมีสิทธิและความรับผิดชอบตามรัฐธรรมนูญ
•โดยสรุป
1.ในการนำเสนอ “ความคิด ไม่ควรให้สว.ใช้สิทธิในการเลือกตั้ง นายกรัฐมนตรี”
- เป็นความคิดที่มิชอบธรรมไม่ถูกต้อง
- ไม่เป็นผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติบ้านเมือง
- ไม่ได้เป็นหนทางสร้างสรรค์ เพื่อพัฒนาระบอบประชาธิปไตยไทย ตามสภาพความเป็นจริง
- และเป็นการไม่เคารพ “รัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐” ฉบับลงประชามติ
- ถือว่า “ไม่เคารพสิทธิ และเจตนารมณ์ของประชาชนส่วนใหญ่” (ที่ไปลงมติรับรัฐธรรมนูญ)
2.เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ และการเคารพรัฐธรรมนูญ และเจตนารมณ์ของประชาชน ที่ลงประชามติผ่านรัฐธรรมนูญรวมทั้งเป็นการเคารพสิทธิเสรีภาพ ของ สว.
ประชาชนไทยควรต้อง
(๑) สนับสนุน สว.ให้ได้ทำหน้าที่และใช้สิทธิ ในการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ และ สว. ต้องมีความเข้าใจและทำหน้าที่ของตน ได้อย่างถูกต้อง ตามสิทธิฯ
(๒) คัดค้าน “ความคิดที่จะปฏิเสธการใช้สิทธิที่ชอบธรรมของสว.” ที่นำเสนอโดยแกนนำของพรรคฝ่ายค้าน
(๓) ผู้นำนักประชาธิปไตยที่แท้จริง(ที่คิดและทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนและบ้านเมือง) จะต้องเปิดโปง “ความคิดที่มิชอบธรรมนี้” ของพรรคฝ่ายค้านและช่วยกันรณรงค์ให้เกิดความเข้าใจ ที่ถูกต้องชอบธรรม แก่ประชาชนและชาวโลก
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี