บรรยากาศสงครามการชิงอำนาจเพื่อนั่งบัลลังก์ตึกไทยคู่ฟ้า บริหารประเทศชาติต่อจากรัฐบาล “ลุงตู่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” หรือจะเป็น “ลุงตู่” ที่อยู่บริหารงานต่ออีกไม่ถึง 2 สัปดาห์ก็จะทราบกันแล้วว่า จากนี้รัฐบาลจะ “เปลี่ยนใหม่หรือไปต่อ”

ฝุ่นที่ฟุ้งตลบมาระยะหนึ่งเมื่อประดาม้าศึกทะยานออกจากบล็อกสตาร์ทค่อยๆ จางลงจะผู้ชมมองออกว่าม้าตัวไหนทะยานออกมาแล้วเป็นอย่างไร ตัวไหนนำ ตัวไหนตามตัวไหนรั้งท้าย ตัวไหนมีแต่เสียงไม่มีแรง

อย่างที่เราเคยบอกสังคมไทยว่า “คณะราษฎร” ชิงสุกก่อนห่ามจึงได้ “ประชาธิปไตย”แบบไทยๆ มีการเลือกตั้งเป็นพิธีกรรมสูตรสำเร็จให้เรียกว่า “ระบอบประชาธิปไตย” เท่านั้นและด้วยความชิงสุกก่อนห่าม ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในสังคมไทยจึงใช้ความรู้สึกในการเดินเรียงแถวเข้าคูหาเลือกตั้งเพื่อกากบาทเลือกนักการเมือง, พรรคการเมือง ชังชาติตามความรู้สึกมากกว่าข้อมูลที่ลึกซึ้ง

ตัวอย่างที่รองรับความข้อนี้คือ การได้มาซึ่ง “อัศวินคลื่นลูกที่สาม, รวยแล้วไม่โกง

อย่าง “ทักษิณ ชินวัตร”, ได้ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” กับนโยบาย “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ”และหายนะวงการค้าข้าวโลกและหนี้สินก้อนมหาศาลมหึมาของประเทศไทยกว่า 700,000-800,000 ล้านบาท

ได้ “มนุษย์ฮัคยักษ์เขียว ชัชชาติ สิทธิพันธุ์”
เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งจะมาอวดครวญร้องครางอย่างไรก็เปลี่ยนแปลงแก้ไขไม่ได้เสียแล้ว

เมื่อไม่นานมานี้ สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลการศึกษา เรื่องโพลล์เลือกตั้ง สส. ครั้งที่ 3 ผลปรากฏว่าความคาดหวังของพรรคเพื่อไทย และ“สัมภเวสีแดนไกลโทนี่วู้ดซัม” ที่สู้อุตส่าห์ส่งบุตรสาวคนกลาง “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” มาเป็นทายาททางการเมือง เพื่อหวังกลับประเทศไทยโดยมิต้องรับกรรมที่ก่อเฉกเช่นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ชดใช้กรรมในทัณฑสถานนั้นไม่เกิดขึ้นจริง

แต่ประเด็นการเลือกตั้งครั้งนี้คือการแทรกแซงจากภายนอกประเทศมากกว่า

อะไรคือหลักฐานชี้นำว่า ต่างชาติพยายามแทรกแซงกิจการภายในของไทย โดยที่น่าจะมีพรรคการเมืองรู้เห็นเพื่อการเข้าสู่อำนาจทางการเมือง

อย่างกรณีของจอน อึ๊งภากรณ์ ผู้อำนวยการไอลอว์”ที่โพสต์แบนเนอร์พร้อมข้อความช่วยพรรคการเมืองบนทวิตเตอร์ว่า “ถ้าไม่อยากเห็นพรรคเพื่อไทยร่วมตั้งรัฐบาลกับพรรคห่วยแตก!?!?!ทั้งหลาย ต้องรวมพลังกันเทคะแนนให้ก้าวไกล”

เขามีส่วนได้ส่วนเสียกับพรรคก้าวไกลงั้นหรือ เขาคือนายทุนหรือผู้อุปถัมภ์พรรคงั้นหรือ… ?!?!?

ทว่าไอลอว์ คือ โครงการอินเตอร์เนตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือ iLaw โครงการนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไอลอว์อย่างหนัก โดยเฉพาะเรื่องการรับเงินจากต่างประเทศดำเนินโครงการต่างๆ โดยไอลอว์เป็นองค์กรพัฒนาเอกชน หรือ NGO ซึ่งเอ็นจีโอต้องอาศัยทุนสนับสนุน ส่วนหนึ่งก็มาจากเอกชนในประเทศไทย แต่อีกส่วนหนึ่งก็จากเอกชนในต่างประเทศ อาทิทุนจากสวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี และสหรัฐอเมริกา

จึงไม่น่าแปลกใจที่แนวคิดและมุมมองสังคมของพรรคก้าวไกลมีความคล้ายคลึงสังคมตะวันตกสังคมอเมริกัน ไร้ระบบวงศาคณาญาติห่างไกลวัฒนธรรมจารีตประเพณีโดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของพรรคก้าวไกลต่อกรณีการยกเลิก, แก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ว่าด้วยความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ไทย โดยบัญญัติไว้ว่า“ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 15 ปี”

กฎหมายไทยสมัยใหม่บรรจุความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ครั้งแรกในกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ.127 (พ.ศ. 2453), มีการเพิ่มให้การ “ดูหมิ่น” เป็นความผิด และเป็นความผิดต่อความมั่นคงของรัฐในประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2499

ธานินทร์ กรัยวิเชียร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังตีความว่ากฎหมายห้ามครอบคลุมถึงการวิจารณ์โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สถาบันพระมหากษัตริย์ ราชวงศ์จักรีและพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์มีข้อโต้แย้งว่า ความผิดต่อองคมนตรีเข้าข่ายความผิดนี้หรือไม่ ต่อมาในปี 2556 ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า กฎหมายคุ้มครองพระมหากษัตริย์ในอดีตทุกพระองค์ด้วย แม้ว่า “พยายาม” กระทำความผิด เสียดสีสัตว์ทรงเลี้ยง หรือไม่ติเตียนเมื่อพบเห็นผู้กระทำผิดก็ถูกดำเนินคดีด้วย

ต่อมามีการตีความรวมถึงการวิจารณ์พระบรมวงศานุวงศ์ ทุกพระองค์ โครงการหลวง สถาบันพระมหากษัตริย์ ราชวงศ์จักรี
และอดีตพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มโทษจากสูงสุด 7 ปี มาเป็นโทษ 3 ถึง 15 ปีอย่างในปัจจุบัน ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ไทยไม่ว่าจะกระทำภายในหรือภายนอกราชอาณาจักรไทยก็ต้องรับโทษในราชอาณาจักร เพราะเป็นความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ

“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล”แสดงความเห็นในการเสนอแก้ไขมาตรา 112 ว่า ต้องการเสนอแก้ไขอย่างมากที่สุด 3 ข้อ 1. โทษ 3-15 ปีเป็นโทษเท่ากับการฆ่าคนตายไม่เจตนา เป็นกฎหมายที่คุ้มครองประมุขที่ร้ายแรงที่สุดในโลก แก้ไขใหม่ต้องการลดโทษเหลือ 1 ปี

2. ใครฟ้องก็ได้ แก้ไขใหม่ต้องเป็นสำนักพระราชวังเป็นคนฟ้อง

3. เอาออกจากหมวดหมู่ความมั่นคงของรัฐ เพื่อให้โอกาสกับผู้ต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ไว้ก่อน

ต่อจากนี้คือวิจารณญาณของผู้มีสิทธิเลือกตั้งของสังคมไทยว่าจะคิดอ่านย่างไรกับความในอนาคตหลังการเลือกตั้ง

เลือก “พรรคก้าวไกล” ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม???จาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันเบื้องสูง โดยห้ามประชาชน+สังคมไทยออกหน้าปกป้องฟ้องร้องอย่างนั้นหรือ