กัมพูชาจงใจรุกรานไทยมาโดยตลอดเป็นเวลานานหลายเดือนมาแล้ว โดยนับตั้งแต่การที่กัมพูชาจงใจลอบเผาศาลาตรีมุข ที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคม 2568 แล้วหลังจากนั้นก็จงใจบุกรุก รุกรานเขตอธิปไตยของไทยมาโดยตลอด จนกระทั่งมีข่าวกัมพูชาจงใจขุดคูเรด (น่าจะมาจากคำว่า Trench Raid) ล่วงล้ำเข้ามาในเขตแดนไทยประมาณ 600-700 เมตร จากบริเวณต้นพญาสัตบรรณถึงสามแยกลาว ซึ่งเรื่องนี้เป็นข่าวใหญ่ประมาณช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2568 โดยในช่วงดังกล่าวนั้นยังเกิดเหตุทหารกัมพูชาจงใจยิงปืนใส่ทหารไทยก่อน จนนำไปสู่การปะทะกันด้วยอาวุธของทหารสองฝ่าย อย่างไรก็ตาม ย้ำว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นยืนยันได้ชัดเจนว่ากัมพูชาจงใจรุกล้ำเขตอธิปไตยไทย
อย่างไรก็ตาม เมื่อย้อนกลับไปดู timeline ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมเป็นต้นมาจนถึงบัดนี้ ก็จะพบว่า ฮุนเซน แห่งกัมพูชาจงใจเขียนข้อความเท็จโจมตีประเทศไทยอย่างต่อเนื่องโดยในช่วงเวลานั้นก็พบด้วยว่าฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาก็จงใจเขียนข้อความเท็จโจมตีประเทศไทยเช่นกัน และขณะเดียวกันก็ลงข้อความว่าจะนำเรื่องพื้นที่ตั้งของปราสาทตาเมือนธมตาเมือนโต๊ด และตาควาย รวมถึงพื้นที่สามเหลี่ยมมรกตไปฟ้องร้องต่อศาลโลก (International Court of Justice)กรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ แล้วเรื่องราวก็ระเบิดระบาดกลายเป็นเสมือนสงครามจำกัดบริเวณ (Limited War) เมื่อกัมพูชาจงใจยิงจรวด BM-21 และใช้อาวุธสงครามชนิดต่างๆ โจมตีไทยเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 จนเป็นเหตุให้พลเรือนไทยล้มตายและบาดเจ็บรวมกันแล้วหลายสิบคน บ้านเรือนราษฎรหลายสิบหลังเสียหาย และโรงพยาบาลเสียหายหลายสิบแห่ง
ความจริงที่บังเกิดคือกัมพูชาจงใจรุกรานและโจมตีไทยแต่ทว่ารัฐบาลไทยที่มีแพทองธาร ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ แถมยังปล่อยให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปเรื่อยๆ จนทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลแพทองธารสยบยอมกัมพูชามากเกินเหตุ และวิจารณ์ต่อไปว่าเพราะว่าทักษิณ ชินวัตร ผู้มีสถานะเสมือนนายกรัฐมนตรีตัวจริงของไทยสยบยอมต่อฮุนเซน เนื่องจากต้องพึ่งพาอาศัยฮุนเซน ส่วนบางกระแสวิพากษ์ว่า เพราะทักษิณเกรงกลัวฮุนเซนจะเปิดเผยความลับด้านลบของตนให้สาธารณชนไทยได้ล่วงรู้
อย่างไรก็ตาม จนกระทั่ง 18 มิถุนายน 2568 ฮุนเซนก็นำคลิปเสียงสนทนาระหว่างตนเองกับแพทองธารออกมาให้สาธารณชนไทย และประชาคมโลกได้รับทราบ หลังจากคลิปเสียงสนทนาแพร่กระจายไปในสังคมไทย ก็ทำให้เกิดคำถามว่าแพทองธารมีพฤติกรรมขายชาติให้กับกัมพูชา ใช่หรือไม่ เพราะถ้อยคำที่แพทองธารคุยกับฮุนเซน (ผ่านล่ามกัมพูชาชื่อฮวด) ไม่ได้ทำให้เกิดผลดีต่อประเทศไทยแม้แต่น้อย แถมยังมีถ้อยคำที่บ่งบอกชัดเจนว่าแพทองธาร ประกาศตัวเป็นฝ่ายเดียวกับฮุนเซน ทั้งๆ ที่ฮุนเซนประกาศตัวเป็นปรปักษ์กับไทยชัดเจน แต่ที่สามานย์ยิ่งกว่าคือคำพูดของแพทองธารที่บอกว่าทหารไทยเป็นคนละฝ่ายหรือเป็นศัตรูกับรัฐบาลไทย ซึ่งถ้อยคำดังกล่าวบ่งบอกชัดเจนว่ารัฐบาลไทยมองทหารไทยเป็นศัตรู
จนกระทั่ง 1 กรกฎาคม 2568 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งด้วยมติ 7 ต่อ 2 ให้แพทองธารยุติการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว จึงเป็นเหตุให้ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ต้องรับหน้าที่รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี แต่ทว่ากัมพูชาก็ยังจงใจโจมตีรุกรานไทยต่อไป จนกระทั่งเกิดการสู้รบครั้งใหญ่อันเกิดมาจากกัมพูชาจงใจโจมตีไทยเมื่อ 24 กรกฎาคม ทั้งนี้ ผู้ที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดพบว่าฝ่ายกัมพูชาจงใจเล่นงานไทยทุกหนทาง ทั้งโดยการใช้อาวุธสงคราม ผสมการโฆษณาชวนเชื่อ ปล่อยข่าวเท็จเพื่อฟ้องประชาคมโลก รวมถึงจงใจลอบวางกับระเบิดสังหารบุคคล โดยล่วงล้ำเข้ามาวางกับระเบิดในเขตอธิปไตยของไทย จนเป็นเหตุให้ทหารไทยต้องล้มตายไปแล้ว 15 นายบาดเจ็บสาหัสหลายสิบนาย
ทั้งนี้ กัมพูชาจงใจดึงประชาคมโลกมารุมล้อมประเทศไทย โดยตั้งใจให้ประชาคมโลกประณามไทยว่าเป็นฝ่ายรุกรานกัมพูชา ซึ่งกัมพูชาใช้เล่ห์เพทุบายสารพัดชนิดลวงโลก พร้อมกันนั้นก็ใช้อาวุธสงครามโจมตีไทยตลอดเวลา แต่ทว่ารัฐบาลไทยก็ไม่มีปัญญาแก้เกมสามานย์ของกัมพูชาได้ แถมยังปล่อยให้ทหารไทยที่ปฏิบัติงานในเขตชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเอาเอง โดยรัฐบาลไม่มีนโยบายแก้ปัญหากัมพูชารุกรานไทยให้ชัดเจน
ปัญหากัมพูชาจงใจรุกรานไทย โดยเฉพาะการใช้กำลังรบโจมตีไทย กินเวลามาแล้วประมาณ 2 เดือนเศษแต่รัฐบาลไทยก็ไม่มีปัญญาแก้ปัญหานี้ให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดลุล่วง เมื่อรัฐบาลไทยไม่กำหนดนโยบายต่อกัมพูชาให้ชัดเจน ก็จึงทำให้ปัญหายืดเยื้อบานปลาย แล้วยังเป็นเหตุให้สังคมไทยโดยรวมต้องเผชิญกับปัญหาถูกกัมพูชารุกรานมาจนถึงบัดนี้ จึงเป็นเหตุให้สังคมไทยตั้งคำถามกับรัฐบาลว่าทำไมยังปล่อยให้กัมพูชารุกรานไทยหากรัฐบาลไม่มีปัญญาแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง ก็ต้องลาออกไป ไม่ต้องอยู่เพื่อให้ปัญหายืดเยื้อบานปลาย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี