วันก่อนนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แย้มออกมาว่า รัฐบาลเตรียมออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ช่วงครึ่งหลังของปี แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ว่าจะเป็นมาตรการลักษณะใด ส่วนมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว อยู่ระหว่างพูดคุยในรายละเอียดโดยคาดว่าจะออกมาตรการดังกล่าวได้ก่อนไตรมาส 4เพื่อหนุนการท่องเที่ยวไฮซีซั่นเบื้องต้นจะเป็นมาตรการลดหย่อนภาษีในส่วนของผู้ประกอบการ รัฐบาลมีมาตรการภาษีรองรับอยู่แล้วเพื่อช่วยเหลือในช่วงที่ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น โดยเฉพาะค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทซึ่งเป็นนโยบายที่ส่งผลกระทบทั้งด้านบวกและด้านลบ
ที่ผ่านมา รัฐบาลเคยใช้กลไกทางภาษี เช่น มาตรการลดหย่อนภาษี เพื่อบรรเทาภาระของผู้ประกอบการ และในรอบนี้ก็จะดำเนินการในลักษณะเดียวกัน หากยังไม่เพียงพอ กระทรวงการคลังพร้อมพิจารณามาตรการเสริมเพิ่มเติม เพื่อให้เกิดสมดุล ลดผลกระทบต่อผู้ประกอบการและยังคงเป็นประโยชน์ต่อแรงงาน ทุกมาตรการถือเป็นเรื่องเร่งด่วน รัฐบาลรับฟังข้อเสนอจากทุกฝ่ายและพร้อมดำเนินการ เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
สำหรับเงินงบประมาณจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในวงเงิน 1.57 แสนล้านบาทที่ยังเหลืออีกประมาณ 26,000 ล้านบาทจะดำเนินการอย่างไร นั้น ยังไม่ได้มีการนำเรื่องเข้าพิจารณาในที่ประชุม ครม. แต่ทั้งนี้ก็คงไม่ได้เป็นลักษณะของโครงการ เนื่องจากไม่สามารถผูกพันงบประมาณได้ทัน เพราะเหลือเวลาเพียง 1 เดือนเท่านั้น
คงจำกันได้ว่าในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปลายปี 2562 เกิดการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 และระบาดหนัก ในปี 2563 ลากยาวอีกหลายปี ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจโลกมีการชะลอตัว รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทย ได้รับผลกระทบไปด้วย
ในช่วงนั้นรัฐบาลได้กําหนดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจหลายโครงการ คือ 1. โครงการเพิ่มกําลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2. โครงการชิมชอปใช้ 3. โครงการคนละครึ่ง 4. โครงการชอปดีมีคืน 5. โครงการเราไม่ทิ้งกัน 6. โครงการเราเที่ยวดวยกัน 7. โครงการเราชนะ 8. โครงการ ม.33 เรารักกัน สำหรับโครงการคนละครึ่งนั้นถูกนำมาใช้ในหลายเฟส
แต่ในรัฐบาลชุดนี้ มีภัยร้ายกว่าการแพร่ระบาดของโควิด เพราะโพลบางสำนัก ชี้ว่าประชาชนสิ้นศรัทธานักการเมืองทั้งซีกรัฐบาลและฝ่ายค้าน จะทำอะไรก็ไม่มีใครเชื่อถือ รัฐบาลชุดนี้เคยแจกเงินหมื่นเฟส 1 เฟส 2 ส่วนเฟส 3 เชื่อว่าคงไม่มีการแจกแล้วที่ยังเหลืออีกประมาณ 26,000 ล้านบาท เพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจจึงต้องใช้จ่ายอย่างระมัดระวังและต้องเข้าเป้า
เราเห็นว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดีที่สุดในขณะนี้คือ โครงการคนละครึ่งของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และถ้า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ยังไปได้ต่อไม่ตายทางการเมืองจากคดีคลิปมหาประลัย ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ก็ควรพิจารณาโครงการนี้เป็นอันดับแรก
เพราะโครงการคนละครึ่ง โดนใจทุกฝ่ายช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชน เพิ่มรายได้ให้กับผู้ประกอบการรายเล็ก โดยเฉพาะกลุ่มหาบเร่ แผงลอย ฯลฯ สร้างความคึกคักให้เศรษฐกิจฐานรากได้เป็นอย่างดีที่สุด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี