วันพฤหัสบดี ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / มองอย่างไท
มองอย่างไท

มองอย่างไท

ปิยะ เนตรวิเชียร
วันจันทร์ ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2568, 02.00 น.
ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อชาติหรือเพื่อใคร

ดูทั้งหมด

  •  

ในสังคมที่มีคนอยู่ร่วมกันเป็นจำนวนมากที่เรียกว่าชาตินั้น จำเป็นต้องมีกฎระเบียบในการที่จะทำให้ทุกคนอยู่ร่วมกันได้อย่างปกติสุข ภายใต้กรอบอำนาจที่ไม่น่าจะมีความแตกต่างกัน เมื่อมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นที่จะทำให้เกิดความขัดแย้ง จึงต้องเป็นต้องมีการพิจารณาตัดสิน ว่าใครเป็นฝ่ายถูกและใครเป็นฝ่ายผิด นั่นจึงเป็นที่มาของการมีกระบวนการที่ก่อให้เกิดความยุติธรรม และผู้ที่ถืออำนาจในกระบวนการนั้นก็คือศาล ที่จะต้องเป็นผู้ตัดสิน

ชาติไทยของเรานั้น หากถือตามประวัติศาสตร์ของชาติที่กล่าวกันว่าเริ่มต้นตั้งแต่อาณาจักรสุโขทัย ก็จะพบว่าในช่วงเวลาหนึ่งที่อาณาจักร มีความรุ่งเรือง และประชาราษฎร์อยู่อย่างเป็นสุข ในน้ำมีปลาในนามีข้าว ผู้ปกครองแผ่นดินคือพระมหากษัตริย์ทรงให้การดูแลราษฎรเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในช่วงที่พ่อขุนรามคำแหงมหาราชเป็นผู้ปกครองแผ่นดินก็ยังต้องมีการตัดสินคดีความ


เมื่อมีเรื่องเกิดขึ้น ราษฎรได้รับความเดือดร้อนก็สามารถที่จะไปสั่นกระดิ่งที่พระองค์ทรงแขวนไว้หน้าพระราชวัง เพื่อให้ทรงทราบว่ามีปัญหาที่จะต้องขอพระบรมราชวินิจฉัย ซึ่งพระองค์ก็จะทรงพิจารณาด้วยความเป็นธรรม เพื่อให้ราษฎรได้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขร่วมกันโดยตลอดมา

กล่าวกันว่าในอาณาจักรนี้ จากเดิมที่มีลักษณะกฎหมายเป็นแบบชาวบ้าน คือเป็นกฎเกณฑ์ที่เกิดขึ้นจากเหตุผลธรรมดาของสามัญชนหรือสามัญสำนึก เป็นความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่เกิดจากการประพฤติปฏิบัติติดต่อกันมานานก็ได้มีการนำกฎหมายที่เรียกว่าคัมภีร์พระธรรมศาสตร์ อันมีรากฐานมาจากประเทศอินเดีย ผ่านมาทางมอญเข้ามาสู่สุโขทัย และได้ถูกใช้เป็นกฎหมายพื้นฐานในการตัดสินคดีความต่างๆ

ในสมัยอยุธยาคัมภีร์พระธรรมศาสตร์ถูกนำมาใช้เป็นกฎหมายแม่บท มีการกำหนดมูลคดีเป็น ๒ ประเภท คือมูลคดีแห่งผู้พิพากษาและตระลาการ ๑๐ ประการ เป็นกฎหมายแม่บทเกี่ยวกับอำนาจศาลและวิธีพิจารณาความมูลคดีวิวาท ๒ ประการ เป็นกฎหมายแม่บทที่กำหนดสิทธิและหน้าที่ของบุคคลที่เกิดกรณีพิพาทต่อกันรวมเป็นมูลคดีทั้งสิ้น ๓๙ ประการ คัมภีร์นี้กำหนดให้พระมหากษัตริย์นำมูลคดีทั้ง ๓๙ ประการเป็นหลักในการบัญญัติสาขาคดีต่างๆ โดยสาขาคดีที่บัญญัติขึ้นนี้ ไม่ขัดแย้งกับหลักการในคัมภีร์พระธรรมศาสตร์

และในสมัยนี้ยังจำแนกกฎเกณฑ์เป็นพระอัยการเฉพาะเรื่อง เช่น พระอัยการลักษณะผัวเมีย พระอัยการลักษณะวิวาทตีด่ากัน เป็นกฎหมายพื้นฐานของแผ่นดินซึ่งทุกคนจะต้องปฏิบัติตามและหากมีปัญหาขึ้นพระมหากษัตริย์ซึ่งมีหน้าที่ให้ความยุติธรรมจะต้องมีพระบรมราชวินิจฉัยในแต่ละคดีเรียกว่าพระราชบัญญัติ โดยพระราชบัญญัตินี้จะใช้ในรัชกาลเดียวเท่านั้น ถ้าสิ้นรัชกาลก็ยกเลิก แต่หากพระมหากษัตริย์องค์ใหม่นำมาใช้ต่อ จะถูกเรียกใหม่ว่าพระราชกำหนด

ต่อมาในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ กฎหมายที่มีอยู่เดิมหลงเหลืออยู่เพียง ๑ ใน ๑๐ ส่วน จากการสูญหายไปในภาวะสงครามที่เกิดขึ้นในการเสียอิสรภาพครั้งที่ ๒ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้โปรดเกล้าฯให้นักปราชญ์ราชบัณฑิตชำระกฎหมายที่มีปัญหาและลักลั่นทั้งหลายในการตีความได้มีการจัดหมวดหมู่ให้เหมาะสม หลังจากนั้นได้ประกาศใช้เป็นหลักแก่แผ่นดินเมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ.๒๓๔๘ เรียกกฎหมายที่ชำระแล้วครั้งนี้ว่ากฎหมายตราสามดวง

องค์ประกอบของกฎหมายตราสามดวงมี ๓ ส่วน ได้แก่ พระธรรมศาสตร์ พระราชศาสตร์และพระราชนิติธรรม อันเป็นกฎหมายฝ่ายบริหารปกครอง กฎเกณฑ์เกี่ยวกับราชประเพณี การปกครองดูแลสงฆ์ พระบรมราชวินิจฉัย อันเป็นมาตรฐานในอดีตต่างๆ

ในปี พ.ศ.๒๓๙๘ จากการที่ไทยต้องทำสนธิสัญญาเบาว์ริงกับอังกฤษและกับชาติอื่นๆ ในระยะต่อมาทำให้เกิดความเสียเปรียบทางการศาล เนื่องจากสาระสำคัญของสนธิสัญญามีการว่าด้วยข้อตกลงเรื่องสิทธิสภาพนอกอาณาเขต คนต่างชาติที่ทำผิดในเมืองไทยขอยกเว้นที่จะไม่ใช้กฎหมายไทยบังคับ จึงทำให้ไทยต้องปฏิรูปกฎหมายและการศาลตามแบบตะวันตก

การปฏิรูปดังกล่าวได้เริ่มต้นตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ต่อเนื่องมาจนถึงสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ซึ่งโปรดเกล้าฯให้ตั้งกระทรวงยุติธรรมเมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ.๒๔๓๔ และจัดระบบศาลใหม่ ยกอำนาจตุลาการให้เป็นอิสระจากอำนาจบริหาร พระองค์ได้ให้จัดตั้งโรงเรียนกฎหมายเพื่อสร้างบุคลากรให้มีความรู้ด้านกฎหมายสมัยใหม่แบบตะวันตก มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกฎหมายต่างๆ ให้ทันสมัย โดยยึดแนวทางกฎหมายแบบประเทศภาคพื้นยุโรปเป็นแนวทางปฏิรูปกฎหมายไทย อันเป็นรากฐานสำคัญมาจนถึงปัจจุบันนี้

ศาลรัฐธรรมนูญ เป็นศาลที่เกิดขึ้นใหม่เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๐ จากการที่มีหลักการสากลที่ว่ารัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดซึ่งบัญญัติไว้ด้วยหลักการพื้นฐานของระบอบการปกครองประเทศ รูปแบบของรัฐ โครงสร้างระบบและกลไกทางการเมืองการปกครอง หน้าที่และอำนาจขององค์กรแต่ละฝ่ายกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการเข้าสู่ตำแหน่ง และเงื่อนไขการสิ้นสุดสถานะการดำรงตำแหน่งในองค์กรต่างๆ รวมถึงบัญญัติรับรองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ตลอดจนเป็นหลักประกันกรณีที่มีการฝ่าฝืนข้อห้ามหรือการปฏิบัติโดยไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ

คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีหน้าที่และอำนาจวินิจฉัยคดีรัฐธรรมนูญ เป็นการเฉพาะ เพื่อยุติข้อโต้แย้งทางรัฐธรรมนูญ และให้คำวินิจฉัยที่มีผลผูกพันทุกองค์กร เรียกโดยรวมว่าระบบนิติธรรมทางรัฐธรรมนูญ

องค์ประกอบของคณะตุลาการประกอบด้วยบุคคลจำนวน ๙ คนดังนี้

ผู้พิพากษาในศาลฎีกา ที่ดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาหัวหน้าคณะมาแล้วไม่น้อยกว่า ๓ ปี จำนวน ๓ คน

ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ซึ่งดำรงตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่า ๕ ปี จำนวน ๒ คน

ผู้ทรงคุณวุฒิสาขานิติศาสตร์ ที่เคยดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยมาแล้วไม่น้อยกว่า ๕ ปี มีผลงานวิชาการเป็นที่ประจักษ์ จำนวน ๑ คน

ผู้ทรงคุณวุฒิสาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ที่เคยดำรงตำแหน่ง ศาสตราจารย์มาแล้วไม่น้อยกว่า ๕ ปี มีผลงานทางวิชาการเป็นที่ประจักษ์ จำนวน ๑ คน

ผู้ทรงคุณวุฒิ จากผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการเทียบเท่าหรือไม่ต่ำกว่ารองอัยการสูงสุดไม่น้อยกว่า ๕ ปี จำนวน ๒ คน

โดยตุลาการทั้ง ๙ ท่านนั้นมาจากการสรรหาตามวิธีการที่กำหนดไว้

ศาลรัฐธรรมนูญเป็นองค์กรตุลาการที่มีอำนาจหน้าที่วินิจฉัยคดีรัฐธรรมนูญเป็นการเฉพาะ การทำหน้าที่ของศาลจะดำเนินไปภายใต้กระบวนวิธีพิจารณาของศาลเมื่อมีการยื่นคำร้องในเรื่องที่อยู่ในเขตอำนาจตามที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญกำหนดไว้

เมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคมที่ผ่านมานี้ ศาลรัฐธรรมนูญได้ทำหน้าที่อันสำคัญยิ่งในเรื่องการวินิจฉัยตัดสินคดีที่มีผู้ร้องในเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของอดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้กระทำการอันอาจจะแสดงถึงความไม่ซื่อสัตย์ต่อตำแหน่งหน้าที่และอาจจะมีความผิดทางด้านจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากการที่มีการเปิดเผยคลิปการสนทนาโต้ตอบกับผู้นำของต่างชาติ ที่อาจมีผลกระทบต่อความมั่นคงและอธิปไตยของประเทศโดยตรง

ผลการตัดสินก็เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า ในส่วนของคดีอาญาที่เกี่ยวกับความซื่อสัตย์ของอดีตนายกฯนั้น คณะตุลาการส่วนใหญ่เห็นว่ายังไม่เป็นที่ประจักษ์ชัด ส่วนเรื่องของความผิดทางด้านจริยธรรมอย่างร้ายแรง คณะตุลาการส่วนใหญ่๖ ใน ๙ ท่าน มีเหตุผลและข้อกฎหมายที่ชัดเจนว่าอดีตนายกรัฐมนตรี ได้ประพฤติผิดด้านจริยธรรมอย่างร้ายแรง ทำให้ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งทำให้ คณะรัฐมนตรีทั้งคณะต้องพ้นสภาพไปด้วย

ถึงแม้ว่าจะมีความเห็นต่างในคณะตุลาการ แต่ผลการตัดสินโดยรวมนั้นก็ทำให้ประชาชนได้เห็นถึงความยุติธรรม และไม่ขัดแย้งกับความรู้สึกส่วนใหญ่ของประชาชนจากการวินิจฉัยของศาลในครั้งนี้ ตามเหตุผลที่ศาลได้แสดงรายละเอียดไว้อย่างชัดเจน

ความเห็นต่างของคณะตุลาการถือเป็นเรื่องที่ปกติ เพราะถึงแม้จะมีกฎเกณฑ์ ทางกฎหมาย แต่การใช้วิจารณญาณของแต่ละท่านก็เป็นเอกสิทธิ์ในการตัดสิน ซึ่งต้องขอขอบพระคุณคณะตุลาการเสียงส่วนใหญ่ในครั้งนี้ ที่ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า กระบวนการยุติธรรมของศาลรัฐธรรมนูญนั้นยังคงมีอยู่ และการตัดสินนั้นได้ยึดเอาประโยชน์ของประเทศชาติเป็นเรื่องสำคัญกว่าสิ่งใด

ปิยะ เนตรวิเชียร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
18:05 น. กองทัพภาคที่ 1 สรุปสถานการณ์ชายแดนสระแก้ว เดินหน้าสร้างบังเกอร์–เก็บกู้ระเบิด
17:53 น. She Said Yes! 'ต้น นฤบดินทร์' ขึ้นแท่นว่าที่เจ้าบ่าว คุกเข่าขอ'น้องอีฟ'แต่งงาน
17:46 น. ซูมลุคเซ็กซี่! 'ใหม่ ดาวิกา'สวมบราจิ๋วสุดแซ่บ นั่งฟรอนท์โรว์ชมโชว์ Victoria's Secret
17:37 น. สายสัมพันธ์ 70 ปี! 'อนุทิน'ต่อสายผู้นำเกาหลีใต้ ย้ำมิตรแท้-ตอบรับร่วมเอเปค กระชับการค้า-ลงทุน
17:32 น. หวยเป๋าตัง แตก 162 ล้าน ถูกรางวัลที่ 1 รวม 27 ใบ
ดูทั้งหมด
ร้านอาหารจีนในไทยสวนกระแสทูตจีน ติด'หน้าฮุนเซน'พื้นทางเข้าร้าน ลูกค้าทั้งเหยียบทั้งขยี้ฉ่ำ
‘กรรชัย’เป็นดาราไม่ใช่สื่อ ‘ใบตองแห้ง’อัด‘สัญลักษณ์ยุคตกต่ำ’
‘กัน จอมพลัง’เปิดประวัติ‘เขมร’อพยพพึ่งใบบุญไทย แทนเสียงผี ดัดหลัง‘มาลี’ฟ้องIOT
สะพัด‘อนุทิน’ชง‘ครม.’โยกย้าย‘บิ๊กมท.’หลายตำแหน่ง ‘4อธิบดี’ไม่รอด ‘น้ำเงิน’ผงาด
(คลิป) 'เจ๊ปอง'สั่งลุย! ส่ง'ดร.มัลลิกา'ต้องยึดเก้าอี้ 'ผู้ว่าฯกทม'ให้ได้
ดูทั้งหมด
สว.-สส.‘3 ไส้ศึกเขมร’
ทรัมป์พยายามเล่นเรื่องสันติภาพ แล้วปูติน กับสี จิ้นผิง จะว่าอย่างไร?
เอาคืน
นักสิทธิฯ เพื่อใคร?
บุคคลแนวหน้า : 16 ตุลาคม 2568
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

She Said Yes! 'ต้น นฤบดินทร์' ขึ้นแท่นว่าที่เจ้าบ่าว คุกเข่าขอ'น้องอีฟ'แต่งงาน

ซูมลุคเซ็กซี่! 'ใหม่ ดาวิกา'สวมบราจิ๋วสุดแซ่บ นั่งฟรอนท์โรว์ชมโชว์ Victoria's Secret

สายสัมพันธ์ 70 ปี! 'อนุทิน'ต่อสายผู้นำเกาหลีใต้ ย้ำมิตรแท้-ตอบรับร่วมเอเปค กระชับการค้า-ลงทุน

หวยเป๋าตัง แตก 162 ล้าน ถูกรางวัลที่ 1 รวม 27 ใบ

'สุริยะใส'แนะ พลิกเกม 'ชนะโดยไม่ต้องรบ' ใช้ความร่วมมือเป็นอาวุธ

รวบบัญชีม้า11ชีวิตโดนอายัดบัญชีหมดประโยชน์ถูกแก๊งสแกมเมอร์นำมาปล่อยทิ้งชายแดน

  • Breaking News
  • กองทัพภาคที่ 1 สรุปสถานการณ์ชายแดนสระแก้ว เดินหน้าสร้างบังเกอร์–เก็บกู้ระเบิด กองทัพภาคที่ 1 สรุปสถานการณ์ชายแดนสระแก้ว เดินหน้าสร้างบังเกอร์–เก็บกู้ระเบิด
  • She Said Yes! \'ต้น นฤบดินทร์\' ขึ้นแท่นว่าที่เจ้าบ่าว คุกเข่าขอ\'น้องอีฟ\'แต่งงาน She Said Yes! 'ต้น นฤบดินทร์' ขึ้นแท่นว่าที่เจ้าบ่าว คุกเข่าขอ'น้องอีฟ'แต่งงาน
  • ซูมลุคเซ็กซี่! \'ใหม่ ดาวิกา\'สวมบราจิ๋วสุดแซ่บ นั่งฟรอนท์โรว์ชมโชว์ Victoria\'s Secret ซูมลุคเซ็กซี่! 'ใหม่ ดาวิกา'สวมบราจิ๋วสุดแซ่บ นั่งฟรอนท์โรว์ชมโชว์ Victoria's Secret
  • สายสัมพันธ์ 70 ปี! \'อนุทิน\'ต่อสายผู้นำเกาหลีใต้ ย้ำมิตรแท้-ตอบรับร่วมเอเปค กระชับการค้า-ลงทุน สายสัมพันธ์ 70 ปี! 'อนุทิน'ต่อสายผู้นำเกาหลีใต้ ย้ำมิตรแท้-ตอบรับร่วมเอเปค กระชับการค้า-ลงทุน
  • หวยเป๋าตัง แตก 162 ล้าน ถูกรางวัลที่ 1 รวม 27 ใบ หวยเป๋าตัง แตก 162 ล้าน ถูกรางวัลที่ 1 รวม 27 ใบ
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

อธิปไตย อย่าให้ใครรุกราน

อธิปไตย อย่าให้ใครรุกราน

13 ต.ค. 2568

รัฐธรรมนูญ จากปี ๒๔๗๕ ถึง ๒๕๖๐.... ยังต้องแก้อีกหรือ

รัฐธรรมนูญ จากปี ๒๔๗๕ ถึง ๒๕๖๐.... ยังต้องแก้อีกหรือ

6 ต.ค. 2568

รัฐบาลต้องมุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

รัฐบาลต้องมุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

29 ก.ย. 2568

รัฐบาลใหม่ต้องมุ่งรักษาอธิปไตย

รัฐบาลใหม่ต้องมุ่งรักษาอธิปไตย

22 ก.ย. 2568

ศาลดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม

ศาลดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม

15 ก.ย. 2568

แย่งชิงบ้านเมือง เพื่อใคร

แย่งชิงบ้านเมือง เพื่อใคร

8 ก.ย. 2568

ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อชาติหรือเพื่อใคร

ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อชาติหรือเพื่อใคร

1 ก.ย. 2568

ไทยจะยอมเป็นม้าอารีอีกต่อไปหรือ

ไทยจะยอมเป็นม้าอารีอีกต่อไปหรือ

18 ส.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved