เนื่องจากการจัดมหกรรมกีฬาอาเซียน หรืออาเซียนเกมส์ที่กัมพูชาเป็นเจ้าภาพ เกิดขึ้นห้วงเวลาใกล้กับที่กัมพูชาจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไป จากประสบการณ์ทำข่าวในกัมพูชามากว่าสี่สิบปีตั้งแต่ยังมีสงครามกลางเมือง ทำให้เข้าใจในพฤติกรรมและนิสัยใจคอคนเขมรพอสมควร เพราะได้พบเห็นว่า ในประเทศกัมพูชาเต็มไปด้วยความขัดแย้งและแย่งชิงอำนาจกันตลอดเวลา
และทุกครั้งที่มีการหาเสียงเลือกตั้งนักการเมืองกัมพูชาต่างก็แข่งขันกันปลุกระดมให้คนเขมรมีความรู้สึกคลั่งชาติ และการปลุกระดมให้ประชาชนคลั่งชาติของนักการเมืองในกัมพูชามักจะใช้ประเทศเพื่อนบ้านเป็นเหยื่อ ตัวอย่างนายสม รังสี ที่ลี้ภัยไปอยู่ฝรั่งเศส มักโจมตีเวียดนามว่าครอบงำดินแดนกัมพูชาด้านจังหวัดตาแก้ว หรือตาแกวจังหวัดตอนใต้ที่อยู่ใกล้ชายแดนเวียดนาม และบางครั้งก็ปั้นน้ำเป็นตัวว่าดาราคนดังของไทยไปเหยียดชาวกัมพูชาว่าแย่งโบราณสถานไปจากไทยและนักการเมืองทั้งหลายก็เอาไปปลุกระดมขยายความจนคนเขมรคลั่งชาติบุกเผาสถานทูตไทยเสียหายยับเยินมาแล้ว
ด้านนายฮุนเซน เป็นนายกรัฐมนตรีตลอดกาลของกัมพูชาใกล้ถึงเวลาเลือกตั้งทีไรมักยกเรื่องเขตแดนและพื้นที่ทับซ้อนไทยกัมพูชาขึ้นมาปลุกระดมให้คนเขมรเกลียดชังประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นเขาพระวิหารซึ่งขัดแย้งกันมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ก็ยังนำมาปลุกระดมให้คนเขมรเกลียดชังโกรธแค้นประเทศไทยและคนไทย
ในระยะหลังนี้นายฮุนเซนเพิ่มเติมเรื่องซอฟต์พาวเวอร์หรือศิลปวัฒนธรรม เหมือนสุมฟืนเข้ากองไฟโดยอ้างว่ากัมพูชาเป็นเจ้าตำรับศิลปวัฒนธรรมไม่ว่าจะเป็นโขน ละครการร่ายรำทำเพลงต่างๆ แม้กระทั่งศิลปะมวยไทยที่ได้รับการยกย่องชื่นชมไปทั่วโลก นายฮุนเซนก็อ้างว่าศิลปะการต่อสู้มวยไทยได้ลอกเลียนแบบและประยุกต์มาจาก กุน ขแมร์ ของกัมพูชา นายฮุนเซนอ้างว่า กุน ขแมร์ เป็นต้นตำรับของมวยที่ทั้งชาวลาว ไทย พม่านำมาประยุกต์ใช้ เพื่อแสดงความยิ่งใหญ่นายฮุนเซนสั่งบรรจุ กุน ขแมร์ เป็นหนึ่งในกีฬาหลักของซีเกมส์กัมพูชา
นี่คือสาเหตุที่คอลัมน์ทวนกระแสข่าวกังวลต่อสวัสดิภาพของนักกีฬาและคนไทยที่ไปร่วมมหกรรมซีเกมส์ เพราะพฤติกรรมของคนเขมรปลุกระดมให้ก่อความรุนแรงก่อจลาจลได้ง่าย แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็พร้อมที่จะย่ำยีคนไทยได้
คนที่มีอายุสามสิบปีขึ้นไป คงจำเหตุการณ์คนเขมรเผาสถานทูตไทยทำร้ายคนไทยและย่ำยีหัวใจคนไทยด้วยการนำภาพเราที่เคารพบูชามาเหยียบย่ำ เหตุการณ์เผาสถานทูตไทยเมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2546 เกิดจากนักการเมืองกัมพูชาปั้นน้ำเป็นตัว
เริ่มต้นจาก นายสม รังสี พูดในระหว่างปราศรัยหาเสียงว่านางเอกละครที่กำลังโด่งดังที่สุดของไทยและเป็นนางเอกที่ชาวกัมพูชาคลั่งไคล้ พูดว่า“เธอเกลียดคนเขมรที่แย่งนครวัดของไทยไป”การปราศรัยปลุกระดมของ นายสม รังสี หนังสือพิมพ์เอาลงข่าวทำให้ชาวกัมพูชาเกิดกระแสเกลียดชังนางเอกคนนั้น(ขออนุญาตไม่เอ่ยนาม)จนเกิดกระแสคลั่งชาติขึ้นมา
เมื่อเห็นเป็นกระแสหาเสียงได้นายฮุนเซน ไปปราศรัยในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งปลุกระดมไม่ให้คนเขมรดูละครไทยและออกคำสั่งห้ามไม่ให้ฉายหนัง ละครไทยในกัมพูชา การปลุกระดมของนายฮุนเซน ที่นำเอาเรื่องนายสม รังสี ปั้นน้ำ
เป็นตัวมาขยายความทำให้เกิดการประท้วงของนักศึกษามหาวิทยาลัย รวมทั้งชาวบ้านที่โกรธแค้นหลายร้อยคนบุกไปเผาสถานทูตไทย ทำให้ทั้งทูต และเจ้าหน้าที่ต้องปีนกำแพงกระโดดลงน้ำหนีตายไปในคลองด้านหลัง
วันที่ 30 ม.ค. 2546 พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นำทหารและรถหุ้มเกราะขึ้นเครื่องบิน C-130 บินไปอพยพคนไทยจากพนมเปญได้อย่างปลอดภัย นี่คือตัวอย่างความเลวร้ายของนักการเมืองกัมพูชาที่ปั้นน้ำเป็นตัวขึ้นมาปลุกระดมให้ผู้สนับสนุนบ้าคลั่งอย่างไร้เหตุผล และว่ากันว่าทุกครั้งที่นักการเมืองกัมพูชาสร้างกระแสคลั่งชาติมักมีคนไทยขายชาติวางแผนอยู่เบื้องหลังด้วย
ตัวอย่างเช่นในปี 2552 ขณะที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนซัมมิท ซึ่งเป็นปีเดียวกันกับ ที่นายฮุนเซน แต่งตั้ง นายทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจปี 2552 กลุ่มเสื้อแดงทำการประท้วงยืดเยื้อรุนแรงอยู่ในเมืองไทย แกนนำคนเสื้อแดงเดินทางเข้า-ออก กัมพูชาเป็นว่าเล่น และยกย่องนายฮุนเซน เป็นเอกบุรุษแห่งอาเซียน
รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อเห็นว่า คนเสื้อแดงกำลังอาละวาดอยู่ในกรุงเทพฯ จึงจัดการประชุมอาเซียนครั้งที่ 14 ระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์–1 มีนาคม 2552 ที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี โดยผู้นำอาเซียนได้ลงนามใน“ปฏิญญาชะอำ” นายฮุนเซนซึ่งมีนายทักษิณ เป็นที่ปรึกษาเดินทางมาถึงสถานที่ประชุม หลังผู้นำทุกคน พอมาถึงโรงแรมที่ประชุม นายฮุนเซน เปิดแถลงข่าว ด่านายอภิสิทธิ์ว่ากดขี่ข่มเหงคนเสื้อแดงและสำทับว่า“นายกฯทักษิณเป็น
ที่ปรึกษารัฐบาลกัมพูชา รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ขอตัวก็จะไม่ส่งมาให้...” จึงไม่แปลกใจที่ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ประกาศในเวทีตอนนี้เสื้อแดงว่ามีแก้วสามประการ คือมีมวลชน มีกองกำลังติดอาวุธและมีพรรคการเมือง กองกำลังติดอาวุธ ที่ว่าสงสัยจะมีทหารเพื่อนบ้านปะปนเข้ามาด้วย
ก่อนการเลือกตั้งในประเทศไทยเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 มีรายงานว่า มีนักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์อยู่เบื้องหลังความขัดแย้งรุนแรงระหว่าง ไทย-กัมพูชา ในกรณีเขาพระวิหาร เนื่องจากว่าในปี 2551 นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการต่างประเทศ ได้ลงนามร่วมกับกัมพูชาให้พนมเปญขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารโดยไม่กระทบต่อดินแดนไทย มีรายงานข่าวว่าเพื่อทำให้นายอภิสิทธิ์เสียหน้า นักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์คนนั้น สนับสนุนให้กัมพูชาส่งทหารขึ้นมายึดเขาพระวิหารในเดือนเมษายน 2545 จนเกิดการปะทะกันรุนแรงว่ากันว่าทหารเขมรที่ปีนไหล่เขาขึ้นมาทางปราสาทตาควายถูกถล่มตายร้อยกว่านายเดือดร้อนถึงยูเอ็นต้องเข้ามาแทรกแซง โดยแต่งตั้งให้อินโดนีเซียเข้ามาเป็นท้าวมาลีวราชและเป็นผู้สังเกตการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา
ผู้เขียนมีประสบการณ์ตรงในความขัดแย้งครั้งนั้น คือ ถูกจับในกัมพูชา เพราะว่าเขมรเกลียดคนไทย เรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อการปะทะกันจนมีทหารตายทั้งสองฝ่าย สื่อจากทั่วโลกก็กระหายไปทำข่าวในพื้นที่ขัดแย้ง ทีวี One เป็นทีวีช่องภาษาอังกฤษของอินโดนีเซียติดต่อว่าจ้างผู้เขียนให้เป็นโปรดิวเซอร์ออกไปทำข่าวในพื้นที่ขัดแย้งทั้งในประเทศไทยและในประเทศกัมพูชา ทีมงานของเราทำข่าวในจังหวัดศรีสะเกษ สุรินทร์ เสร็จแล้วก็ขอวีซ่าเข้ากัมพูชาที่ด่านช่องจอม เมื่อได้วีซ่าแล้วพวกเรา ซึ่งมีช่างภาพทีวีและผู้ประกาศสาวเป็นชาวอินโดนีเซียกับผู้เขียน เป็นคนไทยเช่ารถแท็กซี่ในราคาแปดพันบาท ให้นำพวกเราขึ้นเขาพระวิหารจากฝั่งกัมพูชา รถที่เราโดยสารไปผ่านเมืองอัลลองเวง ผ่านที่ทำการจังหวัดพระวิหาร ไปอย่างราบรื่น โดยไม่มีด่านตรวจ หรือผ่านค่ายทหารแต่อย่างใด
แต่ระหว่างเดินทางได้ยินคนขับรถพูดโทรศัพท์รายงานว่ามีอินโดนีเซียสองคนและคนไทยหนึ่งคน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงไปถึงตีนเขาพระวิหาร ไปถึงที่นั่นคนขับแท็กซี่บอกว่า รถของเขาขึ้นไปพระวิหารไม่ได้ เพราะต้องวิ่งขึ้นไปตามไหล่เขาคดเคี้ยว และสูงชัน เขาให้เรารออยู่ตรงนั้น บอกว่าเดี๋ยวจะมีรถโฟร์วีลพาเราขึ้นเขา สักพักมีรถโฟร์วีล
คันหนึ่งมารับพวกเรา แต่แทนที่จะขึ้นเขาพวกมันพาเราเข้าไปในค่ายทหาร ไปถึงที่นั่น ทหารแยกพวกเราออกจากกัน
อินโดนีเซียไปอยู่ห้องหนึ่ง
ส่วนผู้เขียนถูกแยกไปสอบสวนต่างหาก ในห้องที่มีทหาร 6 นาย อาวุธครบมือ เหมือนหน่วยอรินทราชในบ้านเรายืนล้อมรอบผู้เขียน สักพัก มีทหารแต่งชุดพลเรือนเข้ามา สอบสวน เรายื่นหนังสือเดินทางที่มีวีซ่าถูกต้องให้ เขาก็ไม่สนใจ สรุปสั้นๆ เพราะยังมีเรื่องอีกมากว่าทหารเขมร(สงสัยว่าเป็นเวียดนาม)สอบสวนเราเครียดทั้งวันโดยไม่ให้กินข้าวกินน้ำ มันกดดัน จะให้เรารับสารภาพว่า เป็นสายลับให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เข้ามาเป็นจารชนบนพระวิหาร และจะส่งเราเข้าพนมเปญเพื่อดำเนินคดี ข้อหาเป็นจารชน แต่โชคดีที่ผู้ประกาศข่าวอินโดนีเซียไหวทันโทรศัพท์ไปแจ้งสถานทูตอินโดนีเซียว่าทีมงานข่าว ทีวี One ถูกจับ
ไม่ทราบว่าอินโดนีเซีย พูดอย่างไร ในตอนค่ำ พวกมันปล่อยให้เรากลับชายแดนไทยได้โดยมีทหารพร้อมปืนอาก้าคุมมาถึงด่านกาบเชิงตอนเที่ยงคืน เราต้องนั่งตากยุงที่ด่านทั้งคืน เรามาทราบภายหลังว่าที่ทหารเขมรปล่อย เพราะพวกมันเกรงใจอินโดนีเซียซึ่งยูเอ็นแต่งตั้งให้เป็นผู้สังเกตการณ์
ทั้งหมดที่เล่ามาเพื่อบอกให้คนไทยรู้ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เขมรขัดแย้งกันเอง หรือ กำลังจะเลือกตั้ง ประเทศไทยและคนไทย จะตกเป็นเหยื่อการปลุกระดมคลั่งชาติ
จากแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับฝ่ายความมั่นคงในกัมพูชาและคนไทยที่ใกล้ชิดกับนักการเมืองในกัมพูชาทราบว่า
ขณะนี้ สถานการณ์ในกัมพูชาอยู่ในภาวะตึงเครียด“เวลานี้มีป้ายลึกลับติดตามหมู่บ้านในชนบทว่า ระหว่าง“ฮุนเซน
ตีย บัญ และ เจีย ซีม จะเลือกฝ่ายไหน” แหล่งข่าวบอกกับแนวหน้าและเสริมว่าการเมืองในกัมพูชากำลังแบ่งเป็นสามฝ่าย
หนึ่ง ฝ่าย นายฮุนเซน ที่เป็นนายกฯมาแล้ว 38 ปี ต้องการให้ ฮุน มาเนต ลูกชายได้สืบทายาททางการเมืองต่อไป สอง เตีย บัญ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหม เชื้อสายไทย ไม่พอใจที่ฮุนเซนให้ลูกชายสืบทอดอำนาจ สาม นายเจีย ซีม ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายเจีย ซีม มีเชื้อสายจีนเริ่มไม่พอใจนายฮุนเซนที่มีท่าทีก้าวร้าวกับไทย นายเจีย ซีม มีบทบาทสำคัญในความสัมพันธ์กับปักกิ่ง และเมื่อนายเจีย ซีม ไม่พอใจในท่าทีของฮุนเซน ทางปักกิ่ง ก็เริ่มตีตัวออกห่าง และ หันมาอยู่ข้าง เตีย บัญ มากขึ้น
“เวลานี้คลื่นใต้น้ำในกัมพูชารุนแรงมาก เตีย บัญ ซึ่งมีญาติอยู่เกาะกงและจังหวัดตราด แจ้งข่าวให้ญาติเตรียมพร้อมตลอดเวลา ด้านฮุนเซนส่วนใหญ่หลบไปอยู่ในจังหวัดกันดาล ใกล้ชายแดนเวียดนาม และมาบ้านที่เหมือนวังในชานกรุงพนมเปญ แต่ละครั้งต้องใช้เฮลิคอปเตอร์บินวนหลายรอบ เพื่อตรวจสอบความปลอดภัย”
เมื่อถามว่า ท่าทีฮุนเซน ที่ก้าวร้าวกับไทย มีนักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ไทยหนุนหลังเหมือนครั้งใช้ให้ฮุนเซนมาด่านายอภิสิทธิ์หรือไม่ แหล่งข่าว ตอบว่า“คุณคิดดูเองซิว่านายจักรภพ เพ็ญแข นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง และคนอื่นๆ ที่อยู่ในพนมเปญอย่างสุขสบายเป็นคนของใคร..”
ทั้งหมดคือสิ่งที่บอกว่าคอลัมน์นี้รู้สึกกังวลต่อสวัสดิภาพของนักกีฬาและคนไทยที่ไปร่วมมหกรรมกีฬาอาเซียนเกมส์กัมพูชา
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี