วันศุกร์ ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ผลการสำรวจนิด้าโพล เรื่องความนิยมพรรคการเมืองและผู้ที่คนใต้อยากให้เป็นนายกรัฐมนตรี พบว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มาเป็นอันดับ 1ที่คนใต้อยากให้เป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนความนิยมพรรค ปชป.ก็มาอันดับ 1 เช่นกัน
นิด้าโพลสำรวจความนิยมของคนในภาคใต้ ซึ่งเป็นฐานเสียงใหญ่ของ ปชป.ระหว่างวันที่ 18-24 พฤศจิกายน ที่ผลออกมาว่านายอภิสิทธิ์และ ปชป.ได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่ง สร้างความประหลาดใจให้พรรคการเมืองใหญ่และนักวิเคราะห์การเมืองไม่น้อย
หากนิด้าโพลสำรวจความนิยมในกรุงเทพฯ ซึ่งเคยเป็นฐานที่มั่นของ ปชป.เชื่อว่าความนิยม ปชป.กับ พรรคประชาชนจะพอๆ กัน หรือห่างกันไม่มากนัก เหตุที่นำสองพรรคนี้มาเปรียบเทียบกันเนื่องจากว่า ปชป.กับ ปชน.หาเสียงด้วยการเผยแพร่นโยบาย และอุดมการณ์ของพรรคแทนการซื้อเสียง
แต่การนำอุดมการณ์และนโยบายมาใช้ในทางปฏิบัติ ปชป. กับ ปชน.แตกต่างกันราวฟ้ากับดินคือ ปชป.เป็นพรรคอนุรักษ์นิยมก้าวหน้าที่ยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ ส่วน ปชน.เป็นพรรคคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงทุกสถาบันในประเทศไทยตามแบบอย่างปี 2475 ปชน.นำอุดมการณ์ปี 2475 มาประยุกต์ใช้กับคนรุ่นใหม่ และการสื่อสารที่ใช้โซเชียลเป็นหลัก ซึ่งถูกใจคนรุ่นใหม่ในการปราศรัยแต่ไม่สามารถนำนโยบายมาใช้ในทางปฏิบัติได้
ปชป.มีจุดแข็งในการปราศรัย และปฏิบัติในสิ่งพูดได้ ตัวอย่างง่ายๆ ที่พิสูจน์ได้ เช่น พรรคส้ม โดย สส.รังสิมันต์ โรม อภิปรายเรื่องนักเมืองในรัฐบาลพัวพันกับการฟอกเงินจากสแกมเมอร์ คำอภิปรายของนายรังสิมันต์ มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ
รังสิมันต์ โรม กับ สส.พรรคส้ม อภิปรายถึงภัยอันตรายที่เงินสีดำ เงินสีเทาจากสแกมเมอร์ เข้ามามีอิทธิพลซื้ออำนาจรัฐโดยการซื้อเสียงเข้าสภา พรรคส้มกล่าวว่าใช้เงินสองหมื่นล้านบาทก็ซื้ออำนาจรัฐได้แล้ว พรรคส้มจึงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีขจัดนักการเมืองที่สงสัยพัวพันกับสแกมเมอร์ออกจากรัฐบาล หลังจากนั้นก็ออกแคมเปญใหม่ “มีส้มไม่มีเทา พรรคส้มอภิปรายเรื่องเงินสีเทาเพื่อสร้างความนิยมเท่านั้น ไม่ได้นำหลักฐานมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมาย
ด้าน นายอภิสิทธ์ิ เวชชาชีวะ ที่เว้นวรรคการเมืองไป 3 ปี ทันทีที่กลับมาเป็นหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ แสดงความกังวลถึงอิทธิพลเงินสีเทาจากสแกมเมอร์เข้ามาทำลายเศรษฐกิจและการเมืองสุจริตในประเทศไทย นายอภิสิทธิ์จึงออกแคมเปญ “การเมืองสุจริตเศรษฐกิจเติบโต”
หลังจากออกแคมเปญใหม่ วันที่ 20 พฤศจิกายน นายอภิสิทธิ์และคณะนำเอกสารหลักฐานนักการเมืองและนักธุรกิจการเมืองไทย ที่มีชื่อพัวพันขบวนการหลอกลวงออนไลน์ปรากฏในกฎหมายปราบปรามสแกมของสหรัฐฯไปให้ สำนักงานปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบเส้นทางการเงินนักการเมืองที่อาจฟอกเงินจากสแกมเมอร์
วันที่ 2 ธันวาคม ไม่ถึงสองสัปดาห์หลังจากนายอภิสิทธิ์และคณะยื่นเรื่องให้ปปง.คณะกรรมการธุรกรรมมีมติยึด-อายัดทรัพย์ 289 รายการ มูลค่า 10,165 ล้านบาท จาก 4 คดีใหญ่ ของเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติ พบเส้นทางเงินโยงกัมพูชา ใช้บัญชีม้า-คริปโตฟอกเงิน ซ่อนทรัพย์ผ่านบริษัทและบุคคลใกล้ชิดเป็นทอดๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการธุรกรรม ปปง. มีมติในการประชุมครั้งที่13/2568 ให้ยึดและอายัดทรัพย์สินของเครือข่ายอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในขบวนการสแกมเมอร์ ซึ่งทำงานเป็นองค์กรข้ามชาติ รวม 4 คดีสำคัญ ยึดทรัพย์รวม 289 รายการ มูลค่าประมาณ 10,165 ล้านบาท
เชื่อได้ว่าปปง.ยึดและอายัดทรัพย์องค์กรฉ้อโกงหลอกลวงออนไลน์กว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท มีส่วนสัมพันธ์กับการร้องเรียนให้ตรวจสอบของนายอภิสิทธิ์ไม่มากก็น้อย
นี่คือความแตกต่างระหว่าง ปชป.กับพรรคส้ม คือ พรรคส้มเน้นอภิปรายโจมตีฝ่ายตรงข้ามเพื่อสร้างความนิยมเท่านั้น แต่ไม่เคยนำหลักการทำผิดกฎหมายไปให้ ปปง. ป.ป.ช. ตรวจสอบดำเนินคดีโดยอ้างว่าไม่สนับสนุนนิติสงคราม
ปชป.ซึ่งมีชื่อเสียงในการตรวจสอบเมื่อเป็นฝ่ายค้าน รัฐบาลที่ถูก ปชป.อภิปรายไม่ไว้วางใจไม่ลาออกก็ยุบสภา และถูกดำเนินคดีหลังจากนั้น
พูดได้เต็มปากว่า พรรคในเครือข่ายนายทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกยุบพรรค ถูกดำเนินคดี นักการเมืองติดคุกติดตะรางและหนีไปต่างประเทศนั้น ล้วนเป็นผลงานการตรวจสอบของ ปชป.ตั้งแต่เรื่องแปลงสัมปทานดาวเทียมภาษีสรรพสามิต จนถึงคดีโกงรับจำนำข้าว เป็นผลงานการตรวจและฟ้องร้องของ ปชป.ทั้งสิ้น
ซึ่งต่างจากพรรคส้ม ที่อภิปรายไม่ไว้วางใจ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทุกปี ฟ้องศาลรัฐธรรมนูญสามครั้งแม้กระทั่งเรื่องถวายสัตย์ปฏิญาณฯ พรรคส้มได้รับความนิยมจากการอภิปรายแต่ไม่ได้สร้างความระคายเคืองให้รัฐบาล
แม้แต่สมัยรัฐบาล น.ส.แพทองธารชินวัตร พรรคส้มกล่าวหาว่านายกรัฐมนตรีทำธุรกรรมอำพราง พรรคส้มอภิปรายในสภาดูเหมือนว่าจริงจังเอาเป็นเอาตาย แต่สุดท้ายก็ได้แต่สร้างคอนเทนต์ สร้างความนิยม พรรคส้มไม่ได้นำหลักฐานไปให้ กกต. ปปง. หรือป.ป.ช.ตรวจสอบดำเนินคดีทางกฎหมาย
หากพูดถึงการบริหาร ปชป.เป็นรัฐบาลดีที่สุดในห้วงเวลาประเทศไทยประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ และวิกฤตทางการเมืองนายชวน หลีกภัย ฟื้นฟูวิกฤตศรัทธาทางการเมืองขึ้นมาได้ เมื่อเป็นนายกรัฐมนตรีหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี 2535 และนายชวน หลีกภัย อีกเช่นกัน ที่ฟื้นฟูเศรษฐกิจจากวิกฤตต้มยำกุ้งระหว่างปี 2540 ถึง 2543
ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่เกิดปัญหาเศรษฐกิจวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ด้วยความรู้ความสามารถรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ฝ่าวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์มาได้ จน นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสมัยนั้น ได้รับการยกย่องเป็นรัฐมนตรีคลังโลก
พรรคส้มนอกจากไม่มีประสบการณ์บริหาร ยังไม่เคยเป็นรัฐบาลจึงได้รับความนิยมจากการอภิปรายข้อบกพร่องของผู้อื่น สร้างความนิยมจากกระแสสื่อสังคมตามถนัด แต่การสร้างภาพในหลายครั้งกลายเป็นติดลบเมื่อคนจับได้เช่น สส.หญิงใส่เสื้อชูชีพลอยคอในน้ำลึกแค่หัวเข่า อ้างว่าไปช่วยผู้ประสบอุทกภัยครั้งใหญ่ในจังหวัดสงขลา
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้า พรรค ปชป.ก็ลงไปหาดใหญ่ สงขลา เช่นกันเมื่อเห็นการทำงานซ้ำซ้อนของหลายฝ่ายที่กำลังช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย นายอภิสิทธิ์ได้แต่เสนอแนะรัฐบาลให้จัดตั้งศูนย์ข้อมูลกลาง รับเรื่องร้องเรียนจากทุกส่วนเพื่อได้ส่งเรื่องร้องเรียนต่อไปยังผู้รับผิดชอบแต่ละหน่วยงาน ป้องกันข้อมูลซับช้อนสับสนนี่ก็เป็นอีกตัวอย่างที่เห็นความแตกต่างของพรรคส้มกับปชป.
นำความเหมือนและความต่างของ ปชป.กับพรรคส้ม มาแลกเปลี่ยนกับผู้อ่านเนื่องจากพรรคส้มอยู่ในสมการการเมืองไทยมาตลอดเวลาหกปี ส่วน ปชป.กำลังกลับเข้าสู่สมการการเมืองหลังจากเงียบหายไปนาน วันนี้ความนิยม ปชป.ในภาคใต้สูงขึ้นขณะที่ความนิยมพรรคส้มต่ำลง ปรากฏการณ์นี้นักวิชาการประเมินว่าเป็นความนิยมเฉพาะหน้าในขณะเกิดอุทกภัยภาคใต้
แต่คอลัมน์ทวนกระแสข่าวเห็นต่างด้วยความเชื่อว่า ความนิยมในภาคใต้มักคล้ายกับความนิยมในเมืองใหญ่เช่น กรุงเทพมหานครเมื่อไหร่ก็ตามที่ความนิยมปชป.สูงในภาคใต้ ความนิยม ปชป.ใน กทม.ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากคนใต้ตื่นรู้ทางการเมืองพอๆ กับคนในเมืองใหญ่ และเป็นธรรมชาติของคนเมืองหลวงที่เห่อพรรคใหม่ ชั่วครั้งชั่วคราว และเมื่อพบว่าคนรุ่นใหม่ทำงานไม่ได้ตามนโยบายคุยไว้ คนในเมืองใหญ่ก็หันหลังให้ภายในวาระเลือกตั้งไม่เกินสองสมัย
หลังเหตุการณ์ตุลาคม 2516 ปชป.ชนะเลือกตั้ง 2518 และ 2519 หลังจากทหารยึดอำนาจนองเลือด 6 ตุลาคม 2519 นักการเมืองขวาจัดในปชป.สนับสนุนรัฐประหารกล่าวหานายชวน หลีกภัย สุรินทร์ มาศดิตถ์ และ นายดำรง ลัทธพิพัตน์ รัฐมนตรีในรัฐบาล ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เป็นคอมมิวนิสต์ ทำให้ นายชวนหลบไปเขียนหนังสือ“เย็นลมป่า” จนสถานการณ์คลี่คลาย
สส.ขวาจัดที่ออกไปตั้งพรรคประชากรไทย ได้รับความนิยมจากขวาสุดโต่ง คนกทม.ก็หันหลังให้ ปชป. แต่ก็กลับมาเลือกปชป.หลังจากเลือกตั้งผ่านไปสองสมัยและเมื่อพลตรีจำลองตั้งพรรคพลังธรรม คนกทม.ก็ทิ้ง ปชป.หันไปสนับสนุน พลตรีจำลอง เพียงสองสมัยเลือกตั้ง ปชป.ก็กลับชนะใน กทม. และทั่วประเทศไทย ปี 2535 นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยแรก
หลังจาก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยึดอำนาจ 22 พฤษภาคม 2557 และปกครองประเทศแบบรัฏฐาธิปัตย์สามปี หลังจากนั้นคณะ 3 ป.ก็ตั้งพรรคพลังประชารัฐชนะเลือกตั้งเพียงครั้งเดียว เลือกตั้ง 2566พลเอกประยุทธ์ตั้งพรรคใหม่ “รวมไทยสร้างชาติ” ก็ไม่ประสบความสำเร็จ
พรรคอนาคตใหม่รากเหง้าพรรคส้มก่อตั้งปี 2560 ในห้วงเวลาหกปีถูกยุบพรรคสองครั้ง ชนะเลือกตั้งปี 2566 แต่จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้เพราะถูกศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่า เซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันสถาบันพระมหากษัตริย์ พรรคส้มผ่านการเลือกตั้งสองสมัยไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน มีแต่ข้อครหาจึงพูดได้ว่าโควตาของพรรคส้มหมดแล้ว
พูดมาแต่ต้นว่าปชป.ได้ความนิยมสูงสุดในภาคใต้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เป็นเพราะผลงานจากอดีตและปัจจุบัน ไม่แน่อีกสองเดือนจากนี้ หากนิด้าโพลสำรวจความนิยมใน กทม.ปชป.อาจมาเป็นที่หนึ่งก็ได้
นำความนิยม ปชป.กับพรรคส้มมาเทียบเคียงกันเนื่องจากว่าสองพรรคนี้ใช้นโยบายหาเสียง ซึ่งต่างกับพรรคอื่นที่ใช้เงินสีเทาซื้อเสียงเข้าสภา ความนิยมสูงขึ้นของ ปชป.มิได้หมายความว่าแปลเป็นคะแนนในหีบเลือกตั้ง แต่ก็ยังเชื่อว่าคนไทยจำนวนมากอยากเห็นการเมืองสุจริต กลับมาเลือกปชป.ให้ได้สส.มากกว่าการเลือกตั้งสองครั้งที่ผ่านมา
สุทิน วรรณบวร

พร้อมเต็มสูบ! ทัพเทนนิสไทยตั้งเป้าโกย4ทอง
ถล่มอิเหนา8-0!บอลหญิงเฉียบประเดิมซีเกมส์
'วราวุธ'เปิดนิทรรศการอสญฺญกาย-ศิลป์แห่งพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ในมิติร่วมสมัย ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ
นศ.อาชีวะช่างไฟฟ้า ให้บริการตรวจสอบ-ซ่อมแซมระบบไฟฟ้าบ้านน้ำท่วม แล้วกว่า 300 ครัวเรือน
เคลื่อนไหวรัวๆ เดย์ ไทเทเนี่ยมโพสต์คำคมปริศนา ท่ามกลางดราม่านานา

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี