วงพนันขันต่อทางการเมือง กำลังเดิมพันกันหนักว่า “ว่าที่นายกฯ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” จากพรรคก้าวไกล จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีจริงๆ หรือจะต้อง “กินแห้ว” เหตุเพราะ “ตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ”

มาดูความเป็นไปได้ และนัยที่ซ่อนอยู่ในการให้สัมภาษณ์ของทั้ง “พิธา” และ “แกนนำพรรคเพื่อไทย” ไม่นั่งนิ่งๆ แล้ว “ถอดรหัส” มีโอกาสจะพลาด“หมัดเด็ด” ได้นะครับ

1) พิธา-จองคำว่า “นายกรัฐมนตรี” ไว้แล้ว เขาเรียกตัวเองว่า “ว่าที่นายกฯ”

โดย “แนวหน้าออนไลน์” รายงานว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคก้าวไกลแถลงภายหลังผลการเลือกตั้งที่พรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้งเป็นอันดับ 1 ว่า ในฐานะว่าที่นายกรัฐมนตรีประเทศไทย ขณะนี้เป็นที่ประจักษ์ พรรคก้าวไกลได้คะแนนเป็นอันดับ 1 พร้อมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล น้อมรับฉันทามติของประชาชนพลิกขั้วจากฝ่ายค้านมาจัดตั้งรัฐบาล พร้อมเป็นนายกฯของคนไทยทุกคน รับฟังความเห็นแตกต่าง คืนศรัทธาให้ระบอบประชาธิปไตยและระบบรัฐสภา สร้างความโปร่งใสให้การเมืองไทย

2) พิธา-ชิงสื่อสารว่า ฉันเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลนะเว้ย!!

โดยได้กล่าวว่า “ผมได้โทรศัพท์ไปหาแกนนำ 5 พรรคได้โทรศัพท์ไปหา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย แสดงความยินที่มีความมุ่งมั่นหาเสียง พร้อมเชิญชวนร่วมตั้งรัฐบาลพรรคก้าวไกล-พรรคเพื่อไทย ทั้งนี้ 5 พรรคที่พูดถึงมีพรรคก้าวไกลพรรคเพื่อไทย พรรคไทยสร้างไทย พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย รวมกัน 308 เสียง และกำลังติดต่อไปยังพรรคเป็นธรรม ที่เราเห็นความตั้งใจทำงานเรื่องความสันติภาพใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมแล้วเป็น 309 เสียง เพียงพอตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก ปิดประตูตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย โดย 5 พรรคพร้อมพูดคุยในรายละเอียด ทั้งเรื่องคน นโยบาย แผนการทำงาน และจำเป็นต้องทำเอ็มโอยูเหมือนกับสากล ให้ประชาชนเห็นได้ว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย 100 วันและ 1 ปีจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง”

3) ขีด “เส้นใต้บรรทัด” ที่คำว่า “ได้โทรศัพท์ไปหา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย แสดงความยินที่มีความมุ่งมั่นหาเสียง พร้อมเชิญชวนร่วมตั้งรัฐบาล” จะเห็นว่า ยังไม่พูดว่า แพทองธาร
ตอบรับหรือปฏิเสธ และขีด “เส้นใต้บรรทัด” ที่คำว่า“ปิดประตูตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย”

4) ถึงจุดนี้ จะเห็นลำดับ “การจงใจสื่อสาร” ของพิธาคือ ฉันเป็นว่าที่นายกฯ นะ, ฉันชวน 5 พรรค + 1 มาตั้งรัฐบาลแล้วนะ, ฉันโทรหาอุ๊งอิ๊งแล้วนะ,ฉันได้ 309 เสียง เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรแล้วนะฉะนั้น สว.อย่าซี้ซั้วนะ อย่าเล่นเกม “หนุนรัฐบาลเสียงข้างน้อยนะ” เพราะพิธากับพวก หลอนว่า สว.จะไม่หนุนพรรคก้าวไกลกับพวกให้เป็นรัฐบาล แต่จะพลิกไปโหวตให้กับฝ่ายเสียงข้างน้อยได้เป็นรัฐบาลแทน

5) ควรทราบว่า ในการโหวตเลือกนายกฯ นั้น จะต้อง “ได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่งของที่ประชุม” ซึ่งเป็นการประชุมร่วมรัฐสภา คือ สส. กับ สว. มาประชุมร่วมกัน สส.มี 500 คน สว.มี 250 คน เสียงเกินกึ่งหนึ่งคือ 376 จาก 750 คน ขณะนี้พิธาเคลมว่ามีเสียง 309 เสียง แปลว่าจะชนะโหวตได้ เขาต้องหาเสียงสนับสนุนเพิ่มอีก 67 เสียง แล้วจะหาจากไหน

6) เวลานี้ เป็นช่วงของการ “โยนเผือกร้อน” เข้าใส่ สว. ทำนองว่า จะกล้าฝืนมติประชาชนเหรอ แปลว่า พิธากับพรรคก้าวไกลจะจัดตั้งรัฐบาลที่ 309 เสียง ที่เหลือ สว.ต้องรับผิดชอบ อย่าฝืนความต้องการของประชาชนเด็ดขาด พร้อมตั้งขบวนแห่เหมือนเป็นการส่งสัญญาณว่า มวลชนของฉันเยอะนะ พวกเขารอดูพวกท่านอยู่นะ สัญญาณที่สื่อออกมามันเป็นเช่นนี้

แต่...

7) แพทองธาร ชินวัตร หรืออุ๊งอิ๊ง แถลงข่าวร่วมกับ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค
เพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค และนายภูมิธรรมเวชยชัย รองหัวหน้าพรรคว่า...

“ได้คุยกันก่อนที่นายพิธาจะแถลงที่พรรคก้าวไกล ซึ่งยังไม่ได้คุยเรื่องรายละเอียดใดๆ เพียงแต่แสดงความยินดีซึ่งกันและกัน และตนก็สนับสนุนที่ก้าวไกลได้เสียงข้างมากจากประชาชน ให้จัดตั้งรัฐบาล เราเคยทำงานในฝ่ายค้านด้วยกัน ฉะนั้นการที่ก้าวไกลจะได้ตั้งรัฐบาลอันดับเเรกก็เป็นเรื่องปกติ เราได้คุยกัน แต่ในเชิงรายละเอียด นโยบาย และข้อตกลงต่างๆ เรายังไม่ได้คุยกัน จะคุยกันตอนที่มีกรรมการบริหารพรรค และได้แจ้งกันว่าผู้ประสานงานจะเป็นใคร ในการนัดหมายซึ่งต้องขอกรรมการบริหารพรรคก่อน”

ทั้งหมดแปลว่า แค่คุยกัน ไม่ได้รับปากอะไรเลย เธอคะแนนเยอะกว่า เธอก็ลองตั้งรัฐบาลดูก่อนนะ อื่นๆ ไม่ได้คุยกันค่ะ จบ!

8) ขณะที่ นพ.ชลน่าน อ่านแถลงการณ์พรรคเพื่อไทย ว่า ผลคะแนนเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ ปรากฏแล้วว่าพรรคก้าวไกลเป็นพรรคอันดับหนึ่ง เพื่อไทยเป็นพรรคอันดับสอง พรรคเพื่อไทยขอแสดงความยินดีกับพรรคก้าวไกลที่เป็นพรรคอันดับหนึ่ง

“โดยกติกาประชาธิปไตย และโดยสัญญาประชาคมที่พรรคเพื่อไทยได้เคยแถลงต่อพี่น้องประชาชนไว้ พรรคเพื่อไทยขอแสดงความยินดี และยอมรับที่พรรคก้าวไกล เสนอตัว เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และเห็นด้วยที่พรรคก้าวไกลจะเชิญพรรคร่วมฝ่ายประชาธิปไตยเป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาลตามที่หัวหน้าพรรคก้าวไกลได้แถลงไว้ พรรคเพื่อไทยขอยืนยันว่า ไม่มีแนวความคิดที่จะจัดตั้งรัฐบาลแข่งกับพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทยเห็นว่า ในการจัดตั้งรัฐบาล ประเด็นในการหารือ และกระบวนการต่างๆ ให้เป็นหน้าที่ของพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายดำเนินการ

เมื่อถามว่า การจัดตั้งรัฐบาล จะใช้เวลานานเท่าไหร่นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของพรรคแกนนำที่จะดำเนินการ เรายินดีและสนับสนุนเท่านั้น อยู่ที่พรรคก้าวไกลจะเริ่มดำเนินการอย่างไร ส่วนกระบวนการพูดคุยก็อยู่ที่กรรมการบริหารพรรคที่จะพูดคุยกัน

เมื่อถามว่า 309 เสียงจะโหวตนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า โดยนัยแล้ว 300-310 เสียง สามารถเป็นรัฐบาลที่เข้มแข็งได้ แต่ว่าจะโหวตนายกฯได้หรือไม่ ก็เป็นไปตามข้อกฎหมาย ที่ระบุชัดเจนว่า การเลือกนายกฯต้องเลือกในรัฐสภา ต้องได้เสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของที่ประชุมร่วมคือ 376 เสียง ฉะนั้นก็ต้องอาศัยเสียงที่จะมาโหวตให้ได้ 376 เสียง

ถามต่อว่า เงื่อนไขที่จะไปคุยกับก้าวไกล จะได้ข้อยุติเมื่อไหร่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า กระบวนการเพิ่งเริ่มต้น แล้วจะเข้าสู่การพูดคุยระดับที่เป็นทางการ จากนั้นค่อยคุยเรื่องเงื่อนไขต่างๆ กัน เรายังไม่กำหนดเวลาว่าจะสรุปเมื่อไหร่ซึ่งต้องฟังพรรคแกนนำว่ามีการกำหนดประเด็น ข้อหารืออย่างไร และตอนนี้ยังไม่ใครเห็นเอ็มโอยูของพรรคก้าวไกล เพราะยังไม่ได้เริ่มพูดคุยกันเลย

เมื่อถามย้ำว่า ให้การโหวตนายกฯเป็นหน้าที่ของก้าวไกลใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เขาเป็นพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ก็เป็นภาระหน้าที่ของก้าวไกลในการเดินประสาน กรณีที่เราเข้าไปร่วมก็เป็นพรรคหนึ่งที่ต้องสนับสนุนเขาเต็มที่

ถามว่า การตั้งรัฐบาลระหว่างพรรคเพื่อไทยกับก้าวไกลจบลงด้วยดีใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เราก็มุ่งหวังอย่างนั้น เพื่ออนาคตประเทศ เพื่อความหวังประชาชน ถ้าทุกอย่างราบรื่นก็เป็นไปตามความต้องการของประชาชนที่ออกเสียงมา

ถามว่า ตอนนี้พรรคเพื่อไทยมีเงื่อนไขอะไรของตัวเองหรือไม่ ที่จะไม่สามารถร่วมกับก้าวไกลได้ นพ.ชลน่านกล่าวว่า เราต้องดูรายละอียดในสิ่งที่ก้าวไกลเสนอมาเขาเป็นผู้กำหนดประเด็นในการหารือ

เมื่อถามว่า ถ้ามองตัวเลขที่นายพิธาตั้งไว้คือ 309 เสียง คิดว่าสว.จะกล้าหักเสียงนี้หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นคำถามที่ถามเป็นความคิด การจะโหวตนายกฯได้ต้องมี 376 เสียง ตนตอบในหลักการเบื้องต้นว่าเป็นภาระหน้าที่ที่พรรคแกนนำต้องแสวงหาตรงนี้ให้ได้ และถ้าได้รับอาณัติมอบหมายจากประชาชนให้เป็นเสียงข้างมากขนาดนี้โดยหลักการสว.น่าจะมาร่วมโหวตนายกฯ และยอมรับเสียงข้างมากประชาชน อันนี้เป็นแนวคิด แต่ถ้าเหตุการณ์เกิดอย่างนั้นทุกอย่างก็ราบรื่น

ถามต่อว่าถ้าก้าวไกลตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ มีโอกาสจะถูกโดดเดี่ยวหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เราอย่าไป
คาดการณ์อย่างนั้น ภารกิจขณะนี้ ถ้าเรายินดีเราสนับสนุน เขาต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ส่วนอะไรจะเกิดเราไม่ควรไปคิดตรงนั้น

สรุป : มีคำไหนบ้างครับ ที่สะท้อนว่า พรรคเพื่อไทยรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล คำตอบจากปากหมอชลน่าน วนอยู่กับการ “เราหนุนเขาให้ตั้งได้ เป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องตั้งให้ได้”

เหมือนละไว้ในฐานที่เข้าใจว่า “ถ้าเธอตั้งรัฐบาลไม่ได้เพื่อไทยจะลองตั้งดูนะ”

พรรคเพื่อไทย + พรรคภูมิใจไทย + พรรคพลังประชารัฐ รวมกันก็ 251 เสียงแล้ว

เอาพรรคเล็กพรรคน้อยอย่าง ชาติไทยพัฒนา,ไทยสร้างไทย, ชาติพัฒนากล้า หรืออาจจะเป็นรวมไทยสร้างชาติมาร่วมด้วย ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร

ออกมาในรูปนี้ มีหรือ สว. จะไม่โหวตให้ ตั้งรัฐบาลได้อย่างง่ายดาย !!

ถึงเวลานั้น พรรคก้าวไกลจะทำอย่างไร จะไสมวลชนลงสู่ท้องถนน เพื่อสะท้อนความเอาแต่ใจ ไม่มีวุฒิภาวะทางประชาธิปไตยหรือเปล่า?

ฉะนั้น ในเวลานี้ ขอแค่เพียงว่า สว.ช่างเจรจาทั้งหลาย ช่วยสงบปากสงบคำกันไว้สักนิดก่อนนะ อย่าเพิ่งออกมาให้ความเห็นอะไรมากนักเลย

โอเคนะ