“บุคคลแนวหน้า ใน หนังสือพิมพ์แนวหน้า www.naewna.com สื่ออุดมการณ์มั่นคง ตรงไป ตรงมา” ฉบับนี้ “ไม้หน้าสามย่อโลกทัศน์ที่กว้างให้แคบ ขยายโลกทัศน์ที่แคบให้กว้าง ทำความจริงให้ปรากฏ ให้สังคมไทยรู้ทันเล่ห์ทันเหลี่ยมนักการเมืองเจ้าเล่ห์เสียชาติเกิด นักเลือกตั้งชังชาติ ส่ำสัตว์ติ่งสัมภเวสี อย่างเท่าเทียม”...nn เริ่มต้นการเมืองวันนี้ที่ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค.2566 ซึ่งไม่ได้มีอะไรเหนือความคาดหมายเป็นไปตามปฏิกิริยาทางการเมืองของประชาชนที่ปิดสวิตช์ “สายอนุรักษ์นิยม”อย่างสิ้นเชิง หลังฝ่ายอนุรักษ์นิยมไม่ได้แสดงวิสัยทัศน์ที่โดดเด่นกว่าฝ่ายประชาธิปไตยและปรากฏการณ์ที่เกิดกับสนามเลือกตั้งกรุงเทพมหานครไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นปรากฏการณ์ปกติของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในกทม.เกิดขึ้นอย่างนี้มาตลอดกับ “ขี้หมาหอมก้อนใหม่” อย่าง “พรรคประชากรไทย” ของ “ชมพู่ผ่าซีก–สมัคร สุนทรเวช” ผงาดกวาดที่นั่งสส.กทม.เกือบเหี้ยน...
nn ครั้งนั้น “ชมพู่ผ่าซีก–สมัคร สุนทรเวช” ล้มพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งเดือนเมษายนปี 2522 หลัง “อินทรีบางเขน–พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ปฏิวัติรัฐบาลหอย–ธานินทร์ กรัยวิเชียร” ที่มาจากคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินที่มี “บิ๊กจอว์ส–พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่” เป็นหัวหน้าคณะยึดอำนาจจาก “ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช” หลังเกิดเหตุวุ่นวายทางการเมืองเกิดการสังหารหมู่นักเรียนนิสิตนักศึกษาที่บริเวณทุ่งพระเมรุและบริเวณลานโพธิ์ภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จากการเดินทางกลับประเทศของสองสามเณร “จอมพลถนอม กิตติขจร กับลุงตุ๊จอมพลประภาส จารุเสถียร” ที่หลบหนีออกนอกประเทศจาก “เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ 14 ตุลาคม 2516–วันมหาวิปโยค” ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนั้นคนเมืองกรุงจมูกไว “หอมขี้หมาก้อนใหม่” เลือกให้พรรคการเมือง “ฝ่ายขวาจัด-กษัตริย์นิยม” อย่าง “พรรคประชากรไทย” ชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้น เหลือที่นั่งให้แชมป์เก่าพรรคประชาธิปัตย์เพียงที่นั่งเดียวของ “พันเอกถนัดคอมันตร์” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ถัดจากม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช...
nnไม่ใช่ครั้งสุดท้ายกับ “ขี้ก้อนใหม่หมาหอม” ของประชาชนคนเมืองหลวงจมูกไวเพราะถัดจากนั้นมาถึงการเลือกตั้งปี 2531 พรรคการเมืองที่เดินสายกลางอย่าง “พรรคพลังธรรม” ของ มหาห้าขันธ์–พลตรีจำลอง ศรีเมือง" ก็สร้างปรากฏการณ์ “ขี้หมาหอมก้อนใหม่” เหลือเก้าอี้สส.ในกทม.ให้กับพรรคประชากรไทยสองที่นั่งคือ “นายสมัคร สุนทรเวช และ ดร.ลลิตา ฤกษ์สำราญ”และอีกหนึ่งที่นั่งให้ “มาร์คทาสแมว–อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หนุ่มนักเรียนนอกรูปหล่อมากความรู้ความสามารถวิสัยทัศน์ก้าวไกลที่ลงสนามการเมืองครั้งแรกในนามพรรคประชาธิปัตย์ แล้วเหตุการณ์นี้ก็กลับมาขยี้พรรคพลังธรรมในการเลือกตั้งเมื่อปี 2539 ที่เหลือ “เจ๊หน่อย–สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” เป็นสส.กรุงเทพมหานครเพียงคนเดียว ... ที่น่าสนใจน่าศึกษากว่าคือปรากฏการณ์ก้อนขี้ใหม่หมาหอมของคนเมืองหลวงระบาดออกไปสนามเลือกตั้งต่างจังหวัดอย่างมีนัย...
nn สรุปวันนี้มี สส.พรรคก้าวไกล ในสภาแค่ 151 คน ไม่รวม “ทิม–พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ที่มีความต้องการแต่เริ่มต้นว่าต้องการให้ “ทิม-พิธา เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย” หลัง “การปฏิวัติสยาม” ส่วนอีก 158 คน ที่จะร่วมโหวตให้ “ทิม-พิธา” เป็นนายกรัฐมนตรีนั้นก็แค่อยากร่วมเป็นรัฐบาลด้วย ไม่ใช่ตัวแทนประชาชนที่อยากได้ “ทิม-พิธา เป็นนายกรัฐมนตรี” เพราะช่วงหาเสียงเลือกตั้งได้เสนอชื่อแคนดิเดตอื่นเป็นนายกรัฐมนตรีต่างหาก ดังนั้น การกดดันให้ท่านผู้ทรงเกียรติอีก 158 ท่าน เปลี่ยนใจมายกมือสนับสนุนให้ท่านเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อปิดสวิตช์สว. 250 โหวตสวนจึงไม่น่าจะเกิดขึ้น ยกเว้นประดานักการเมืองที่ไม่เคยได้อำนาจทางการเมืองกระสันต์อยากเป็นรัฐบาลอย่างไม่ลืมหูลืมตา เท่านั้น...
nn ต้องถามใจด้วยความเป็นธรรมว่า “สมควรหรือไม่” กับการสำรอกกดดันท่านผู้ทรงเกียรติพรรคอื่นๆ ที่ไม่ได้ถูกเชิญเข้าร่วมรัฐบาล เมื่อฉันมามติที่เกิดขึ้นก็แค่ 30 เปอร์เซ็นต์ของผู้เลือกตั้งหรือราว 14 ล้านคนเศษ มีตัวแทนประชาชนที่เลือกผู้สมัครสส.พรรคก้าวไกล ของ “ทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์”แค่ 151 ที่นั่ง เสียงเพรียกร้องที่บอกว่าหากพรรคภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ เป็นสุภาพบุรุษประชาธิปไตยสมควรยกมือสนับสนุน “ทิม-พิธา” เพื่อให้เกิน 376 เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา ไม่ใช่แค่ “นักเลือกตั้ง” ต้องถามประดาเจ้าของเสียงสำรอกสำรากเพื่อการนี้ดังๆ อีกครั้งว่า “ทิม-พิธาลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ประกาศก่อนวันลงคะแนนเสียงพิพากษาตัดสินอนาคตสังคมไทยว่า จะไม่ยกมือโหวตสนับสนุน “แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย” หากไม่เชิญ “พรรคก้าวไกล” เข้าร่วมรัฐบาลจริงหรือไม่ และสถานภาพตอนนั้นคือ “นักเลือกตั้ง” หรือเปล่า...
nn “ทิม–พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ควรเริ่มต้นบทเรียนแรกของการเป็นผู้นำสังคมไทยด้วยการใช้ความสามารถในการเจรจาสนทนาพูดคุยถกเถียงให้ตกผลึกด้วยวิสัยทัศน์และความรู้ความสามารถ จนได้รับเสียงสนับสนุนจากท่านผู้ทรงเกียรติในรัฐสภาให้การยอมรับด้วยเวลาอีกกว่า 60 วันนับจากนี้ ไม่ใช่นั่งทอดขาอยู่บนหอคอยงาช้างรอเครื่องเส้นไหว้บรรณาการจากกลุ่มค่ายการเมืองต่างๆ หรือ “เห่ากระโชก”อย่างสุดกำลังโดยใช้พลังประชาชน 30 กว่าเปอร์เซ็นต์เป็นแบ๊กอัพ อยากบอกว่า “เสรีภาพ หมายถึงความมีอิสระที่จะคิดหรือทำอะไรได้โดยไม่มีอุปสรรคขัดขวางความมีสิทธิที่จะทำจะพูดโดยไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น” นี่คือสิ่งที่เรียกร้องกันมามิใช่หรือ...
nn ถ้าพูดภาษาเดียวกันยังไม่สามารถเจรจาให้ตกผลึกได้ จะสามารถเจรจาความเมืองได้อย่างไรในอนาคต ยิ่ง “จักรวรรดินิยมอเมริกา” จ้องฉวยหาพื้นที่ในสุวรรณภูมิ (อาเซียน) เป็นฐานทัพย่ำยีสกัดกั้นการขยายอิทธิพลของ “จีน”...“วาทศิลป์” จึงยิ่งเป็นหัวใจของผู้นำชาติ ไม่ใช่แค่สร้าง “วาทกรรมประดิษฐ์หลอกประชาชน” ไปวันๆ แบบนักการเมืองเสียชาติเกิดนักเลือกตั้งชังชาติเท่านั้น อย่าลืมว่าครั้งหนึ่งขบวนการนักเรียนนิสิตนักศึกษาและประชาชนเคยรวมพลกดดันขับไล่ฐานทัพชาติสถุนอเมริกามาแล้ว และที่ผ่านมา “จีน” ก็ให้ความช่วยเหลือประเทศไทยในหลายด้านแม้จะถูก “นักการเมืองเสียชาติเกิด นักเลือกตั้งชังชาติ”ด้อยค่าดูแคลนอย่างหนักหน่วงในช่วง “วิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19)” ก็ตามที วันนี้ “จีน”เห็น “เงาทะมึนคล้ายอินทรี”อยู่ข้างหลัง “ทิม–พิธา และ พรรคก้าวไกล”จนประกาศชะลอการลงทุนในประเทศไทย...
nn ทิ้งท้ายฉบับนี้“ไม้หน้าสาม” ขอแสดงความยินดีกับ “พรรคก้าวไกล”ภายใต้การนำของ “ทิม–พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ขอให้ประสบความสำเร็จในการจัดตั้งรัฐบาล แต่ 14 ล้านกว่าเสียงที่สนับสนุนท่านไม่ได้ยินยอมพร้อมใจให้ท่าน “ชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้าน” จนเสียเอกราชให้กับ “จักวรรดินิยมอเมริกา” อย่างอดีตที่ผ่านมา...nn
ไม้หน้าสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี